แม้ไม่เคยทำธุรกิจขนส่งมาก่อน ทว่า เมื่อโอกาสถูกหยิบยื่นมาให้ ขึ้นอยู่กับว่าจะรับหรือปล่อยผ่านและ ณัฐพล ขจรวุฒิเดช ผู้นำครอบครัวพร้อมรับความท้าทายนั้น
เมื่อ 28 ปีก่อนณัฐพลได้รับการติดต่อจากเพื่อนให้มารับช่วงกิจการขนส่งปูนซีเมนต์ผงเนื่องจากบุตรชายซึ่งเป็นผู้ดูแลเสียชีวิต และไม่มีคนบริหารงานต่อ โดยขณะนั้น ณัฐพล และ สุวรรณา ขจรวุฒิเดช ผู้เป็นภรรยา ประกอบธุรกิจลีสซิ่ง ซึ่งปัจจุบันคือ บริษัท มี แคปปิตอล จำกัด (MC) ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อและจัดไฟแนนซ์รถยนต์ (รถแท็กซี่) หลังจากนั้นทั้งคู่ได้บริหารกิจการทั้งสองบริษัทควบคู่กัน และกิจการเติบโตตามลำดับ โดยปี 2563 บจ. มี แคปปิตอล มีรายได้ 700 ล้านบาท ขณะที่ บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA มีรายได้รวม 614.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 34.8 ล้านบาท ไตรมาส 1/2564 มีรายได้รวม 152.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10.1 ล้านบาท
- จากลีสซิ่งสู่ขนส่งปูนซีเมนต์ -
ครอบครัวขจรวุฒิเดชแยกกันทำงานเป็นรายบริษัท โดยณัฐพลเป็นผู้บริหาร MC ขณะที่สุวรรณาดูแล MENA และเพิ่งนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2564 สุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ทีมงาน Forbes Thailand ที่สาขาราชเทวี โดยมีบุตรสาวคนที่ 2 “สุดารัตน์ ขจรวุฒิเดช” ผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการร่วมรับฟังอยู่ด้วย สุวรรณาเล่าว่า ธุรกิจแรกของครอบครัวเป็นสินเชื่อรถยนต์ปี 2536 เพื่อนสามีขอให้ช่วยรับช่วงธุรกิจขนส่งปูนซีเมนต์ผง ซึ่งเธอและสามีไม่เคยมีประสบการณ์ แต่เมื่อผู้นำครอบครัวตกปากรับคำ ในฐานะช้างเท้าหลังก็ช่วยงานเต็มกำลังจากเดิมที่ดูแลเฉพาะงานบัญชีของธุรกิจลีสซิ่ง

- เชื้อเพลิง + คนขับ คือหัวใจ -
การทำธุรกิจขนส่งปัจจัยสำคัญคือ น้ำมันเชื้อเพลิงที่เจ้าของต้องตามให้ทันคนขับรถ ซึ่งมักจะเบิกน้ำมันเกินการใช้งานจริง “การคุมเรื่องเชื้อเพลิงเป็นอะไรที่ท้าทายมาก เรามีการจับเรต รถคันหนึ่งวิ่งไปส่งงานลูกค้ากลับเข้ามาแต่ละรอบ แต่ละวัน ใช้น้ำมันเท่าไร แรกๆ ใช้เกิน เพราะคนขับคิดว่าบริษัทไม่มีระบบในการตรวจสอบบางคนเติมเกิน หรือเอาออกไปใช้เอง เรามีการตรวจแต่เหมือนทำงานตามหลัง จึงออกกฎว่าน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนบริษัทขอให้พนักงานใช้ตามเรตที่กำหนด หากไม่พอใช้บริษัทชดเชยให้ ถ้าใช้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ประหยัดได้ 100 ลิตร ก็คิดเป็นเงินคืนให้คนขับ" ต่อมามีโครงการ “เถ้าแก่น้อย” คือ ให้คนขับรถเป็นเจ้าของรถเอง โดยเริ่มต้นจากรถลากที่ใช้ก๊าซ NGV ซึ่งเป็นรถใช้น้ำมัน แต่ดัดแปลงมาใช้ก๊าซ ปัญหาที่พบคือ รถเสียบ่อย คนขับทำงานไม่เต็มที่ ไม่ให้ความร่วมมือในการดูแลรักษารถ ประกอบกับจุดเติมก๊าซมีน้อย ทำให้เสียโอกาสในการทำรอบขนส่งสินค้า

- เติบโตพร้อมลูกค้า -
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2550 เมื่อลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์ชักชวนให้ใช้รถมิกเซอร์หรือรถผสมคอนกรีตในการขนส่ง ซึ่งบริษัทก็สนใจแต่ติดขัดที่เงินลงทุน และการบริหารจัดการงานจึงเจรจาต่อรองกับลูกค้า “ตอนแรกที่มาทำธุรกิจนี้เราได้ contract กับบริษัทมีชื่อเสียงอยู่แล้ว ไม่ต้องหาลูกค้าหรือหาตลาดเลย ถ้าคุณเติบโตเราก็หารถเพิ่ม ไม่ต้องยุ่งการตลาด รถมิกเซอร์ plant ปูนต้องทำตลอด แต่สมัยนี้ไม่ใช่ต้องหาตลาดด้วย เราเป็นตัวแทนจำหน่ายปูนให้ทุกค่าย ทำเพราะอยากหางานให้รถที่จอดอยู่เฉยๆ หากหางานได้รถก็ได้วิ่งเราเป็นเจ้าแรกที่ทำขนส่งปูนด้วยรถ 4-6 ล้อ เป็นรถโม่คันเล็กๆ วิ่งตามซอย เราเป็นตัวแทนจำหน่ายได้กำไรส่วนต่างจากการขาย รายได้ตรงนี้เดือนละ 1-2 ล้านบาท” “จุดเด่น” ของ MENA คือ พยายามตอบโจทย์การขนส่งให้กับลูกค้า ทั้งเรื่องเส้นทางการวิ่งรถ การรักษาความปลอดภัยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและความสูญเสียพร้อมกับการพัฒนาทีมงาน แผนงานต่อไปหลังจากที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คือ เพิ่มการให้บริการขนส่งสินค้าประเภทอื่นๆ ด้วย เนื่องจากมีความพร้อมทั้งเรื่องรถ ระบบทีมงานและบุคลากร โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 367 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 275 ล้านบาท ภาพ: กิตติเดช เจริญพร และ MENA อ่านเพิ่มเติม:- กนกทิพย์ จันทร์พลังศรี นายหญิง “TPOLY GROUP”
- เศรษฐินีสหรัฐฯ แห่งทำเนียบ FORBES 400 ประจำปี 2021
- 5 วิธีเติมพลัง “การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ”
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine
