Nahm - Forbes Thailand

Nahm

FORBES THAILAND / ADMIN
03 Oct 2015 | 10:41 AM
READ 4210
และก็ถึงคราวนัดของ กฤษฎา สวามิศักดิ์ CEO Forbes Thailand กับกรรมการผู้จัดการ L’Oreal (Thailand) Co., Ltd. คุณ Umesh Phadke หลังจากที่เขาตอบรับคำเชิญมาดินเนอร์กับเราโดยเลือกมาที่ร้าน Nahm แห่ง The Metropolitan Bangkok หนึ่งในโรงแรมของนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ Christina Ong เจ้าของ COMO hotels and resorts ด้วยกิตติศัพท์ของร้านที่ได้รับการจัดอันดับโดย San Pellegrino ให้เป็นร้านอาหารอันดับ 7 ใน Asia’s 50 Best Restaurants 2015 และอันดับ 22 ของ World’s 50 Best Restaurant 2015 ผมยอมรับเลยว่า ตอนแรกเกรงที่จะไม่สามารถหาวันเวลาที่ลงตัวสำหรับการดินเนอร์ที่ร้านนี้ได้ เพราะด้วยความขึ้นชื่อเรื่องอาหารไทยรสอร่อยฝีมือประณีตของร้านที่มีชื่อเสียงระดับโลกของ Nahm จึงมักจะถูกจองแน่นไปด้วยลูกค้าที่ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ แต่สุดท้ายด้วยการใช้กำลังภายในเล็กน้อย จึงเอ็กซ์คลูซีฟกว่าเดิม เพราะดินเนอร์นี้เราได้ห้อง private room คุณ Umesh เลือกร้าน Nahm เพราะเป็นร้านโปรดของเขา “สำหรับอาหารไทย ต้องที่นี่” ด้วยรสชาติอาหาร และวิธีการนำเสนออาหารเป็นอะไรที่คุณ Umesh คอนเฟิร์มว่าร้าน Nahm ทำให้อาหารไทยลงตัว เขาติดใจและเป็นลูกค้าประจำ จะพบเขาได้บ่อยๆ ที่นี่ เพราะแวะเวียนมาทุกๆ 4-6 สัปดาห์ ซึ่งนอกจากเสียงการันตีจากคุณ Umesh แล้ว การที่ผมได้มาเยือนในวันนี้ก็เชื่อได้ถึงความอร่อยของร้าน Nahm ได้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลองชิม เพราะที่นั่งเต็มทุกโต๊ะ แม้ว่าวันนี้จะเป็นช่วงกลางของสัปดาห์ก็ตาม ดินแนอร์นี้เราเลือกเป็นเซตเมนู ซึ่งเซตเมนูของที่นี่จะเปลี่ยนในทุกเดือน ค่ำคืนนี้ดินเนอร์ของเราประกอบไปด้วยอาหารไทยที่ไม่ได้หาทานกันได้ง่ายๆ ตั้งแต่ขนมเบื้องญวน ลาบหมู ปูซ่อนกลิ่น ลาบไก่ต๊อก ยำปลาอินทรีใส่ส้มโอ ต้มยำไก่กุ้งกับเห็ดป่า หลนเคยสด แกงมัสมั่นเนื้อ แกงป่าไก่ ปูนิ่มผัดเผ็ด ผักหวานผัดกับเห็ด ซึ่งคุณ Greg Plowes - restaurant manager ได้เข้ามาแนะนำเสริมว่าให้ทานคู่กับไวน์ขาว Riesling หรือไวน์แดง Pinot Noir ที่จะไปกันได้สวยกับดินเนอร์อาหารไทยค่ำคืนนี้ นอกจากเซตเมนูข้างต้นแล้ว คุณ David Thompson เชฟและเจ้าของร้าน Nahm ก็ไม่ลืมสัญญาเมื่อครั้งที่เราดินเนอร์กันครั้งก่อน เขาเตรียม “ไข่ป่าม” ไว้ให้เราเป็นเมนูพิเศษ เมนูอาหารภาคเหนือหาทานยาก ที่ในตอนนั้นทำให้ผมรู้สึกเขินเล็กน้อยเพราะเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อมันเป็นครั้งแรกเมื่อตอนที่ดินเนอร์กับคุณ David ณ ร้าน Appia ก่อนตบท้ายด้วยขนมไทยหาทานยากที่จัดหนักมาเสมือนเป็นเมนคอร์ส ทั้งลิ้นจี่ลอยแก้ว ข้าวเหนียวทุเรียน ขนมครก กล้วยเชื่อม ลอดช่อง หนุมานคลุกฝุ่น (มะพร้าวอ่อนขูด) กระยาสารท กล้วยแขก ทองเอก มะพร้าวแก้ว และเมนูผลไม้ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล คุณ Umesh ก็เล่าย้อนถึงชีวิตในเมืองไทยที่กินเวลายาวนานมาถึง 11 ปี ส่วนใหญ่เขาทำงานอยู่ในแวดวง Fast Moving Consumer Goods (FMCG) ไม่ว่าจะกับ P&GGlaxoSmithKline จนในที่สุดก้าวขึ้นมาเป็นนายใหญ่แห่ง L’Oreal (Thailand) Co., Lltd. คุมพนักงานกว่า 1,200 ชีวิต มีรายได้ต่อปีกว่า 85,000 ล้านบาท พร้อมสินค้ากว่า 83 ล้านชิ้น ภายใต้ 20 แบรนด์ ที่ L’Oreal ผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศไทย คุณ Umesh เล่าให้ผมฟังว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ L’Oreal ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีศักยภาพที่จะโตขึ้นได้อีกมาก “คนเกาหลีและญี่ปุ่นเฉลี่ยแล้วใช้สินค้าสกินแคร์วันละ 15 ชนิด ส่วนคนไทยใช้ 4 ชิ้นต่อวัน” นอกเวลางาน ไม่รวมความที่เป็นนักชิมตัวยงแล้ว เขายังเป็นนักสะสมกล้อง และเป็น self-taught photographer โดยชอบการถ่ายรูปแบบ Street photography ซึ่งจุดหมายปลายทางของเขามักจะเป็นสถานที่นอกจอเรดาร์ของนักท่องเที่ยวและล่าสุดเขาเพิ่งไปเยือนมาดากัสการ์ ซึ่งเขาไม่พลาดที่จะถ่ายภาพสิ่งที่เจอรอบตัว นอกจากนี้เขายังเปิดแสดงภาพถ่ายของตนมาหลายครั้งหลายหนอีกด้วย
คลิ๊กอ่าน "Forbes Life Thailand: Where Bosses, Chefs and Restaurateurs Dine?" ในรูปแบบ E-Magazine