OR จับมือ ไทยเวียตเจ็ท ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง SAF ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เริ่ม ก.ค.นี้ - Forbes Thailand

OR จับมือ ไทยเวียตเจ็ท ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง SAF ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เริ่ม ก.ค.นี้

FORBES THAILAND / ADMIN
06 Jun 2024 | 03:32 PM
READ 1108

OR ร่วมกับ ไทย เวียตเจ็ท นำน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) มาใช้บนเส้นทางบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป


    นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และ นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย เวียตเจ็ท แอร์ จอยท์ สต๊อค (ไทย เวียตเจ็ท) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่อง การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ และความร่วมมือในอนาคต ณ ห้องประชุม Multiverse ชั้น 10 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคารซี

    นายดิษทัต กล่าวว่า ความร่วมมือกับ ไทย เวียตเจ็ท ครั้งนี้ เป็นการนำน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ซึ่งเป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่คล้ายคลึงกับน้ำมันเจ็ท ผลิตจากน้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้ว หรือที่เรียกว่า UCO (Used Cooking Oil) โดย SAF สามารถผสมเข้าไปกับน้ำมันเจ็ทเพื่อให้ใช้ในเครื่องบินได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือปรับปรุงเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการนำพลังงานสะอาดมาใช้ในอุตสาหกรรมการบิน

    นอกจากนี้ OR และไทย เวียตเจ็ท จะร่วมมือกันพัฒนาพลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับใช้กับอากาศยานในอนาคต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบินต่อไป


    นายวรเนติ เปิดเผยว่า สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ยังดำเนินโครงการ Fly Green อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากผู้โดยสารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน

    และในเดือนกรกฎาคม 2567 ไทย เวียตเจ็ท จะนำน้ำมัน SAF ผสมกับน้ำมัน Jet A1 เพื่อใช้ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากประเทศไทยไปยังดานัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมของโครงการนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเตรียมความพร้อมที่จะสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการบิน

    ทั้งนี้ แม้ว่าน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) จะมีต้นทุนสูงกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดาหลายเท่า แต่น้ำมัน SAF สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับน้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดา โดยสามารถผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดาในการการปฏิบัติการบินของอากาศยานได้อย่างปลอดภัยและราบรื่น



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลุยโปรเจกต์ ‘Urban Mining’ นำชิ้นส่วนรถเดิมมารีไซเคิล ผลิตรถใหม่

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine