เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา จากเด็กยกของในวงดนตรีที่สามารถใช้เสียงหัวเราะเป็นทางลัดขึ้นแท่นตลกดาวรุ่งประจำวง ถึงคณะตลกคาเฟ่บนเวทีใหญ่ พร้อมคว้าโอกาสเริ่มต้นการเป็นศิลปิน นักแสดง และพิธีกร ด้วยความมุ่งมั่นส่งมอบอารมณ์ขัน สู่การก่อตั้งบริษัทผลิตรายการทีวีและภาพยนตร์ทำเงินร้อยล้าน
พลังบวกจากเสียงหัวเราะยังคงเป็นยาวิเศษช่วยลดความตึงเครียดและรักษาโรคได้สำหรับทุกเพศวัย ซึ่งถือเป็นพันธกิจสำคัญและรางวัลอันยิ่งใหญ่ของศิลปินตลกที่สามารถมอบความบันเทิงและเปลี่ยนโลกให้อารมณ์ดีได้สำเร็จ ดังเช่น เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ผู้สร้างเสียงหัวเราะผ่านการแสดงและผลงานสร้างทั้งรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงจุดยืนที่ความสนุกสนานตามแบบฉบับของ “หม่ำ จ๊กมก” เสี้ยววินาทีของความเปลี่ยนแปลงในชีวิตเกิดขึ้นในวัย 16-17 ปี เมื่อเด็กหนุ่มชาวยโสธรตัดสินใจหนีออกจากบ้านในครอบครัวที่มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน เพื่อเดินทางแสวงโชคในเมืองหลวง และได้เริ่มต้นทำงานเป็นเด็กยกอุปกรณ์หรือคอนวอยในวงดนตรีลูกทุ่งของ สดใส รุ่งโพธิ์ทอง ในซอยบุปผาสวรรค์รับค่าแรงวันละ 40 บาท เพราะความอารมณ์ดีและสามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับวงดนตรีหลังเวทีจึงเข้าตาให้ได้รับโอกาสขึ้นแสดงบนเวที จากหางเครื่องกลายเป็นตลกดาวรุ่งที่อายุน้อยที่สุดในคณะ 9 ยอด และทำงานเป็นตลกในคณะเล็กๆ ไปกับวงดนตรีลูกทุ่งหลายวง รวมถึงตลกคาเฟ่เป็นเวลากว่า 3 ปี จนกระทั่งวงดนตรีลูกทุ่งเริ่มซบเซาและเพ็ชรทายเริ่มรู้สึกท้อแท้ก็มีโอกาสได้รู้จักกับคณะตลกของ เทพ โพธิ์งาม และกลายเป็นจุดเปลี่ยนของการขึ้นเล่นตลกคาเฟ่บนเวทีใหญ่ครั้งแรกในชีวิตที่ธนบุรีคาเฟ่ ลาดหญ้า ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ หม่ำ สปาเก็ตตี้ ตลกดาวรุ่งรุ่นเด็ก ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น หม่ำจ๊กมก และตั้งคณะของตัวเองตามคำแนะนำของเทพ โพธิ์งาม โดยระหว่างทางยังแบ่งเวลาช่วงกลางวันแสดงภาพยนตร์ และกลางคืนเล่นตลกตามคาเฟ่จนถึงช่วงใกล้หมดยุคทองที่คาเฟ่เริ่มทยอยปิดตัวลง ชีวิตของเพ็ชรทายได้เดินทางถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งหลังได้รับคำชักชวนจาก ปัญญา นิรันดร์กุล ให้ร่วมงานในรายการชิงร้อยชิงล้าน โดยทำงานกับเวิร์คพอยท์ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา เช่น รายการเวทีทอง, ระเบิดเถิดเทิง, ซูเปอร์หม่ำ รวมถึงผลงานเพลงลูกทุ่งหมอลำและงานเขียน ได้แก่ หม่ำ ความลับในไหปลาแดก, หม่ำ มุกแป้ก, นางฟ้าของหม่ำ หนังสือการ์ตูน บิ๊กหม่ำ เดอะพ็อกเก็ตบุ๊กทั้งยังได้นั่งเก้าอี้ประธานสโมสรฟุตบอลยโสธร เอฟซี หรือทีมบั้งไฟพิฆาต ด้วยความพยายามนำทีมจังหวัดบ้านเกิดให้ประสบความสำเร็จในเส้นทางฟุตบอล นอกจากบทบาทการแสดงอยู่เบื้องหน้าบนจอแก้วและจอเงิน เพ็ชรทายยังมีความสุขกับการทำงานเบื้องหลังมอบเสียงหัวเราะและพลังบวกให้กับผู้ชม ด้วยการนั่งแท่นกำกับภาพยนตร์ เขียนบทภาพยนตร์ และอำนวยการสร้าง พร้อมก่อตั้ง บริษัท บั้งไฟ ฟิล์ม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด บั้งไฟ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ผลิตรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์หลายเรื่อง ซึ่งมุ่งเน้นสร้างความบันเทิงตลกเบาสมองเข้าใจและเข้าถึงคนดูได้ง่าย โดยมีภาพยนตร์ที่สามารถทำรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท ได้แก่ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม และแหยมยโสธร รวมทั้งยังขยายธุรกิจอาหารในชื่อบริษัท ไทย หม่ำ ฟู๊ด จำกัด ผลิตน้ำปลาร้าปรุงรสแบรนด์ MUM ส่วนหนึ่งของความสำเร็จในวันนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ที่ให้ความสำคัญกับการมองไปข้างหน้าและไม่หยุดพัฒนาเพื่อให้ดีที่สุดในวันพรุ่งนี้เสมอ ไม่เฉพาะเรื่องการวางแผนการทำงานแต่ยังครอบคลุมถึงการใช้ชีวิต โดยเพ็ชรทายได้เตรียมทำพินัยกรรมแบ่งสมบัติให้บุตรสาว (บุษราคัม) และบุตรชาย (เพทาย) อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง ซึ่งสะท้อนชัดถึงความเอาใส่ใจและคิดคำนึงถึงอนาคตไว้อย่างรอบด้าน ภาพ: เวิร์คพอยท์คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2564 ในรูปแบบ e-magazine