อนุษฐา เชาว์วิศิษฐ หญิงสาวร่างเล็กบุคลิกคล่องแคล่ว ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา เธอมักออกตัวว่า “ยิ้มสู้ค่ะ” ซึ่งไม่ใช่แค่คำพูดเพราะตลอดเวลากว่า 3 ชั่วโมงที่เธอให้สัมภาษณ์ ถ่ายภาพ และบันทึกวิดีโอกับทีมงาน Forbes Thailand สีหน้าและแววตาผู้บริหารหญิงท่านนี้ยังคงยิ้มแย้มอารมณ์ดีไม่เปลี่ยน
อนุษฐา เชาว์วิศิษฐ หรือ ณิณี ชื่อที่ผู้คนในแวดวงการเงินและธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์และอุตสาหกรรมยานยนต์รู้จักดี ทายาทธุรกิจรุ่น 3 ของโตโยต้า ทูโช ประเทศไทย กิจการร่วมทุนไทย-ญี่ปุ่นที่มีอายุยืนยาวกว่า 63 ปี ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด (TTTC) ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวที่ร่วมทุนกับ โตโยต้า ทูโช ญี่ปุ่น ร่วมธุรกิจกันมานานกว่า 6 ทศวรรษ จากจุดเริ่มต้น โดยคุณปู่ของเธอ สุจินต์ เชาว์วิศิษฐ ซึ่งก่อตั้งกิจการร่วมทุนแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2500 เติบโตมาอย่างต่อเนื่องในธุรกิจเทรดเดอร์ (trader) อุปกรณ์และชิ้นส่วนรถยนต์ ขยายไลน์สินค้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปัจจุบันมีบริษัทในกลุ่มมากกว่า 79 บริษัทครอบคลุมใน 7 กลุ่มธุรกิจปรับโครงสร้างองค์กรรับเทรนด์โลก
แต่ล่าสุดเมื่อปี 2562 บริษัทผู้ค้าอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์รายนี้ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ “เราปรับ structure ตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเป็น บริษัท โตโยต้า ทูโช ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (TTTH) ซึ่งครอบครัวเชาว์วิศิษฐ ถือหุ้น 51% และโตโยต้า ทูโช ถือ 49% โดยมีบริษัทลูก 40 บริษัทเข้ามาอยู่ภายใต้ holdings จากทั้งหมด 79 บริษัท” อนุษฐา เริ่มต้นบทสัมภาษณ์กับ Forbes Thailand ตั้งแต่การให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นช่วงหลังปรับโครงสร้างบริษัทไม่นานนักโดยเธอขยายความว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด (TTTC) ได้เปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทต่างชาติ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันทั่วโลก โดยมีไทยกับมาเลเซียเปลี่ยนแล้ว ซึ่งจะทำให้ธุรกิจคล่องตัวขึ้น แต่ละสายธุรกิจมีความชัดเจนขึ้น โดยเธอบอกว่า เทรนด์ mobility as a service หรือการที่อุตสาหกรรมยานยนต์จะเหมือนธุรกิจบริการ เป็นรูปแบบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตและมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “ใน ecosystem บริษัทรถยนต์แต่เดิมรถยนต์มีสัดส่วนสูงสุด แต่ปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนคนต้องการ service ธุรกิจจึงกำลังจะเป็นแพลตฟอร์มใหม่ ตอนนี้เลยดูอะไรที่เป็นการ link automotive and service มากขึ้น” อนุษฐาอธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงตามเทรนด์โลกที่ฉายภาพอนาคตได้ค่อนข้างชัด
โควิดเร่งอุตสาหกรรมปรับตัว
สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์บางส่วน ซึ่งแรงงานในอุตสาหกรรมนี้มี 600,000 คน ทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนและโรงงานรถยนต์โดนกระทบทั้งสองส่วน ซึ่งจะว่าไปแล้วสถานการณ์โควิด-19 กระทบทุกอุตสาหกรรม มีบางอุตสาหกรรมเป็นบวก แต่ส่วนมากเป็นทางลบ อนุษฐาเล่าว่า สิ่งที่โตโยต้า ทูโช ทำเพื่อช่วยคู่ค้าคือการช่วยเรื่อง inventory เมื่อความต้องการลดลงบริษัทไม่ได้ส่งของให้ลูกค้า แต่เก็บไว้เอง จัดสต็อกให้เหมาะสมพร้อมส่ง เป็นการช่วยทั้งเรื่องซัพพลายเชนช่วยลดทุนทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่บริษัทปรับมาเรื่อยๆเดินวิถีใหม่ธุรกิจหลังวิกฤต
ด้วยบทบาทผู้นำหญิงแห่งโตโยต้า ทูโช ไทย ต้องรับผิดชอบงานบริหารก้าวข้ามช่วงวิกฤตให้ได้ดีที่สุด เป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากแต่อนุษฐาบอกว่า “ยิ้มสู้ค่ะ” เป็นคำที่เธอใช้บ่อยเหมือนจะเตือนตัวเองว่า ทุกปัญหาต้องผ่านไปได้ขอเพียงต้องสู้ “สถานการณ์โควิด ทูโช เราพยามลดค่าใช้จ่ายที่มีทุกอย่าง พนักงานทุกคนดูแผนกตัวเอง ลดค่าใช้จ่ายลงได้เพื่อไม่ให้กระทบเรื่องคน เรายืนพนักงานไว้เท่าเดิม แต่หันมาลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายออฟฟิศสำนักงาน โลจิสติกส์ ทุกคนช่วยกันลดลงได้ถึง 20%” นอกจากนี้ ยังมีการลดinventory ในการสต็อกสินค้า ลดการสั่งสินค้าเข้า ลดแวร์เฮ้าส์ จากเดิมสต็อกไว้ 1.5-2 เดือนก็ปรับเหลือเพียง 1 เดือนทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง การขยายธุรกิจกระจายความเสี่ยงเป็น direction จากญี่ปุ่นที่กระจายใน 3 pillar ประกอบด้วย mobility กลุ่มยานยนต์และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง, earth and resources กลุ่มทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมและ life and community กลุ่มไลฟ์สไตล์และสังคม ซึ่งก็ตรงกับที่โตโยต้า ทูโช ไทย “อะไรก็ตามที่ทำให้สังคมดีขึ้นเราจะทำธุรกิจทุกอย่างที่เราทำาจะมองผลที่ได้ก่อนแล้วตัวเลขค่อยตามมาทีหลัง”
JAO Group ลุยธุรกิจอาหารด้วยจิตวิญญาณซามูไร
อนุษฐาไม่เพียงสืบทอดธุรกิจร่วมทุนโตโยต้า ทูโช ไทย เธอเน้นดูแลเรื่องการจับคู่ธุรกิจ (business matching) ทำให้มีโอกาสดีๆ ในการมองหาพันธมิตรต่อยอดขยายอาณาจักรธุรกิจ ปัจจุบันอาณาจักรธุรกิจของ “เชาว์วิศิษฐ” ได้นำชื่อสกุล “Jaovisidha” มาตั้งเป็นชื่อบริษัท JAO Group หรือ JAO เพื่อกระจายความเสี่ยงจากบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นด้วยการแตกไลน์ธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจรีเทล “เราต้องการกระจายความเสี่ยง จากเดิมมีเพียงกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์มีความมั่นคงระยะยาว แต่ธุรกิจอาหารยาก ต้องปรับตัวและเปลี่ยนเร็วตามพฤติกรรมผู้บริโภค แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ต้องบริหารจัดการต้นทุนการทำธุรกิจ”
- บริษัท เจ เอ โอ พรอสเพอร์ริตี้ จำกัด (JAO Prosperity) ลงทุนธุรกิจเทรดดิ้ง ธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจบริการ
- บริษัท เจเอโอ เมนเนจเม้นท์ จำกัด (JAO Management) โรงแรม รีสอร์ต เดอ พาสคานี (Resort de Paskani) เขาตะเกียบ อ. หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
- บริษัท เจพีเจ เมเนจเม้นท์ จำกัด (JPJ Management) ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวแทน ที่ปรึกษาบริหารสินทรัพย์ทั้งซื้อและปล่อยเช่า
- บริษัท เจ เอ โอ อามายะ (ไทยแลนด์) (JAO Amaya) ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ไอศกรีมนมฮอกไกโดเจลลาโต้โฮมเมด “อาซาบุ ซาโบะ” (AZABU SABO) ได้รับความนิยมตั้งแต่เปิดที่ Tokyo ประเทศญี่ปุ่น
- บริษัท เจเอโอ คิมุคัทสึ (JAO Kimukatsu) ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารดังจากญี่ปุ่น คิมุคัทสึ (Kimukatsu) หมูทอดมิลล์ หรือเอกลักษณ์หมูสไลด์บาง 25 ชั้น
- บริษัท เจเอโอ ฟู้ด เซอร์วิส (JAO Food Services) เป็นครัวกลางทำหน้าที่จัดหาวัตถุดิบอาหารให้กับร้านอาหารและโรงแรม
คลิกอ่านฉบับเต็ม “อนุษฐา เชาว์วิศิษฐ ขับเคลื่อนโครงสร้างใหม่ โตโยต้า ทูโช ไทย” ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine
