ชัยชนะเหนือยอดขายที่มากกว่าการใช้ตัวเลขเป็นมาตรวัด คือชื่อเสียงที่สั่งสมจนได้รับการยอมรับตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ทศวรรษของกลุ่มเบทาโกรที่สร้างการเติบโตไต่ระดับแสนล้านในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารครบวงจร
พลิกปฏิทินย้อนหลังในวันแรกที่เถ้าแก่โรงสีข้าวและบุตรชายตัดสินใจสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าวัตถุดิบทางการเกษตร ด้วยการต่อยอดธุรกิจผู้ส่งออกพืชผลด้านการเกษตรรายใหญ่ของประเทศสู่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์จากคำแนะนำของญาติพี่น้องในตระกูล “แต้ไพสิฐพงษ์” พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าโรงงานอาหารสัตว์เล็กๆ ในย่านพระประแดงจะเติบโตเป็นผู้นำในธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารครบวงจรอันดับ 2 ของประเทศ พร้อมสร้างรายได้กว่าแสนล้านบาทใน 49 ปีต่อมา บนความมุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารให้ดียิ่งขึ้นของเถ้าแก่ ได้ถ่ายทอดถึงบุตรชาย ชัยวัฒน์ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ พร้อมสืบทอดเจตนารมณ์ต่อเนื่องไปยังลูกไม้ใกล้ต้นรุ่นสาม ได้แก่ วนัสและวสิษฐทายาทผู้ร่วมเป็นทัพหน้าขยายอาณาจักรธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การเลี้ยง และการพัฒนาสายพันธุ์โดยครอบคลุมทั้งสุกร ไก่เนื้อ และไก่ไข่ การทำฟาร์มพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ การผลิต จำหน่ายเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์และอาหารสัตว์ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ บริการห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ อุปกรณ์ฟาร์ม รีสอร์ต และการปลูกพืชเศรษฐกิจ รวมบริษัทในเครือกว่า 30 บริษัท “เบทาโกรเริ่มต้นในปี 2510 จากคำว่า Better Agro รวมเป็น Betagro ซึ่งมีความหมายตามศัพท์จีนแต้จิ๋วว่า ฮงนี้ หมายถึงปีที่มีพืชผลทางการเกษตรดี โดยคุณปู่และคุณพ่อได้รับคำชักชวนให้เปิดโรงงานอาหารสัตว์จากญาติที่อยู่ในฮ่องกง ไต้หวัน และจีนซึ่งมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจอาหารสัตว์” วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เล่าถึงจุดเริ่มต้นของอาณาจักรที่สืบขานมาจากผู้เป็นพ่อ พร้อมกับการปลูกฝังให้สานต่อธุรกิจเส้นเลือดใหญ่ของครอบครัวและประเทศแม้จะไม่ใช่บุตรชายคนโต แต่วสิษฐก็ตระหนักดีถึงความรับผิดชอบในฐานะทายาทผู้ร่วมขับเคลื่อนอาณาจักรของครอบครัว ทันทีที่คว้าปริญญาโท MBA จาก University of Texas at Arlington ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเดินทางต่อไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อเริ่มต้นทำงานในกลุ่มเบทาโกร กับบริษัท โตโชกุก่อนจะกลับมาดำรงตำแหน่งเป็นทัพหน้าหลายบริษัทในกลุ่มเบทาโกร ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2531 “เราผ่านวิกฤตและความท้าทายหลายช่วงไม่ว่าจะเป็น วงจรของดีมานด์และซัพพลายในธุรกิจเกษตรที่ทำให้ราคาสินค้าผันผวนขึ้นลง หรือช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งที่เรารอดพ้นได้จากการเน้นสินค้าส่งออกเป็นหลัก” วสิษฐ ระลึกถึงความท้าทายที่เคยเผชิญระหว่างนั่งเก้าอี้บริหารร่วม 30 ปี โดยเฉพาะวิกฤตครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในปี 2547 หลังจากไข้หวัดนกระบาดหนักในประเทศไทย ส่งผลให้ยอดส่งออกเนื้อไก่ของประเทศลดลงจาก 5 แสนตันเหลือไม่ถึงแสนตัน จากวิกฤต สู่โอกาส สถานการณ์การส่งออกของไทยที่พลิกผันเพียงชั่วข้ามคืน ทำให้ทัพหน้าของเบทาโกรต้องแสดงฝีมือจัดการกับแรงกระเพื่อมที่สั่นสะเทือนตัวเลขยอดขาย พร้อมทั้งปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตและพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหาร ภายใต้แนวคิด “อาหารคุณภาพเพื่อคุณภาพชีวิต” จากวิกฤตที่แปรเปลี่ยนเป็นโอกาสทำให้เบทาโกรดำเนินธุรกิจอยู่บนความพร้อมในการปรับตัวให้ทันความเปลี่ยนแปลง โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความแตกต่างอย่างต่อเนื่อง ด้วยการริเริ่มตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์เบทาโกร (Betagro Science Center) เพื่อวิจัยและพัฒนา รวมถึงเป็นห้องปฏิบัติการกลาง เพื่อทดสอบอาหารสัตว์ โรคสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งเน้นการสร้างสายสัมพันธ์ทางการค้าอันแข็งแกร่งกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี หรือการนำระบบการบริหารคุณภาพ เพื่อยกระดับโรงงานให้เป็นมาตรฐานสากล สามารถตรวจสอบได้ตลอดห่วงโซ่อาหารของเบทาโกรตลอด 24 ชั่วโมง “ผมเชื่อว่า เราทำในส่วนนี้ได้ดีมาก และคุณวนัส (พี่ชาย) ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ โดยมีที่ปรึกษาจากญี่ปุ่นเข้ามาช่วยพัฒนาการบริหารจัดการและทีมเวิร์ค การยกระดับประสิทธิภาพและคุณภาพ รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อสร้างความแตกต่างทางธุรกิจ เช่น สุกร ไก่ และไข่ แบรนด์ S-Pure” วสิษฐกล่าวถึงการต่อยอดทางธุรกิจที่สำคัญจากการร่วมทุนกับกลุ่มซูมิโตโม่ คอร์ปอเรชั่นในการก่อตั้งบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศที่สามารถผลิตและจำหน่ายสุกรพันธุ์และสุกรขุนที่เลี้ยงด้วยเทคนิค SPF (specific pathogen free) เพื่อให้ได้เนื้อสุกรที่ปลอดโรค สะอาด และปราศจากสารตกค้างในปี 2536 ก่อนจะพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แบรนด์ S-Pure อีกสิบปีต่อมา และบริษัทยังร่วมทุนกับบริษัท โนซาน คอร์เปอเรชั่น (Nosan Corporation) ประเทศญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ไข่พรีเมียมดีที่สุดในญี่ปุ่นกว่า 30 ปี เพื่อพัฒนาไข่ไก่ S-Pure เน้นความสด สะอาดปราศจากกลิ่นคาว และเพิ่มความน่ารับประทาน

คลิ๊กอ่านฉบับเต็ม "สูตรลับอาณาจักรแสนล้าน รักคำโตโตของเบทาโกร" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ NOVEMBER 2016 ในรูปแบบ e-Magazine
