วงการเงินคริปโตถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกหลังจากประธานาธิบดี Biden ออกคำสั่งพิเศษฉบับใหม่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเงินคริปโต แท้จริงแล้วความรู้สึกดีๆ นั้นเกิดขึ้นผิดที่ผิดทาง
เป็นเวลาหลายเดือนที่แวดวงสินทรัพย์ดิจิทัลเฝ้ารออย่างกระวนกระวายในระหว่างที่รัฐบาลของประธานาธิบดี Biden ตระเตรียมคำสั่งพิเศษเกี่ยวกับมาตรการของภาครัฐในการกำกับดูแลการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของสินทรัพย์ที่เป็นเงินคริปโต โดยภายในเวลา 5 ปีมูลค่าตามราคาตลาดขยายตัว 300 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ สาวกเงินคริปโตหวั่นใจว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะใช้กฎหมายกดดันภาคอุตสาหกรรมนี้อย่างหนัก หากแต่คำสั่งที่ออกมานี้ดูเหมือนจะวางกรอบการทำงานอันสมเหตุสมผลในการจัดการกับปรากฏการณ์ดังกล่าว ผู้เกี่ยวข้องกับวงการเงินคริปโตหลายต่อหลายคนรับรู้ว่าจะมีการออกกฎระเบียบบางอย่าง และต่างก็รู้สึกยินดีที่รัฐบาลลุงแซมจะดำเนินการอย่างมีเหตุมีผลและมีความรับผิดชอบ ถึงแม้จะมีคำปลอบประโลมซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความต้องการ “เสริมพลังความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในระบบการเงินโลกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเทคโนโลยีและทางเศรษฐกิจ” หากแต่สมมติฐานซึ่งบอกเป็นนัยของคำสั่งพิเศษนี้ก็คือ สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากว่ารัฐบาลกลางทั้งหมดไม่ได้มีบทบาทในการกำกับดูแล ความจริงแล้วเป็นการสร้างให้เห็นภาพว่า โลกใบใหม่แห่งเงินคริปโตนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยงขั้นสุด ไม่ใช่เพียบพร้อมไปด้วยโอกาสมหาศาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลจะมองสิ่งที่ไม่คุ้นเคยอย่างมีอคติซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ลองดูรายชื่อหน่วยงานรัฐซึ่งคำสั่งของประธานาธิบดี Biden กำหนดให้มีบทบาทอย่างใดอย่างหนึ่งอันได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารกลางสหรัฐ คณะกรรมาธิการการค้า สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม สภานโยบายภายในประเทศประจำทำเนียบขาว สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม สำนักบริหารและงบประมาณ เป็นต้น คณะกรรมาธิการจากภาครัฐและคณะผู้ทำการศึกษาจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนเป็นพิษเป็นภัยต่อการค้นพบที่ยิ่งใหญ่อันน่าตื่นตาตื่นใจ อุตสาหกรรมยานยนต์และอินเทอร์เน็ตจะพัฒนามาได้ถึงเพียงนี้หรือ ถ้าหากรัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทในระดับเดียวกันกับที่ต้องการเข้ามากำกับดูแลเงินคริปโต ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ยุ่งเหยิงและคาดเดาไม่ได้ ความล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดา ความผิดพลาดมีอยู่ดาษดื่น พัฒนาการและความก้าวหน้ามาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ นักต้มตุ๋นและพวกสิบแปดมงกุฎมีอยู่รอบตัว ไม่ว่าเราจะเพียรพยายามทำในสิ่งที่มีอยู่เดิมหรือสิ่งใหม่ๆ ก็ตามที แนวคิดหนึ่งในคำสั่งพิเศษฉบับนี้ที่ต้องปัดตกไปก็คือ แนวคิดที่กำหนดให้ธนาคารกลางและกระทรวงการคลังสร้างสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางขึ้นมา คุณจะไม่เหลือแม้เศษเสี้ยวของความเป็นส่วนตัวทางการเงินเลยถ้าหากใช้เงินดิจิทัลสกุลดังกล่าว เนื่องจากรัฐบาลสามารถตามรอยทุกการจับจ่ายของคุณได้ เจ้าหน้าที่รัฐผู้มีอำนาจกำกับดูแลภาคเศรษฐกิจจะพยายามควบคุมภาคเศรษฐกิจโดยการออกคำสั่งกำหนดปริมาณการใช้จ่ายและการลงทุนในระดับที่ตนต้องการ และทำทุกวิถีทางเพื่อให้มั่นใจว่า คุณจะปฏิบัติตามในสิ่งที่กำหนด โดยอาจถึงขั้นกำหนดวันหมดอายุของสกุลเงินนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ คำสั่งพิเศษดังกล่าวยังเผยความลับของภัยคุกคามร้ายแรงที่ฝ่ายบริหารมองเห็นในสกุลเงินดิจิทัลที่มีกลไกการคงมูลค่า (stablecoin) ซึ่งวิวัฒนาการเป็นสกุลเงินทางเลือกไปจนถึงสกุลเงินของรัฐบาล “นั่นก็คือสกุลเงินที่เป็นอิสระเป็นแกนกลางของระบบการเงินซึ่งขับเคลื่อนได้ดี นโยบายเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ” คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีฉบับนี้เป็นเหมือนกับหมาป่าในคราบลูกแกะน้อย การต่อสู้ทางการเมืองและทางกฎหมายครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า... เรียบเรียง: ริศา อ่านเพิ่มเติม:- ปีการลงทุนที่ท้าทายที่สุดในทศวรรษ
- ไขรหัสลับเบื้องหลังความสำเร็จ “ธุรกิจพรีออเดอร์”
- 10 อันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2565
คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine