การลงทุนทองคำ ยังน่าสนใจและจะเป็น safe haven หรือไม่ในปี 2564 มาฟังมุมมองทิศทางการลงทุนในทองคำผ่านผู้ประกอบการร้านทองในกลุ่ม 5 เสือเยาวราช อาทิ นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่มเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก, ธีรเดช สินธพเรืองชัย รองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ และกรรมการผู้จัดการ ห้างขายทอง ทองใบเยาวราช, ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง, พิชญา พิสุทธิกุล อุปนายกสมาคมค้าทองคำ เจ้าของร้าน เลี่ยงเซี่ยงเฮง
การลงทุนทองคำ ปี 2564
นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่ม เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ให้มุมมองต่อการลงทุนในทองคำว่า ทองคำจะไม่ใช่ safe haven ในปี 2564 แต่การลงทุนในทองคำถือว่ายังคงเป็นสินทรัพย์ที่ยังสามารถเข้าลงทุนได้ เพราะเชื่อว่าภายหลังจาก Joe Biden ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ประกาศมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการทำ QE วงเงิน 4.5 ล้านล้านเหรียญ
น่าจะทำให้สภาพคล่องเกิดขึ้นในระบบ และจะเห็นการไหลเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั้งหุ้นตราสารหนี้และทองคำก็จะได้รับผลดีด้วย เพราะเมื่อเงินเหรียญอ่อนค่าคนก็เข้าลงทุนทองคำเพราะมองว่าทองคำเป็น safe haven แต่ภาพการลงทุนและการเคลื่อนไหวของทองคำจะไม่เหมือนกับปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินและดอกเบี้ยต่ำในระดับ 0-0.25% ต่อไปอีก เพราะแม้ขณะนี้สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเกิดขึ้น แต่การจะฟื้นกลับไปจริงๆ ยังต้องใช้เวลา ซึ่งประเมินกันว่าอาจเกิดขึ้นในไตรมาส 2 ปี 2564 ก็ยังสนับสนุนให้ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่ลงทุนได้
นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่ม เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก
“ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าความคืบหน้าของวัคซีนเพื่อหยุดการระบาดของโควิด-19 คือประเด็นที่ทำให้ราคาทองคำดิ่งลงแรงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ที่ราคาทองลงจาก 28,500 ลงมาอยู่ที่ 26,000 บาทต่อบาททองคำ หรือลดลงมาแล้ว 13%
เหนือความคาดหมายการลดลงของราคาทองคำที่ดิ่งลงเร็วและแรงจากนักลงทุนที่เข้าลงทุนทองคำ เพราะคิดว่าทองคำเป็น safe haven ได้เทขายออกมา และประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไปถึงเดือนมกราคม 2564 จะอยู่ในกรอบ 25,500-26,200 บาทต่อบาททองคำ”
นพ.กฤชรัตน์ กล่าวและว่า
ปี 2563 ต้องยอมรับว่าเป็นปีที่ทองคำผันผวนสูงมากเป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 ที่ดันให้ราคาทองพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 2,063.2 เหรียญต่อออนซ์ หากคิดเป็นบาทจะทะลุ 30,000 บาทต่อบาททองคำ ส่งผลให้คนที่ติดดอยทองเมื่อ 9 ปีก่อนหน้าได้มีโอกาสลงจากดอย โดยจะติดกันอยู่ที่ระดับ 23,000-24,000 บาทต่อบาททองคำ
แต่ขณะเดียวกันการมาของวัคซีนก็ทำให้เกิดภาวะการติด
“ดอยทอง” เกิดขึ้นที่ระดับ 28,000-30,000 บาทต่อบาททอง แต่การติดดอยรอบนี้จะใช้เวลา 2-3 ปีน่าจะลงจากดอยได้ จากผลของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
นพ.กฤชรัตน์กล่าวว่า ในปี 2564 ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,820-1,850 เหรียญต่อออนซ์ในช่วงเดือนมกราคม และในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสที่จะขยับขึ้นไปที่ 1,950-2,000 เหรียญต่อออนซ์จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และหากดูจากสถิติทุกครั้งที่ทางการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลให้เงินเหรียญอ่อนค่าลงส่วนค่าเงินบาทก็จะแข็งค่าขึ้น มีผลให้ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
มีโอกาสแตะ 2.2 พันเหรียญต่อออนซ์
ธีรเดช สินธพเรืองชัย รองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ และกรรมการผู้จัดการห้างขายทอง ทองใบเยาวราช กล่าวว่า ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในปีนี้ และมองว่ายังมีโอกาสที่จะขึ้น 2,200 เหรียญต่อออนซ์ จากการที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายและมีการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งสภาพคล่องเหล่านี้แม้จะไหลไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่ส่วนหนึ่งก็จะยังคงลงทุนในทองคำเพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) มีความมั่นคงสูง
ธีรเดช สินธพเรืองชัย รองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ และกรรมการผู้จัดการห้างขายทอง ทองใบเยาวราช
สำหรับประเด็นการเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของ Joe Biden จะมีผลต่อราคาทองคำมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องดูว่านโยบายที่ออกมาหลังเข้ารับตำแหน่งจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจมากกว่า 2.2 ล้านล้านเหรียญนั้น จะนำเม็ดเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งในทีมงานของ Joe Biden มีข้อกำหนดการลงทุน คือ
จะนำเม็ดเงินไปลงทุน By America คือการลงทุนโดยอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมในประเทศ เพื่อให้คนในประเทศหันมาใช้สินค้าโดยซื้อสินค้าที่เป็นของอเมริกาเอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่โจ ไบเดน จะลงทุน และมีผลกระทบต่อราคาทองคำในบางส่วน และอาจจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
นโยบายภาษีของ Joe Biden ที่ออกมาอย่างการปรับขึ้นภาษีบุคคลธรรมดาจาก 21% เป็น 28% และนิติบุคคลจาก 37% เป็น 4% การเก็บภาษี Capital Giant ของตลาดหลักทรัพย์จะส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้นแทนการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
นอกจากนี้ ต้องดูว่าภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างที่จะฟื้นตัวได้ช้า และยังมีและความไม่แน่นอนสูง โดยจะต้องดูนโยบายต่างๆ ที่จะออกมาไม่ว่าจะเป็นนโยบายของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ จีน เยอรมัน รัสเซีย ที่จะประกาศออกมาว่าจะเป็นอย่างไร
โควิด- 19 ทำวัฏจักรราคาทองคำสั้นลง
10 เดือนแรกของปี 2563 ราคาทองคำนิวไฮและทำให้วัฏจักรของราคาทองคำสั้นลงเหลือ 8 ปี จากเดิมจะอยู่ที่ 10 ปี เพราะโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอยรุนแรงคนไม่เชื่อมั่นในการลงทุนสินทรัพย์อื่น ดอกเบี้ยต่ำหุ้นก็ไม่ดี และมองว่าทองคำปลอดภัย ส่งผลให้ราคาวิ่งขึ้นจากต้นปีที่ 1,200 เหรียญต่อออนซ์ ขึ้นมา 2,063.2 เหรียญต่อออนซ์ โดยขึ้นมา 800 กว่าเหรียญ ทำให้การลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนที่ดีมาก
อย่างไรก็ตาม ช่วงทองทะลุ 30,000 บาทต่อบาททองคำ ประกอบกับเศรษฐกิจไม่ดีทำให้คนส่วนใหญ่นำทองคำมาขายเยอะมาก ขณะนั้นผู้ประกอบการก็ต้องบริหารสภาพคล่อง เพราะการปิดเมืองหยุดการเดินทางทำให้การส่งออกทองคำทำได้ค่อนข้างลำบาก จากข้อจำกัดในเรื่องของเที่ยวบินที่ทำได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เท่านั้นต่างจากก่อนหน้านี้ที่การนำเข้าส่งออกทองคำทำได้ทุกวัน จึงทำให้เงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจกระทบบ้าง แต่ทางร้านทองส่วนใหญ่ก็พยายามที่จะบริหารสภาพคล่องตัวเอง เพื่อซัพพอร์ตลูกค้าที่นำทองออกมาขาย
สำหรับปี 2564 หากมองจากปัจจัยใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะวัคซีน ทองคำจะต้องลงแต่ด้วยหนึ่งในนโยบาย Capital Gain ของ โจ ไบเดน จะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่ได้ดีเหมือนที่ผ่านๆ มา และอาจเห็นการเข้าไปลงทุนกองทุนทอง หรืออาจจะไปลงทุนทองคำที่มากขึ้น
หนี้สาธารณะพุ่งหนุนราคาทองคำ
ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำหลัง Joe Biden เข้ามาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ความน่าสนใจในการลงทุนทองคำจะลดลงเมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ เช่น หุ้นที่จะโดดเด่นกว่า โดยมองว่าราคาทองคำปี 2564 จะอยู่ในกรอบแนวรับใหญ่ 1,750-2,000 เหรียญต่อออนซ์ หรือหากคิดเป็นเงินบาทจะอยู่ที่ 25,500-26,000 บาทต่อบาททองคำ
ทั้งนี้บนสมมุติฐานค่าเงินบาท 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากเดิมมองที่ 2,050 เหรียญต่อออนซ์ หลังการทดลองวัคซีนเห็นผลมากขึ้น และการชนะการเลือกตั้งของ Joe Biden จะเป็นปัจจัยบวกหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก
เนื่องจากมีแนวนโยบายที่จะใช้มาตรการทางการคลังขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สวัสดิการสุขภาพ และการลงทุนพัฒนาพลังงานสะอาด รวมถึงนโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศมีท่าทีประนีประนอมกว่า Donald Trump จะทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นมากกว่าทองคำ
ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง
ธนาคารกลางใช้ดอกเบี้ยต่ำหนุนทองคำ
ธนรัชต์กล่าวว่า นโยบายการเงินของธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ในการดูแลเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย และอัดฉีดเม็ดเงินเป็นจำนวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน
โดยปี 2563 ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0-0.25% และซื้อพันธบัตรรัฐบาลมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านเหรียญต่อเดือน รวมทั้งประกาศมาตรการกู้ยืมเงินจากโครงการของ Fed เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อของเฟดมากขึ้น โดยได้ปรับลดวงเงินกู้ขั้นต่ำจากโครงการ Main Street Lending Program จาก 250,000 เหรียญเป็น 100,000 เหรียญ อีกทั้งยังได้ผ่อนคลายเงื่อนไขเกี่ยวกับหนี้สินของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยมีวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Program (PEPP) ไว้ที่ 1.35 ล้านล้านยูโรและในปี 2564 ธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป
“มาตรการผ่อนคลายทางการเงินทั่วโลกทำให้อัตราดอกเบี้ยต่ำและมีสภาพคล่องในระบบสูง ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในทองคำ โดยเฉพาะนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนโยบายการเงินในเรื่องอัตราดอกเบี้ยต่ำและมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ตลอดจนการอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดกับราคาทองคำมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามอย่างมีนัยสำคัญ ถ้าดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นราคาทองคำจะลง แต่ถ้าดอกเบี้ยเป็นขาลงราคาทองคำจะขึ้น ซึ่งเฟดคาดการณ์ว่ายังตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0-0.25% ไปจนถึงปี 2565”
ระวังแรงขายกองทุนอีทีเอฟทองคำ
ในปี 2563 กองทุนอีทีเอฟทองคำมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยมีแรงซื้อจากนักลงทุนในสหรัฐฯ และยุโรปเป็นหลัก กองทุนอีทีเอฟทองคำเข้าซื้อทองคำสุทธิในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 สูงถึง 1,022 ตัน เทียบกับทั้งปี 2562 ที่เข้าซื้อทองคำสุทธิ 398 ตัน โดยมาจากสหรัฐฯ มากที่สุดกว่า 650 ตัน รองลงมายุโรป 312 ตัน เอเชีย 41 ตัน สิ้นเดือนตุลาคม กองทุนอีทีเอฟทองคำถือครองทองคำทั้งสิ้น 3,899 ตัน มากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการจัดตั้งกองทุนอีทีเอฟทองคำในปี 2556
โดยปี 2563 กองทุนอีทีเอฟทองคำเข้าซื้อทองคำสุทธิต่อเนื่องทุกเดือน โดยซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเดือนมีนาคมที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อเนื่องมาถึงเดือนกรกฎาคม โดยเดือนมีนาคมซื้อทองคำ 152 ตัน และในเดือนเมษายนเป็นการซื้อทองคำมากที่สุดของปีสูงถึง 176 ตัน แต่เริ่มซื้อลดน้อยลงในเดือนสิงหาคม-ตุลาคมล่าสุดเดือนตุลาคมซื้อสุทธิเหลือเพียง 20 ตัน และในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนพฤศจิกายนเริ่มมีแรงขายทองคำ 45 ตันมีผลทำให้ราคาทองปรับลงแรงในเดือนพฤศจิกายน
อย่างไรก็ตาม ถ้าดูจากข้อมูลของกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟทองคำใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งข้อมูลอัพเดตกว่า กองทุน SPDR เริ่มขายทองคำตั้งแต่เดือนตุลาคมจำนวน 10 ตัน และเดือนพฤศจิกายนมีขายทองคำเพิ่มขึ้นเป็น 45 ตัน (ข้อมูลจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน) จะเห็นได้ว่าแรงซื้อขายทองคำของกองทุนอีทีเอฟทองคำมีนัยสำคัญต่อราคาทองคำ ดังนั้นต้องติดตามแรงซื้อขายของกองทุนอีทีเอฟทองคำเป็นหลัก โดยเฉพาะแรงเทขาย ดังนั้นประเด็นแรงซื้อขายของกองทุนอีทีเอฟทองคำจะเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำในปี 2564
ราคาทองคำขานรับผู้นำใหม่สหรัฐฯ
พิชญา พิสุทธิกุล อุปนายกสมาคมค้าทองคำ เจ้าของร้าน เลี่ยงเซี่ยงเฮง กล่าวว่าหลังจากที่ไบเดนชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างพอสมควรแต่ไม่มากเท่าไร โดยสถานการณ์ทั่วไปเชื่อว่าเมื่อ Joe Biden เป็นผู้นำของสหรัฐฯ อาจจะทำให้เศรษฐกิจทั่วไปของสหรัฐฯ กลับมาดีขึ้นอย่างเดิม จะเห็นได้ว่าหุ้นก็ขึ้น ราคาทองก็ขึ้น แต่พอเข้าช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แนวโน้มราคาทองคำปี 2564 โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 1 มองสถานการณ์ราคาทองคำยังคงก้ำกึ่งว่าจะดีขึ้นบ้างแต่ไม่มากเท่าไร และจะไม่หวือหวาเหมือนปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าราคาทองคำจะอยู่ที่ประมาณ 1,900 เหรียญต่อออนซ์ในระยะสั้น และถ้าขึ้นก็จะไม่สูงไปกว่าระดับนี้ เพราะหลังจากที่ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งราคาทองก็ขึ้นมาอยู่ที่ 1,973 เหรียญต่อออนซ์ ซึ่งคิดว่า ปี 2564 จะไม่ปรับขึ้นไปถึง 1,973 เหรียญต่อออนซ์ และต่ำสุดอยู่ที่ 1,820 เหรียญต่อออนซ์
พิชญา พิสุทธิกุล อุปนายกสมาคมค้าทองคำ เจ้าของร้าน เลี่ยงเซี่ยงเฮง
“ขณะนี้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ปีนี้ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ 2,200-2,300 เหรียญต่อออนซ์ได้เมื่อทุกคนเริ่มเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น หรือสถานการณ์ทางการเมืองที่รุนแรงเกิดขึ้นในประเทศหรือเมืองใหญ่ๆ ในโลก จึงจะมีความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำจะปรับขึ้นไปได้” พิชญากล่าว
สำหรับตอนสุดท้ายพบกับะกูรูในเรื่องการลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ asset allocation อย่าง ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ยังคงมีคำแนะนำให้ลงทุนในทองคำสัดส่วนเท่าไร หลังจากตลอดปี 2563 โบรกเกอร์ค่ายนี้แนะให้นักลงทุนลงทุนทองคำสัดส่วน 1-5% ของพอร์ต รวมถึงมุมมองของ ณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนผู้ก่อตั้งสถาบัน Creative Investment Space ที่มีต่อการลงทุนทองคำ
เรื่อง: ยินดี ฤตวิรุฬห์ ภาพ:5 เสือเยาวราช
อ่านเพิ่มเติม: