เหล่าศิลปินคนดังของต่างประเทศที่แม้จะสิ้นอายุขัยล่วงลับไปนานแล้ว แต่ผลงานและชื่อเสียงของพวกเขาก็ยังไม่เลือนหายแถมยังคงสร้างรายได้มหาศาลได้อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จาก 13 อันดับของ "ศิลปินคนดังที่สามารถทำเงินสร้างรายได้สูงสุดในปี 2022
แหวนเป็นของล้ำค่า แต่แบรนด์ล้ำหน้ายิ่งกว่า
ลืมเรื่องแก้วแหวนครองพิภพไปก่อน เพราะ “แบรนด์ครองโลก” กำลังมา ทรัพย์สินของ J.R.R. Tolkien อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัย Oxford ผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นผู้เขียน The Lord of the Rings และ The Hobbit ทำเงินขึ้นมาได้ในปี 2022 ด้วยการขายลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับวรรณกรรมเรื่องดังทั้งผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์เป็นเงินถึง 500 ล้านเหรียญให้แก่ Embracer Group กลุ่มบริษัทวิดีโอเกมสัญชาติสวีเดนที่มีรายได้ 1.8 พันล้านเหรียญปี 2021 ซึ่งถือครองสิทธิ์ตั้งแต่เกม Tomb Raider ไปจนถึง Hot Wheels
ข้อตกลงที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมมีมูลค่าสูงพอที่จะส่งให้ Tolkien ขึ้นแท่นคนดังผู้ล่วงลับที่มีรายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในการจัดอันดับประจำปีของเรา และยังเป็นเพียงครั้งที่ 3 เท่านั้นในรอบ 21 ปี ที่คนดังผู้ล่วงลับทำรายได้หลังเสียชีวิตมากกว่า 500 ล้านเหรียญภายในระยะเวลาเพียง 12 เดือน (Roald Dahl ผู้เขียน Charlie and the Chocolate Factory เคยทำไว้เมื่อปี 2021 และ Michael Jackson ทำรายได้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 825 ล้านเหรียญเมื่อปี 2016)
แต่ทว่าปีนี้บรรดาคนรวยผู้หลับใหลตลอดกาลอยู่ในสุสานไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว เพราะเป็นครั้งแรกที่ผู้ครองตำแหน่ง 5 อันดับสูงสุดต่างทำเงินได้คนละ 100 ล้านเหรียญขึ้นไป รวมแล้วสินทรัพย์ที่งอกเงยจากผลงานของคนดังทั้ง 13 ท่านคิดเป็นมูลค่าถึง 1.6 พันล้านเหรียญในปี 2022 ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์และเพิ่มขึ้นจากปี 2021 ถึง 70%
ส่วนเรื่องใครถือครองลิขสิทธิ์ผลงานชิ้นไหนของ Tolkien นับเป็นเรื่องยุ่งเหยิงอย่างยิ่ง เพราะทั้ง HarperCollins, Amazon, Warner Bros./New Line และกองมรดกของ Tolkien เองต่างมีส่วนกันคนละเล็กละน้อย ทั้งสิทธิ์ในการตีพิมพ์หนังสือ ซีรี่ส์โทรทัศน์มากกว่า 4 ตอน และลิขสิทธิ์ของบรรดาภาพยนตร์เรื่องดังที่กำกับโดย Peter Jackson
“ผมนึกไม่ออกว่ามีทรัพย์สินทางปัญญาชิ้นไหนที่ประเด็นการเป็นเจ้าของสิทธิ์จะซับซ้อนซ้อนเงื่อนไปกว่านี้” Matti Littunen นักวิเคราะห์จาก Bernstein กล่าว ซึ่งจริงๆ สิ่งที่ Embracer ซื้อสิทธิ์ไปคือ Middle Earth Enterprises บริษัทโฮลดิ้งที่ Saul Zaentz ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เป็นเจ้าของ (เขาอยู่เบื้องหลังผลงาน เช่น The English Patient และ One Flew Over the Cuckoo’s Nest) ซึ่งเขาซื้อลิขสิทธิ์จาก United Artists บริษัทใน Hollywood เป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 1970
แล้ว Embracer จะทำอย่างไรต่อไปกับฮอบบิทน้อยในกำมือ? ทางบริษัทยังคงเก็บเป็นความลับเมื่อ Forbes ตั้งคำถาม แต่พวกเขาใช้เรียกเงินก้อนที่จ่ายเพื่อซื้อลิขสิทธิ์นี้มาว่าเป็นการ “เก็งกำไร” ส่วน Littunen มองเห็นว่านี่เป็นโอกาสทอง ทั้งเกม การ์ดสะสม ของที่ระลึกต่างๆ หรือแม้แต่ละครเพลง
“ถ้าอยากจะกวาดรายได้ชนิดที่เรียกว่ากินรอบวง Embracer แค่ต้องเข้าซื้อบริษัทผู้สร้างละครเพลงใน Broadway หรือ WestEnd” เขาระบุในข้อความถึงนักลงทุน “ระหว่างที่เราคุยทีเล่นทีจริงกันอยู่นี้ ละครเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมีรายได้สุทธิมากกว่าวิดีโอเกมหรือภาพยนตร์ที่โด่งดังที่สุดเสียอีก”
ทรัพย์สินของ Elvis Presley ขยับเพิ่มขึ้น 110 ล้านเหรียญจากรายได้ในปี 2022 ซึ่งส่วนใหญ่ (80 ล้านเหรียญ) มาจากการเข้าเยี่ยมชม Graceland บ้านของราชาเพลงชื่อก้องโลกหลังจากบรรดาแฟนๆ ต่างพากันคว้าขอเสนอแบบวีไอพีที่ราคาสูงขึ้นเมื่อได้เริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง
ส่วนศิลปินค้างฟ้ารายอื่นๆ เข้ามาอยู่ในการจัดอันดับนี้ได้จากการขายลิขสิทธิ์เพลงในช่วงเวลาที่เป็นเสมือนยุคตื่นทอง ซึ่งจุดกระแสโดย Bob Dylan (ที่ยังหายใจอยู่) ด้วยการขายลิขสิทธิ์เพลงที่เขียนขึ้นเองให้แก่ Sony เป็นเงินมากกว่า 150 ล้านเหรียญเมื่อปลายปี 2020 ส่วน David Bowie (อันดับ 3 - 250 ล้านเหรียญ) และ James Brown (อันดับ 5 - 100 ล้านเหรียญ) ติดอันดับจากการขายลิขสิทธิ์เพลงเช่นกัน
ผลงานเหนือกาลเวลาเหล่านี้สร้างรายได้งดงามทุกปีจนกลายเป็นการลงทุนชั้นยอด Merck Mercuriadis ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Hipgnosis บริษัทบริหารการลงทุนที่เกี่ยวกับผลงานเพลงกล่าวไว้ โดยปีที่ผ่านมาเขาซื้อลิขสิทธิ์เพลงของ Leonard Cohen เจ้าของผลงาน “Hallelujah” ด้วยทุนราว 55 ล้านเหรียญ
“ผมมีเกณฑ์ 2 ข้อ อย่างแรกคือ ผมมองหาเพลงที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ก่อนที่ผมจะซื้อลิขสิทธิ์เพลงนั้น และอีกข้อคือ ต้องเป็นบทเพลงที่มีนัยสำคัญเชิงวัฒนธรรมด้วย”
แสงแห่งชีวิตของศิลปินผู้เลื่องชื่อเหล่านี้อาจจะมอดดับลงไปแล้ว แต่แทบทุกปีจะมีอะไรระยิบระยับที่ฉายแววเงินๆ ทองๆ ปรากฏขึ้น อย่างเช่นที่เกิดขึ้นกับ Freddie Mercury นักร้องวง Queen (9 ล้านเหรียญ ปี 2020) แรปเปอร์ Nipsey Hussle (11 ล้านเหรียญปี 2019) หรือ Heath Ledger นักแสดงชื่อดัง (20 ล้านเหรียญ ปี 2008)
และปี 2022 ยังมีหน้าใหม่ที่ปรากฏตัวบนการจัดอันดับ คือ Jeff Porcaro มือกลองแห่งวง Toto และผู้ร่วมแต่งเพลง “Africa” ที่ทำเงินจากการขายลิขสิทธิ์เพลงได้ถึง 25 ล้านเหรียญก่อนหักภาษี
ส่วนอีกด้านหนึ่งของความ “อยู่ยงคงกระพัน” หนีไม่พ้น Elvis, Dr. Seuss, John Lennon และ Charles Schulz ผู้เขียนการ์ตูน Peanuts ซึ่งมีชื่อในการจัดอันดับนี้ต่อเนื่องทุกปีมาตั้งแต่ปี 2001
คนดังผู้จากไปและยังมีรายได้สูงสุดในปี 2022
1. J.R.R. Tolkien • 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มรณะ: 26 กันยายน ปี 1973 (อายุ 81 ปี) สาเหตุ: ปอดอักเสบ
การจะนำผลงานของ Tolkien ขึ้นเฉิดฉายบนจอเงินเป็นเรื่องหฤโหดราวต้องต่อกรกับ Sauron เสียเอง เขาดับฝันภาพยนตร์ที่วง The Beatles ตั้งใจสร้างและแสดงพร้อมให้ Stanley Kubrick นั่งแท่นผู้กำกับ ส่วนภาพยนตร์ Lord of the Rings ของผู้กำกับ Ralph Bakshi ที่เข้าฉายเมื่อปี 1978 ก็ไม่ได้กระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ เท่าไรนัก
2. Kobe Bryant • 400 ล้านเหรียญ
มรณะ: 26 มกราคม ปี 2020 (อายุ 41 ปี) สาเหตุ: เฮลิคอปเตอร์ตก
ตำนานแห่งทีม Los Angeles Lakers ผู้นี้ถือหุ้นในเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬา BodyArmor ที่เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2021 บริษัท Coca-Cola ทุ่มเงิน 5.6 พันล้านเหรียญกว้านซื้อหุ้นที่เหลือจากการซื้อครั้งก่อนทั้ง 70% ซึ่ง Wall Street Journal รายงานว่า กองมรดกของ Bryant มีรายได้เพิ่มถึง 400 ล้านเหรียญ
3. David Bowie • 250 ล้านเหรียญ
มรณะ: 10 มกราคม ปี 2016 (อายุ 69 ปี) สาเหตุ: โรคมะเร็ง
การขายลิขสิทธิ์เพลงและแผ่นเสียงต้นฉบับของ Bowie แก่ค่ายเพลง Warner Chappell เมื่อเดือนมกราคม ปี 2022 ทำเงินได้สูงถึง 250 ล้านเหรียญ มากพอที่จะทำให้ Major Tom อิจฉา
★ 4. Elvis Presley • 110 ล้านเหรียญ
มรณะ: 16 สิงหาคม ปี 1977 (อายุ 42 ปี) สาเหตุ: หัวใจวาย
กองมรดกของราชาเพลงร็อกแอนด์โรลไม่ได้ทำเงินเป็นกอบเป็นกำจาก Elvis ภาพยนตร์ชีวประวัติของเขาโดยตรง แต่คาดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำรายได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2024
5. James Brown • 100 ล้านเหรียญ
มรณะ: 25 ธันวาคม ปี 2006 (อายุ 73 ปี) สาเหตุ: หัวใจล้มเหลว
ในเดือนธันวาคมปี 2021 ค่ายเพลงอิสระ Primary Wave ใน New York ซื้อลิขสิทธิ์บางส่วนของเจ้าพ่อเพลงโซลผู้นี้ รวมถึงสิทธิ์ในการใช้ชื่อของเขาเป็นมูลค่า 100 ล้านเหรียญ ซึ่งกองมรดกของ Brown จะนำรายได้บางส่วนไปบริจาคเป็นทุนการศึกษา
★ 6. Michael Jackson • 75 ล้านเหรียญ
มรณะ: 25 มิถุนายน ปี 2009 (อายุ 50 ปี) สาเหตุ: ใช้ยาเกินขนาด/ฆาตกรรม
เมื่อมาตรการป้องกันโรคสิ้นสุดลง การแสดงสุดตระการตาในชื่อของ Jackson ที่ Las Vegas ก็ได้คืนเวทีและกวาดรายได้เป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง แถมยังมีบ่อเงินบ่อทองอีกอย่างคือการแสดงละครบรอดเวย์ MJ the Musical ที่สร้างรายได้อย่างงดงามถึง 80 ล้านเหรียญตั้งแต่เริ่มเปิดการแสดงเมื่อ 9 เดือนก่อน
7. Leonard Cohen • 55 ล้านเหรียญ
มรณะ: 7 พฤศจิกายน ปี 2016 (อายุ 82 ปี) สาเหตุ: หกล้ม
บทเพลง “Hallelujah” ของศิลปินชาวแคนาดาผู้นี้เป็นเพลงที่ถูกนำไปดัดแปลงซ้ำมากที่สุดเป็นประวัติการณ์จนมีหลายร้อยเวอร์ชั่นและยังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผ่านรายได้เข้าสู่ระบบลิขสิทธิ์เพลงของ Cohen อย่างต่อเนื่อง
★ 8. Dr. Seuss • 32 ล้านเหรียญ
มรณะ: 24 กันยายน ปี 1991 (อายุ 87 ปี) สาเหตุ: โรคมะเร็ง
Theodor Geisel เขียนวรรณกรรมคลาสสิกมากกว่า 60 ชิ้นภายใต้นามปากกา Dr. Seuss ทั้ง Green Eggs and Ham, The Cat in the Hat และ How the Grinch Stole Christmas ปัจจุบันหนังสือเหล่านี้ยังขายได้และบางเล่มทำเงินกว่า 16 ล้านเหรียญตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่แล้ว ไหนจะยังมีข้อตกลงกับ Netflix และสินค้าต่างๆ อีกมากมาย
9. Jeff Porcaro • 25 ล้านเหรียญ
มรณะ: 5 สิงหาคม ปี 1992 (อายุ 38 ปี) สาเหตุ: หัวใจวาย
Porcaro น่าจะเป็นที่จดจำมากที่สุดในฐานะมือกลองของวง Toto เขาร่วมแต่งเพลง “Africa” บทเพลงยอดฮิตที่สุดของวง และยังเป็นนักดนตรีมือฉมังประจำห้องอัด ผู้อยู่เบื้องหลังท่วงทำนองติดหูจากบทเพลงต่างๆ ในอัลบั้ม Thriller ของ Michael Jackson ด้วย
★ 10. Charles Schulz • 24 ล้านเหรียญ
มรณะ: 12 กุมภาพันธ์ ปี 2000 (อายุ 77 ปี) สาเหตุ: โรคมะเร็ง
ปัจจุบัน Apple TV+ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ It’s the Great Pumpkin, Charlie Brown และ A Charlie Brown Christmas ซึ่งปีนี้ผลงานเหล่านี้จะเปิดให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกรับชมได้ฟรีตามวันที่กำหนด
11. Juan Gabriel • 23 ล้านเหรียญ
มรณะ: 28 สิงหาคม ปี 2016 (อายุ 66 ปี) สาเหตุ: หัวใจวาย
นักร้องและนักแต่งเพลงชาวเม็กซิกันผู้นี้สร้างสรรค์ผลงานราว 1,800 ชิ้นตลอดช่วงชีวิต ที่มีอยู่ในราว 150 ล้านอัลบั้ม และคว้ารางวัล Latin Grammy ถึง 3 รางวัล ซึ่งในเดือนเมษายน กองมรดกของ Gabriel ขายลิขสิทธิ์เพลง “El Divo de Juarez” ให้แก่ Universal Music Group
★ 12. John Lennon • 16 ล้านเหรียญ
มรณะ: 8 ธันวาคม ปี 1980 (อายุ 40 ปี) สาเหตุ: ฆาตกรรม
นอกเหนือจากค่าลิขสิทธิ์สมัยเป็นสมาชิกวง The Beatles และผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยว กองมรดกของ Lennon ยังได้ส่วนแบ่งจาก Disney ในซีรี่ส์สารคดี Get Back ที่กำกับโดย Peter Jackson
13. George Harrison • 12 ล้านเหรียญ
มรณะ: 29 พฤศจิกายน ปี 2001 (อายุ 58 ปี) สาเหตุ: โรคมะเร็ง
Harrison มีรายได้จากซีรี่ส์สารคดี Get Back เช่นกัน รวมถึงผลงานเดี่ยวและลิขสิทธิ์จากวง Fab Four นอกจากนี้ กองมรดกของเขาและ Lennon ยังมีรายได้อีกหลายล้านจากการแสดง The Beatles ของ Cirque de Soleil ด้วย
หมายเหตุ: ★ อยู่ในการจัดอันดับตั้งแต่ปี 2010
วิธีเก็บข้อมูล: การจัดอันดับของเราประเมินตามรายได้ก่อนหักภาษีจากการขาย ฉาย ขายสิทธิ์ และอื่นๆ ระหว่าง 1 พฤศจิกายน ปี 2021 - 30 ตุลาคม ปี 2022 รวมถึงการซื้อขายที่เกิดขึ้นในช่วงดังกล่าว เราติดตามมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ใช่รายรับในกองมรดกของบุคคลใดๆ โดยเฉพาะ
ส่วนข้อมูลตัวเลขได้มาจาก Luminate, IMDbPro, NPD BookScan และการสัมภาษณ์บุคคลที่ทราบข้อมูลเชิงลึก โดยไม่ได้หักค่านายหน้า ค่าผู้จัดการ หรือค่าทนายแต่อย่างใด
เรื่อง: LISETTE VOYT KO รายงานเพิ่มเติม: RICHARD CHANG, KYLE HENDERSON, CONOR MURRAY และ EMILY WASHBURN เรียบเรียง: วินิจฐา จิตร์กรี ภาพประกอบ: LAURA SALAFIA
อ่านเพิ่มเติม : "Harris Kupperman" นักลงทุนผู้ชื่นชอบธุรกิจเร้าใจสร้างรายได้แบบหวือหวา