หว่านพืชเพื่อหวังผล - Forbes Thailand

หว่านพืชเพื่อหวังผล

Sal Gilbertie ขายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันเงินเฟ้อที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเป็นกองทุนที่ถือครองตราสารอนุพันธ์ในพืชผลอย่างข้าวโพดและถั่วเหลือง


    เงินเหรียญสหรัฐฯ กำลังอ่อนแอ ท่ามกลางความหิวโหยทั่วโลก ขณะที่รัสเซียกำลังป่วนตลาดธัญพืช ใครกันที่อยากจะเข้าไปป้องกันความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อที่มีสาเหตุมาจากอาหาร?

    Sal Gilbertie ทายาทครอบครัวเกษตรกรรมที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการการเงินมีคำตอบ บริษัท Teucrium Trading ของเขาเสนอขายกองทุนดัชนี (ETF) ที่ลงทุนในอุตสาหกรรมแบบชัดเจนและเจาะจง และมีสัญญาจะซื้อจะขายล่วงหน้า ทั้งข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง และน้ำตาล เมื่อถึงเวลาที่ใช่ทรัพย์สินเหล่านี้จะเพิ่มรสชาติให้กับพอร์ตการลงทุนอย่างเอร็ดอร่อย

    ในช่วงระยะเวลา 4 สัปดาห์นับตั้งแต่เริ่มการบุกรุกยูเครนเมื่อปีที่แล้ว กองทุน Teucrium Wheat ทำผลตอบแทนทะยาน 65% ขณะที่กองทุน ETF ถั่วเหลืองและ ETF น้ำตาลให้ผลตอบแทน 92% และ 162% ตามลำดับในรอบระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา แต่แน่นอนว่า สินค้าโภคภัณฑ์การเกษตรอาจกลับสู่ช่วงขาลงได้เร็วเท่าขาขึ้น ข้าวสาสีทำกำไรตลอดปีที่แล้วหายเกลี้ยง ส่วนถั่วและน้ำตาลให้ผลตอบแทนไม่สู้ดีนักมานานนับทศวรรษท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อต่ำตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาด

    ทำไมถึงเอาตัวเองเข้าไปเผชิญความไม่แน่นอนเช่นนี้? คำตอบคือ ความหลากหลาย ธัญพืชและหุ้นมีความเกี่ยวข้องกันในระดับต่ำ ส่วนผสม 2 รายการนี้จึงน่าจะมีความผันผวนต่ำกว่าเลือกลงทุนทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่ง Gilbertie บอกว่า จากการปรับฐานของตลาดหุ้นในระดับไม่น้อยกว่า 10% จำนวน 10 จากทั้งสิ้น 11 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมานั้น ดัชนีธัญพืช S&P ให้ผลตอบแทนชนะหุ้น

    Gilbertie วัย 63 ปี คือเทรดเดอร์สายสินค้าโภคภัณฑ์ แม้จะใช้เวลาทั้งชีวิตในแวดวงการเงิน แต่ยังคงมีความเป็นเกษตรกรอยู่ในสายเลือด ส่งกลิ่นอายให้สัมผัสเมื่อก้าวเท้าเยือนสำนักงานของเขาในชนบทของ Easton ใน Connecticut เขามีโต๊ะทำงานในห้องเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกระสอบเมล็ดพืช ตั้งอยู่ในอาคารโกโรโกโสที่ขนาบข้างด้วยเทือกสวนไร่นาและเรือนกระจกขนาด 36 เอเคอร์ พนักงานอีก 9 คนกระจัดกระจายกันไปทั้งที่ Vermont และMinnesota รวมถึงรัฐอื่นๆ

    แต่ระดับซีอีโอมาทำอะไรที่ Connecticut? ใกล้เคียงกันนั้นเป็นกิจการของครอบครัวที่มีชื่อว่า Gilbertie’s Organics เมื่อร้อยปีที่แล้วทวดของ Gilbertie เดินทางจากอิตาลีมายังสหรัฐฯ เพื่อปลูกดอกไม้ป้อนเข้าสู่ธุรกิจรับจัดดอกไม้ ธุรกิจดอกไม้สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นและอยู่รอดมาอย่างยาวนาน Gilbertie จำได้ว่าสมัยยังเด็กเขาเคยช่วยส่งช่อดอกไม้ไปยังสถานที่จัดงานศพต่างๆ แต่ในที่สุดธุรกิจดอกไม้นี้ต้องปิดตัวลงเนื่องจากการขนส่งสินค้าทางอากาศทำให้การนำเข้ามีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง

    เพื่อความอยู่รอด คุณพ่อหัวผู้ประกอบการของ Gilbertie หันมาขายผักใบเขียวและสมุนไพรในกระถางให้กับครัวเรือนและเชฟประจำร้านอาหาร Sal Gilbertie Sr. ในวัย 86 ปีเวลานี้ยังคงรับหน้าที่เป็นผู้จัดการให้กับธุรกิจมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่มีพนักงาน 62 คนแห่งนี้ ตามปกติของธุรกิจครอบครัวตำแหน่งผู้นำควรจะได้ผู้สืบทอดแล้ว แต่ Gilbertie คนลูกต้องการแยกตัวออกไปทำกิจการของตนเอง ซึ่งไม่เพียงแต่จะได้เปรียบจากพื้นที่สำนักงานที่มีค่าเช่าต่ำเท่านั้น แต่ Gilbertie ยังนับได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากเลยทีเดียว

    เมื่อ Sal Jr. เพิ่งจบการศึกษาจาก Fairfield University มาหมาดๆ เขามุ่งหน้าสู่ Minnesota เพื่อฝึกเป็นเทรดเดอร์ที่ Cargill บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้มีชื่อเสียงด้านสินค้าโภคภัณฑ์การเกษตร แต่ก็เข้ามาซื้อขายในธุรกิจพลังงานด้วยเช่นกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่อาหารและพลังงานจะมาพบกันในธุรกิจเอทานอล เมื่ออายุได้ 23 ปี Gilbertie ทำหน้าที่ซื้อน้ำมันดีเซลจากรัสเซียสำหรับนำไปขายต่อในตลาดยุโรป ทำให้เขาต้องรับข้อมูลข่าวสารจากผู้สังเกตการณ์ชาวรัสเซียประจำสำนักข่าวกรองกลางอยู่เป็นประจำจาก Cargill ก้าวต่อไปของ Gilbertie คือ Merrill Lynch ไปจนถึง Bear Stearns และ Societe Generale

    กระทั่งเขาสามารถเปิดกิจการของตนเอง เขาบริหารสัญญาซื้อขายน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเบนซิน เอทานอล และแม้กระทั่งน้ำส้ม ในปี 2009 Gilbertie ก่อตั้งกิจการ Teucrium Trading ซึ่งปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมูลค่า 440 ล้านเหรียญ (โดยมีกองทุนส่วนใหญ่คิดค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ 1%) แม้ว่าจะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ใครรวยขึ้นมาได้ Gilbertie เป็นเจ้าของ 1 ใน 4 ส่วนของผู้ถือหุ้น พร้อมกับอำนาจในการควบคุมการออกเสียงลงคะแนน ส่วนเจ้าของคนอื่นๆ ประกอบไปด้วยอดีตลูกจ้างและบริษัทซื้อขายตราสารหนี้ Cantor Fitzgerald

    ในบรรดาผลิตภัณฑ์ของ Teucrium ประกอบไปด้วยกองทุนที่ลงทุนในธัญพืชประเภทเดียว 4 กองทุน กองทุนผสมสินค้าโภคภัณฑ์การเกษตร 2 กองทุน และกองทุนบิตคอยน์ฟิวเจอร์สอีก 1 กองทุน ส่วนที่เพิ่งเปิดตัวคือ กองทุน ETF 2 กองทุนที่จะใช้ปัญญาประดิษฐ์ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบมีกำหนดเวลาในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์การเกษตรและโลหะ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์เหล่านี้บางส่วนมีสินทรัพย์เพียงขนาดเล็กและอาจอยู่ไม่รอด กองทุนมีความเสี่ยงพอๆ กับผลผลิตนั่นเอง

    กิจการเกือบต้องปิดตัวลงทั้งหมดเมื่อรัสเซียเข้ายึดครองไครเมียในปี 2014 จนทำให้ตลาดธัญพืชปั่นป่วน แต่การบุกรุกยูเครนในปีที่แล้วกลับทรงพลังยิ่งกว่า บรรดานักเก็งกำไรที่หวั่นไหวต่างหลั่งไหลเข้าสู่กองทุนข้าวสาลี ส่งผลให้ทรัพย์สินของ Teucrium ทะยานเหนือระดับ 1 พันล้านเหรียญไปชั่วขณะ

    Gilbertie บอกว่า ราคาธัญพืชมักจะเป็นเช่นนี้ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาธัญพืชมีราคายืนอย่างเอื่อยเฉื่อยเหนือต้นทุนการผลิตเพียงเล็กน้อย จากนั้นจะเกิดเหตุการณ์บางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมในจีน ภัยแล้งใน Nebraska หรือสงคราม ผลักดันราคาให้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เช่นที่ Gilbertie กล่าวไว้ว่า “อุปทานไม่แน่นอน แต่อุปสงค์ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีใครปล่อยให้ตัวเองหรือครอบครัวต้องหนาวหรือหิวโหยหรอก”

    บริษัทที่บริหารกองทุน ETF สินค้าโภคภัณฑ์มีรายได้ไม่แน่นอน ตรงกันข้ามกับต้นทุนของงานเอกสารที่มีอยู่สม่ำเสมอ ต่อให้กองทุนหนึ่งๆ จะมีเพียงสัญญาจะซื้อจะขายล่วงหน้า 3-4 รายการ (เช่นใน ETF ข้าวโพด) แต่ Teucrium ก็ยังต้องทำ “รายงานความปลอดภัย” และข้อมูลเพิ่มเติมอีก 248 หน้ารวมไว้ในรายงานประจำปี Gilbertie บอกว่า “ETF คือ บริษัทด้านการเงินการบัญชีที่ถูกกฎหมาย ปฏิบัติตามกฎหมาย และบังเอิญว่ามีเงินอยู่ส่วนหนึ่ง”

    Gilbertie จะใช้ประโยชน์จากสมุนไพรรสขมเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด เมื่อไม่นานมานี้ Teucrium เพิ่งเปิดตัวบริการกองทุนในรูปแบบ White Label โดยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการบริหารจัดการเอกสารส่วนที่ยากที่สุดให้กับบริษัทที่ดูแลกองทุนรายอื่น ซึ่งจนถึงตอนนี้
บริการดังกล่าวมีลูกค้า 1 รายถ้วน เป็นผู้จำหน่ายกองทุนที่กล้าเสี่ยงเดิมพันกับความผันผวนของตลาดหุ้น

    แม้ว่ากฎหมายว่าด้วยการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าและหลักทรัพย์จะพา Gilbertie มาไกลจากรากเหง้าของตัวเองมากเหลือเกิน แต่เขายังคงวางเท้าข้างหนึ่งในแวดวงเกษตรกรรม Teucrium คือชื่อของสมุนไพรประดับสวนในแคตตาล็อกของคุณพ่อ นอกจากนี้ ใกล้ๆ เขายังใช้ที่ดินผืนหนึ่งไม่ไกลจากที่ทำงานมากนักเพื่อทำการทดลองข้าวโพดสายพันธุ์เก่าแก่สายพันธุ์หนึ่ง “ผมเป็นเทรดเดอร์ก็จริง แต่อยากจะออกไปขุดดินข้างนอกมากกว่า”


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กุญแจสู่การเติบโตในโลกยุคใหม่ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรก้าวสู่ความสำเร็จ

​​คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine