ผู้พัฒนาอสังหาฯ แบบไหน ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกซื้อบ้าน - Forbes Thailand

ผู้พัฒนาอสังหาฯ แบบไหน ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกซื้อบ้าน

การเลือกซื้อบ้านสักหลังหนึ่งนั้น มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา นอกเหนือจากเงื่อนไขส่วนตัว อย่างงบประมาณ ขนาดพื้นที่ใช้สอย สไตล์การออกแบบ ฯลฯ ในแง่มุมของผู้พัฒนาโครงการก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากคุณภาพของโครงการ ยูนิตอยู่อาศัย ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาอสังหาฯ หรือเจ้าของโครงการ ดังนั้น คนส่วนใหญ่มักจะมีภาพจำต่อแบรนด์หรือบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่แตกต่างกันออกไปและยังส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านตามไปด้วย

ในประเทศไทยมีบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ เป็นจำนวนมาก ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ โดยการแข่งขันในตลาดอสังหาฯ บ้านเรา อยู่ในระดับสูง ดังนั้นบริษัทผู้พัฒนาจึงเน้น ‘คุณภาพ’ ของที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังเน้นพัฒนาด้านภาพลักษณ์ ราคา ความคุ้มค่า และบริการ เพื่อที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ดึงดูดลูกค้าให้หันมาสนใจซื้อให้มากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้สำคัญมากที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจ และเกิดการบอกต่อ นำไปสู่การสร้างภาพจำที่ดีต่อแบรนด์ในระยะยาวด้วย

ผู้บริโภคใช้อะไรตัดสินใจในการเลือกบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ

จากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่า การเลือกผู้พัฒนาโครงการ ต้องพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง โดยภาพรวมของผลการสำรวจพบว่าคนในแต่ละช่วงอายุ และแต่ละสถานะ มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เมื่อแยกย่อยลงไปในรายละเอียด พบว่าร้อยละ 61 มองว่าคุณภาพของอุปกรณ์ตกแต่งภายในที่บริษัทผู้พัฒนามีให้นั้นสำคัญมากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุ 30-39 ปี ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากที่สุด รองลงมา ร้อยละ 55 เลือกสิ่งจูงใจทางการเงิน เช่น ส่วนลด หรือเงินคืนจากผู้พัฒนาโครงการ ช่วยดึงดูดผู้ซื้อได้ เพราะจะได้บ้านในราคาที่ถูกลงหรือมีความคุ้มค่า กลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยนี้คือกลุ่มอายุ 22-29 ปี และกลุ่มคนอายุ 30-39 ปี ส่วนอันดับสามที่ตามมาติดๆ ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 54 พิจารณาจากผลงานที่ผ่านมาของผู้พัฒนาโครงการซึ่งกลุ่มที่ให้น้ำหนักกับประเด็นนี้มากที่สุดคือกลุ่มคนอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญในการเลือกซื้อบ้านจากบริษัทผู้พัฒนาโครงการ คือ ชื่อเสียงของผู้พัฒนาโครงการร้อยละ 51 สถานะทางการเงินที่มั่นคงของบริษัทร้อยละ 43 และรีวิวหรือกระแสตอบรับของบริษัทผู้พัฒนาร้อยละ 40 เป็นต้น สรุปได้ว่าคนแต่ละช่วงอายุมีปัจจัยในการเลือกซื้อบ้านโดยพิจารณาผ่านมุมมองที่มีต่อผู้พัฒนาที่ไม่เหมือนกัน ผู้ที่อายุน้อยให้ความสำคัญกับเรื่องราคามากกว่า ส่วนกลุ่มผู้ที่อายุมาก กลับให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในระยะยาว และความมั่นคงของบริษัท

ผู้บริโภคมองภาพลักษณ์ของผู้พัฒนาอสังหาฯ อย่างไร

ด้วยสถานการณ์ทางอสังหาฯ ในปัจจุบัน กำลังฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ยอดขายอสังหาฯ อาจไม่คึกคักเท่าก่อนโควิด-19 ระบาด กำลังซื้อที่ยังรอวันฟื้นตัว สวนทางกับจำนวนอุปทานที่ยังเหลืออยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า บริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ควรกังวลเรื่องอุปทานล้นตลาด (Over Supply) เพิ่มระมัดระวัง ไม่ควรเร่งเปิดตัวโครงการใหม่ๆ จำนวนมาก เร็วจนเกินไป แต่ขณะเดียวกันผู้บริโภค ค่อนข้างเชื่อมั่นในชื่อเสียง และมั่นใจในระดับความมั่นคงทางด้านการเงินของบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ของไทย

มุมมองผู้บริโภคคนไทย ต่อการขายอสังหาฯ ให้ชาวต่างชาติ

อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ คือชาวต่างชาติซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันมานาน นับตั้งแต่รัฐบาลแง้มมาตรการดึงดูดชาวต่างชาติเมื่อปีที่แล้ว คำถามคือ จะเป็นอย่างไรต่อไป ถ้าทางฝั่งเอกชนหรือบริษัทอสังหาฯ ทำบ้าง เพื่อพยายามดึงดูดชาวต่างชาติให้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากตลาดอสังหาฯ ไทยในปัจจุบันยังไม่คึกคักมากนัก ที่ผ่านมากำลังซื้อชาวต่างชาติหดหาย แต่สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น หลังจากไทยเปิดประเทศเต็มรูปแบบ หากว่าผู้ประกอบการปรับนโยบายดึงดูดซื้อชาวต่างชาติเพิ่มก็น่าจะช่วยเพิ่มยอดขายมากขึ้นได้ แม้ว่าจะต้องรอชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยมากขึ้นกว่านี้ก็ตาม ทั้งนี้ จากแบบสอบถามความคิดเห็นฯ พบว่าผู้บริโภคร้อยละ 47 ไม่เห็นด้วยที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ จะแคมเปญดึงดูดผู้ซื้อชาวต่างชาติมากกว่านี้ ส่วนร้อยละ 35 ของผู้บริโภคเห็นด้วยและร้อยละ 18 ไม่มีความคิดเห็นต่อประเด็นนี้ จากตัวเลขดังกล่าวก็พอสรุปได้ว่าผู้บริโภคคนไทยยังไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มมาตรการดึงดูดผู้ซื้อชาวต่างชาติมากนัก เนื่องจากมีความกังวลว่าลูกค้าต่างชาติอาจเข้ามาแย่งซื้ออสังหาฯ ในไทย เกิดการเก็งกำไร และในอนาคตอาจทำให้ราคาอสังหาฯ ไทยแพงขึ้น จะเห็นได้ว่าความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ยังเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งในการเลือกซื้อบ้านของผู้บริโภคไทยไม่ว่าจะเป็นผลงานที่ผ่านมาหรือชื่อเสียงของบริษัทฯ เนื่องจากการซื้อที่อยู่อาศัยต้องแลกมากับเงินก้อนใหญ่ รวมถึงภาระหนี้สินผูกพันระยะยาว ผู้บริโภคจึงต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ รวมกันอย่างถี่ถ้วน บทความโดย DDproperty
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine