อี-คอมเมิร์ซยุคใหม่ติดอาวุธโซลูชันครบวงจร - Forbes Thailand

อี-คอมเมิร์ซยุคใหม่ติดอาวุธโซลูชันครบวงจร

FORBES THAILAND / ADMIN
14 Mar 2023 | 08:25 AM
READ 2575

จากข้อมูลของ ETDA ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตต่อปี 9.79% พร้อมแนวโน้มการเติบโตและมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่ปีที่ผ่านมา 


    สอดคล้องกับการเติบโตของอี-คอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออก-เฉียงใต้ที่คาดว่าจะยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น 19.8% ระหว่างปี 2563-2568 โดยเฉพาะอินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ที่คาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าการเติบโตเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค

    อย่างไรก็ตามปัญหาเงินเฟ้อและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ถือเป็นโจทย์ท้าทายของผู้ประกอบการที่ต้องเตรียมความพร้อมและเร่งปรับตัว รวมถึงความท้าทายสำคัญสำหรับการทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซคือ การสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ขยายฐานลูกค้า และรองรับการเข้าถึงแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ช็อปปิ้งออนไลน์ผ่านช่องทางมาร์เก็ตเพลสและโซเชียลคอมเมิร์ซเป็นหลัก 

    ซึ่งการพัฒนาศักยภาพบุคลากรพร้อมลดต้นทุนในการดำเนินงานนับเป็นคีย์สำคัญ โดย“เทคโนโลยี” จะกลายเป็นตัวแปรหลักที่จะช่วยเพิ่มขีดศักยภาพจากความท้าทายดังกล่าว

    ดังนั้น การพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์การเพิ่มประสิทธิภาพบริหารอี-คอมเมิร์ซและเพิ่มขีดศักยภาพการแข่งขันจึงเป็นเครื่องมือสำคัญมาก โดยผู้ประกอบการสามารถเลือกประยุกต์ใช้ชุดซอฟต์แวร์ได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้งานในแต่ละธุรกิจที่แตกต่างกัน

    ไม่ว่าจะเป็นเพื่อช่วยบริหารจัดการการขายออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบไร้รอยต่อ การรองรับการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ในต่างประเทศ ไปจนถึงช่วยลดต้นทุน-ข้อผิดพลาดในการทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งซอฟต์แวร์ที่เปิดให้แบรนด์หรือผู้ประกอบการเข้ามาซื้อได้โดยตรงจะเรียกว่า SaaS (Software as a Service)

    สำหรับซอฟต์แวร์หลักที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซให้ความสำคัญจะมุ่งเน้นไปที่ความสามารถตอบโจทย์การใช้งานแบ่งเป็น 3 รูปแบบหลัก เพื่อช่วยให้บริหารกระบวนการอี-คอมเมิร์ซได้อย่างไร้รอยต่อและเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงลดข้อผิดพลาดได้ ซึ่งตัวช่วยทั้งหมดสามารถนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพยอดขายได้มากขึ้น โดยแบ่งประเภทซอฟต์แวร์หลักที่ครอบคลุมจุดประสงค์ดังกล่าวได้ดังนี้


ตอบโจทย์โลก Omnichannel

    ซอฟต์แวร์ด้านการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่สามารถตอบโจทย์โลก omnichannel จะช่วยยกระดับประสบการณ์ช็อปปิ้งออนไลน์อย่างไร้รอยต่อ โดยซอฟต์แวร์ประเภท chat & shop ที่มีแชทบอทช่วยสื่อสารกับผู้บริโภคได้ตลอด 24 ชั่วโมงและเชื่อมต่อข้อมูลระบบหลังบ้านได้จะช่วยให้ธุรกิจบริหารจัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์ได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากนั้น การที่ซอฟต์แวร์สามารถเชื่อมต่อหลากหลายแพลตฟอร์มทั้ง Facebook , Instagram, LINE, Lazada, Shopeeและอื่นๆ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อได้หลายร้านค้าพร้อมกัน โดยมีระบบรวบรวมแชทจากทุกช่องทางเพื่อให้ทีมหลังบ้านตอบลูกค้าได้ในแพลตฟอร์มเดียว จะยิ่งช่วยทำให้การบริหารในทุกๆ ช่องทางมีประสิทธิภาพมากขึ้น


    ขณะที่ความสามารถเชื่อมระบบข้อมูลของซอฟต์แวร์ตั้งแต่การจัดการยอดสั่งซื้อการบริหารคลังสินค้า จนถึงกระบวนการจ่ายเงินที่ง่าย สะดวก และปลอดภัยจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถวัดผลประสิทธิภาพการตอบแชท การบริหารข้อมูลและช่วยปิดการขายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

    ดังนั้น ซอฟต์แวร์ประเภทดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยยกระดับประสบการณ์ด้านลูกค้าสัมพันธ์ของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเชื่อมต่อแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดียเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น


ด้านบริหารคลังสินค้า

    ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซยุคใหม่ควรให้ความสำคัญกับซอฟต์แวร์ด้านการบริหารคลังสินค้าที่สามารถช่วยเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำได้มากยิ่งขึ้น โดยระบบการจัดการบริหารคลังสินค้าเพื่อเตรียมจัดส่ง (fulfillment center) ถือว่าเป็นหัวใจหลักบนสายพานของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่ต้องการความรวดเร็ว แม่นยำ และการจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง

    ดังนั้น หากธุรกิจมีซอฟต์แวร์ด้านการบริหารคลังสินค้าที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่ต้องปรับการบริหารจัดการคลังสินค้าและการทำงานให้เป็นรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งสามารถนำจุดแข็งจากเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ร่วมกับธุรกิจ เพื่อยกระดับการดำเนินงานของสายพานคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ


บริหารการขายสินค้าทุกแพลตฟอร์ม

    ธุรกิจหรือแบรนด์ที่มีการจำหน่ายผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซที่หลากหลายควรใช้ซอฟต์แวร์ด้านบริหารการขายสินค้าอี-คอมเมิร์ซครบวงจรให้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลสินค้าในหลากหลายแพลตฟอร์มมีความแม่นยำสูง และลดข้อผิดพลาดให้น้อยลงได้

    สำหรับซอฟต์แวร์ดังกล่าวสามารถช่วยให้แบรนด์บริหารจัดการยอดสั่งซื้อจากแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดียจากหลากหลายช่องทาง ทั้งยังมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมากในการรวบรวมยอดสั่งซื้อและสต๊อกจากแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซต่างๆ ให้อยู่ในฐานข้อมูลกลางที่เดียว ทำให้แบรนด์พร้อมบริหารจัดการยอดสั่งซื้อ จัดการสต๊อกและช่วยจัดการข้อมูลสินค้า เพื่อป้องกันความผิดพลาดไปจนถึงเตรียมจัดส่ง

    ทั้งหมดนี้จะเห็นว่าการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อต่อยอดการบริหารจัดการอี-คอมเมิร์ซเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างมาก เพื่อสร้างโอกาสและการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงขยายฐานลูกค้าในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยการที่แบรนด์และผู้ประกอบการได้นำซอฟต์แวร์ในด้านต่างๆ มาประยุกต์ใช้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอี-คอมเมิร์ซทั้งประเทศไทยรวมถึงในภูมิภาคให้เติบโตขึ้นต่อไป

บทความโดย

นัฐพล บุญภินนท์ 

กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด


คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ในรูปแบบ e-magazine