หากยังจำกันได้ เมื่อหลายปีก่อน จีนประสบวิกฤตมลพิษทางอากาศทั่วประเทศ ประชาชนต้องใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ตลอดเวลาโดยในปี 2556 ค่าเฉลี่ย PM 2.5 ในอากาศต่อปีของจีนสูงกว่า 60 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ug/m3) ส่งผลให้ 7 เมืองในจีนติดอัน 10 เมืองที่มีมลพิษเยอะที่สุดในโลก
นับเป็น Pain Point ของจีนที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน...
รายงานล่าสุดจากองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ค่าเฉลี่ย PM 2.5 ของจีนในปี 2561-2562 ลดลงต่ำกว่า 50 ug/m
3 ไปแล้ว
แม้จะยังเกินเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ค่าเฉลี่ย PM 2.5 ในอากาศต่อปี ไม่ควรเกิน 10 ug/m
3 แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็ต้องยอมรับว่า จีนมีแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหามลพิษในประเทศอย่างจริงจัง
ที่ผ่านมารัฐบาลจีนมีความเคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตมลพิษของประเทศในหลายๆ ด้าน
โดยมีเป้าหมายลดฝุ่น PM 2.5 อย่างจริงจังให้ไม่เกิน 35 ug/m3 ผ่าน Action Plan 2561-2563 และเพิ่มมาตรการอื่นๆ เช่น
-ยกเลิกรถเมล์ใช้น้ำมัน เปลี่ยนมาเป็นรถเมล์พลังงานไฟฟ้า
-ห้ามขี่มอเตอร์ไซค์ในเมือง อนุญาตเฉพาะสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
-ให้เงินช่วยเหลือประชาชนในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
-พัฒนาระบบจักรยานเช่า
-ปิดโรงงานอุตสาหกรรมเก่า
-ปลูกป่าเพิ่มเติมอย่างจริงจัง
นอกจากนี้จีนยังสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจและเอกชนหันมาลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เช่น แสงอาทิตย์ และลม ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หวังจะลดสัดส่วนการพึ่งพากำลังการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน ซึ่งปัจจุบันเป็นกำลังผลิตไฟฟ้าหลักของประเทศ
ในช่วง 2552-2562 จีนมีการลงทุนในการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรวม 894,600 ล้านเหรียญฯ
ด้วยนโยบายแก้ปัญหาจากรัฐบาลและเม็ดเงินลงทุนมหาศาลนี้เอง
ทำให้ธุรกิจด้านพลังงานสะอาดในจีนกำลังมีบทบาทสำคัญมากในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางพลังงาน มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันคือ ลดมลพิษของประเทศ คืนสิ่งแวดล้อมที่ดีและอากาศบริสุทธิ์ให้ประชาชน
เมื่อบริษัทจีนต่างๆ หันเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เพื่อตอบสนองนโยบายระยะยาวและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างเต็มที่ จึงทำให้หุ้นบริษัทกลุ่มนี้มีศักยภาพในการเติบโตไปกับเมกะเทรนด์ของประเทศได้ในอนาคต
‘ETF พลังงานสะอาดจีน’ ที่น่าสนใจ
KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF (KGRN) เป็น 1 ใน ETF (Exchange Traded Fund) ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) ที่ลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดในจีนประมาณ 40-50 บริษัท
KGRN เป็น Passive Fund จัดพอร์ตกองทุนให้ผลตอบแทนเป็นไปตามดัชนีอ้างอิง MSCI China IMI Environment 10/40 Index โดยหุ้นบริษัทจีนแต่ละตัวที่ถูกคำนวณในดัชนีนี้ จะต้องมีรายได้อย่างน้อยร้อยละ 50 จากสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก ดังนี้ [5]
- พลังงานทางเลือก (Alternative Energy)
เป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนต่างๆ เช่น แสงอาทิตย์ ลม น้ำ ชีวภาพ ความร้อนใต้พิภพ ความร้อนเข้มข้นจากแสงอาทิตย์
ตัวอย่างบริษัทที่ KGRN ลงทุน คือ Xinyi Solar Holdings อยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง บริษัทผลิตและขายแผงโซลาร์ให้จีนแผ่นดินใหญ่ มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ รวมทั้งให้บริการทำฟาร์มโซลาร์และรับงานพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ด้วย
ตาราง 1 : งบการเงินย้อนหลัง 3 ปี (หน่วย: ล้านเหรียญฯ ฮ่องกง)
ที่มา: Jitta
- การบริหารจัดการน้ำยั่งยืน (Sustainable Water)
เป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการวางแนวทางบำบัดน้ำเสียและแก้ปัญหาคุณภาพน้ำ รวมทั้งพัฒนาระบบการใช้และบำบัดน้ำในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของจีน เพื่อให้น้ำที่ปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างบริษัทที่ KGRN ลงทุน คือ
Beijing Enterprise Water อยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง บริษัทพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสีย มีความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการระบบจัดการน้ำและธุรกิจอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อม
ตาราง 2 : งบการเงินย้อนหลัง 3 ปี (หน่วย: ล้านเหรียญฯ ฮ่องกง)
ที่มา: Jitta
- สิ่งปลูกสร้างประหยัดพลังงาน (Green Building)
เป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและพัฒนาอาคารประหยัดพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ซึ่งอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้จะต้องผ่านมาตรฐานสิ่งปลูกสร้างที่ยั่งยืน
ตัวอย่างบริษัทที่ KGRN ลงทุน คือ
Shimao Group Holdings อยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบในเมืองสำคัญของจีนแผ่นดินใหญ่ และนำเทคโนโลยีประหยัดพลังงานมาใช้ในการออกแบบสิ่งปลูกสร้างด้วย
ตาราง 3: งบการเงินย้อนหลัง 3 ปี (หน่วย: ล้านเหรียญฯ ฮ่องกง)
ที่มา: Jitta
- การป้องกันมลพิษ (Pollution Prevention)
เป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการให้คำปรึกษาหรือออกแบบการป้องกันมลพิษ ลดกากของเสีย และรีไซเคิลให้กับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
ตัวอย่างบริษัทที่ KGRN ลงทุน คือ
China Everbright Environment Group อยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง บริษัทให้บริการด้านบริหารโครงการและให้คำปรึกษาในด้านที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงาน น้ำ การก่อสร้าง และเทคโนโลยี
ตาราง 4: งบการเงินย้อนหลัง 3 ปี (หน่วย: ล้านเหรียญฯ ฮ่องกง)
ที่มา: Jitta
- การอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency)
เป็นกลุ่มที่พัฒนาสินค้าและบริการที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนทั่วโลก หนึ่งในสินค้าที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง คือ EV ในกำลังจะมาพลิกโฉมอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ให้เปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ที่ใช้น้ำมัน มาเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
ตัวอย่างบริษัทที่ KGRN ลงทุน คือ
Nio อยู่ในตลาดหุ้น NYSE บริษัทออกแบบ พัฒนา ผลิต และขาย EV ขายในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และเยอรมนี มีการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานทั้งแบบซีดานและ SUV (Sport Utility Vehicle)
ตาราง 5: งบการเงินย้อนหลัง 3 ปี (หน่วย: ล้านเหรียญฯ ฮ่องกง)
ที่มา: Jitta
จะเห็นได้ว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หุ้นบริษัทของ KGRN ที่ทิศทางการเติบโตที่สูงขึ้น ตามงบการเงินที่เติบโต รวมทั้งถูกขับเคลื่อนด้วยนโยบายของรัฐบาลจีน ในความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนธุรกิจพลังงานสะอาดในทุกๆ กลุ่ม
ส่งผลให้ในปี 2563 ผลตอบแทนของ KGRN เติบโตก้าวกระโดดที่ร้อยละ 138.49 บ่งบอกว่า หุ้นในกลุ่มพลังงานสะอาดของจีนส่วนใหญ่มีงบการเงินที่ดี ราคาหุ้นเลยสะท้อนออกมาในมุมบวก รวมไปถึงราคาของ KGRN ด้วย
สำหรับในปี 2564 ผลตอบแทนของ KGRN เติบโตอยู่ประมาณร้อยละ 5.43 (ข้อมูล ณ 21 มิถุนายน 2564) คงต้องรอดูว่า บริษัทต่างๆ ใน KGRN จะมีความเคลื่อนไหวในธุรกิจอย่างไร มีงบการเงินครึ่งปียังเติบโตจากปี 2563 หรือไม่ ซึ่งจะสะท้อนออกมาผ่านราคาหุ้นและ ETF
การลงทุนใน ETF เปรียบเสมือนการซื้อหุ้นทั้งกลุ่ม ในที่นี้คือ
การซื้อหุ้นบริษัทด้านพลังงานสะอาดของจีน ดังนั้นผลตอบแทนจาก KGRN เกิดจากการกระจายความเสี่ยงในหุ้น 40-50 ตัว และลงทุนให้ผลตอบแทนเป็นไปตามดัชนีอ้างอิง ดังนั้นเมื่อผลตอบแทนจากดัชนีเพิ่มขึ้น ราคา KGRN จะเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน
Jitta Wealth จึงเลือก KGRN เข้ามาเป็นตัวแทนของธีมพลังงานสะอาดจีน (China Clean Energy) ในบริการกองทุนส่วนบุคคล Thematic ที่ให้คุณเลือกจัดพอร์ตผสมกับธีมการลงทุนอื่นๆ ที่คุณชื่นชอบได้สูงสุด 5 ธีม ไม่ว่าจะเป็นจีโนมิกส์ กัญชา เทคโนโลยีท่องเที่ยว อีคอมเมิร์ซ คลาวด์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอีกนับสิบธีม
หากคุณเชื่อมั่นในธุรกิจพลังงานสะอาดจีนว่า จะสามารถเติบโตได้ไปพร้อมกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานของรัฐบาล รวมทั้งเทรนด์ธุรกิจทั่วโลกที่ตระหนักถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โอกาสการลงทุนอยู่ในมือคุณแล้ว
ลองอ่านความน่าสนใจของ ‘ธีมพลังงานสะอาดจีน’ หรือสอบถามเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนที่ Line @JittaWealth
บทความโดย
Jitta Wealth
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine