ในวัย 87 ปี Li Ka-shing รั้งตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย ด้วยทรัพย์สินสุทธิมูลค่าเกือบ 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งยังเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก แต่ชีวิตของเขาเริ่มต้นจากการเป็นผู้ลี้ภัยสงครามที่ไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียว
ค.ศ.1928 ลืมตาดูโลก ณ เมือง Chaozhou มณฑล Guangdong บิดาของเขาเป็นครูใหญ่ ค.ศ.1940 เมื่อถูกญี่ปุ่นบุก พ่อของเขาพาครอบครัวหนีไปฮ่องกง และเสียชีวิตจากวัณโรคในอีกสองปีต่อมา เมื่อ Liอายุได้ 12 ปี เขาเข้าทำงานในโรงงานผลิตสายนาฬิกาพลาสติกเพื่อจุนเจือครอบครัว Li กล่าวว่า “เกมการต่อสู้แย่งชิงความเป็นใหญ่และรสชาติของความแร้นแค้น เป็นประสบการณ์ที่ใครก็ยากที่จะลืม” ค.ศ.1950 เขาลาออกจากงาน และเริ่มต้นธุรกิจผลิตของเล่นพลาสติกของตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนไปทำดอกไม้พลาสติก อีกกว่าหนึ่งทศวรรษต่อมา เหตุการณ์จลาจลในฮ่องกงทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ เป็นโอกาสให้เขาสามารถซื้ออาคารพาณิชย์ราคาถูก ค.ศ.1972 Li พาบริษัทโฮลดิ้ง Cheung Kong Ltd. เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง หุ้นไอพีโอมีไม่พอจำหน่ายแก่นักลงทุนซึ่งพากันจองหุ้นมากกว่าปริมาณจริงที่มี 65 เท่า ค.ศ.1979 Li เป็นชาวจีนคนแรกที่ซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท Hutchison Whampoa ซึ่งเป็นบริษัทการค้า (Trading Company) ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของอังกฤษ ที่กำลังประสบปัญหาการดำเนินงานอยู่ในขณะนั้น ค.ศ.1986 เข้าถือหุ้นส่วนใหญ่ของ Husky Energy บริษัทสัญชาติแคนาดา การลงทุนครั้งนี้ ผนวกรวมกับทรัพย์สินอื่นๆ ทำให้เขาติดอันดับมหาเศรษฐีโลกของ FORBES เป็นครั้งแรกในอีกหนึ่งปีถัดมา “ขีวิตของผมเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ต้องยอมรับว่า โชคชะตานำพาโอกาสมากมายมาให้ผม” ค.ศ.1999 ได้เวลาแจ็กพ๊อตแตก Hutchison ทำธุรกรรมครั้งประวัติศาสตร์ด้วยการขายหุ้นใน Orange Plc. บริษัทโทรคมนาคม ให้กับ Mannesmann ของเยอรมัน เป็นเงินเกือบ 15,000 ล้านเหรียญ ค.ศ.2006 ตกลงใจบริจาคทรัพย์สิน 1 ใน 3 ให้กับมูลนิธิ Li Ka Shing Foundation เพื่อสนับสนุนงานด้านการศึกษาและการดูแลสุขภาพทั่วโลก “พวกเราทุกคนทราบดีถึงความสำคัญของการจ่ายลงทุน (capital investment) อย่างเหมาะสม การลงทุนทางสังคมมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด” ค.ศ.2007 ด้วยสัญชาตญาณนักลงทุน เขาตัดสินใจลงทุนกับ Facebook ในเวลา 5 นาทีหลังจากได้ฟังเรื่องราวของธุรกิจที่เพิ่งลืมตาอ้าปากนี้ เครือข่ายสังคมออนไลน์แห่งนี้ได้รับการประเมินมูลค่ามหาศาลที่ 15,000 ล้านเหรียญ แม้จะไม่ทำรายได้มากมายนัก “คุณจะรู้สึกเด็กลง ถ้าได้ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี” ค.ศ.2010-2014 เขาลดสัดส่วนการลงทุนในจีนและฮ่องกง และมุ่งไปที่ยุโรปแทน รวมๆ แล้ว บริษัทของเขาใช้เงินไป 28,000 ล้านเหรียญ ซื้อทรัพย์สินที่นั่น ซึ่งรวมถึงบริษัทน้ำ 1 แห่ง บริษัทสาธารณูปโภค 2 แห่ง และบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 2 แห่ง “นักธุรกิจโดยมากไม่ควรมีวิสัยทัศน์คับแคบในอุตสาหกรรมที่ตนลงทุน” ค.ศ.2015 เนื่องจากถูกมองว่าให้ความสำคัญกับต่างประเทศ สื่อของฟากรัฐบาลจึงตั้งคำถามเกี่ยวกับความจงรักภักดีของ Li ที่มีต่อจีนแผ่นดินใหญ่ Li ออกแถลงการณ์ 3 หน้าตอบโต้ข้อกล่าวหาคลิ๊กอ่านเรื่องราวเพื่อสร้างแรงบันดาลใจทางด้านธุรกิจได้ Forbes Thailand ฉบับ FEBRUARY 2016 ในรูปแบบ E-Magazine