ศรีลังกาเตรียมผุดลาสเวกัสฉบับจิ๋ว - Forbes Thailand

ศรีลังกาเตรียมผุดลาสเวกัสฉบับจิ๋ว

FORBES THAILAND / ADMIN
27 Jun 2014 | 03:08 PM
READ 1945

ณ ริมทะสาป Beira ใจกลางกรุง Colombo ศรีลังกา  John Keells Holdings เครือข่ายธุรกิจขนาดใหญ่สุดของประเทศ ส่งรถขุดขนาดยักษ์ลงปรับเตรียมพื้นที่เพื่อก่อสร้างฐานรากสำหรับรีสอร์ทแห่งใหม่ ขนาดใหญ่ที่สุดในศรีลังกา

โปรเจ็กต์นี้ใช้เงินลงทุน 820 ล้านเหรียญ นับเป็นเมกะโปรเจ็กต์ใหญ่สุดที่ลงทุนโดยเอกชนภายในประเทศ ประกอบไปด้วยโรงแรมหรูขนาด 800 ห้อง ห้องประชุมสัมมนา ช้อปปิ้งมอลล์ อพาร์ทเม้นต์ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และที่สำคัญคือกาสิโน แม่เหล็กดูดนักท่องเที่ยวย่านเอเชีย นับตั้งแต่สงครามกลางเมือง 26 ปี สิ้นสุดลงในปี 2009 ศรีลังกากลายเป็นเป้าหมายหนึ่งของนักเดินทาง ที่ต้องการแสวงหาดินแดนต้นปาล์ม ชมทิวทัศน์ของมหาสมุทรอินเดีย และลิ้มลองอาหารรสจัดจ้าน จำนวนนักท่องเที่ยวจากปี 2009 จนถึงปี 2012 เพิ่มขึ้นถึง 20% เทียบกับช่วงปี 2004 ถึงปี 2008 ที่เพิ่มเพียง 5% เท่านั้น ขณะที่ปีกลายมียอดนักท่องเที่ยวสูงถึง 1.3 ล้านคน แม้ชาวจีนจะเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ แต่ส่วนใหญ่ยังมาจากอินเดีย John Keells บริษัทใหญ่สุดของศรีลังกา ก่อตั้งโดยนักธุรกิจอังกฤษสองรายเมื่อทศวรรษ 1870 ให้เป็นนายหน้าซื้อขายหุ้น แต่ทุกวันนี้หันมาจับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ดำเนินกิจการซุปเปอร์มาร์เก็ตและโรงแรม และยังลงทุนในกิจการธนาคารและท่าเรือ โดยมีนักลงทุนสถาบันต่างชาติถือหุ้น 56% "หลังสงครามสิ้นสุด เราตัดสินใจทันใดว่าศรีลังกาคือที่ของเรา" Susantha Ratnayake ประธานบริษัทวัย 55 ปี ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานใหญ่ใน Cinnamon Lakeside Hotel โรงแรมระดับห้าดาวหนึ่งในสองแห่งของเมืองหลวง ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามทะเลสาป Beira ที่รีสอร์ทกำลังปักเสาเข็ม รายได้ของธุรกิจโตขึ้นเป็นเท่าตัวมาตั้งแต่ปี 2009 จนในปี 2013 มีรายได้ถึง 675 ล้านเหรียญ ขณะที่กำไรสุทธิก็พุ่งขึ้น 107 ล้านเหรียญในช่วงเดียวกัน ในขณะที่คนอินเดียเริ่มเดินทางไปประเทศจำพวกสิงคโปร์ มาเลเซีย และมาเก๊าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  ผู้บริหาร Keells จึงตัดสินใจว่า สำหรับยุคหลังสงครามแล้ว ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวในภูมิภาคต้องเปลี่ยน "ทำไมเม็ดเงินและนักท่วงเที่ยวพวกนั้นไม่เป็นเของเรา" Ratnayake กล่าว "หากจะไม่ให้คนอินเดียพวกนี้ไม่ต้องไปไกล คุณต้องมีศูนย์การค้าและแหล่งบันเทิงระดับไฮเอนต์ เรารู้ดีว่าหากเราจะเข้าสู่แวดวงธุรกิจใหม่ ขนาดเป็นเรื่องสำคัญ" ผลก็คือรีสอร์ทแบบครบวงจรที่จะเปิดตัวในปี 2018 ในเวลาเดียวกัน ทางการศรีลังกาต้องการเพิ่มตัวเลขนักท่องเที่ยวขึ้นเป็นสองเท่า ให้ถึง 2.5  ล้านในปี 2016  เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ จึงได้ยกเว้นภาษีสำหรับรายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยว โดยไม่รวมเงินจากการพนัน เป็นเวลานานถึง 10 ปี  โดยจะรับหน้าที่สร้างถนนเลียบทะเลสาป Beira เพื่อรอรับคาสิโนใหม่ คล้ายกับลาสเวกัสฉบับย่อส่วน ธุรกิจของ John Keells ยังต้องแข่งขันกับ Dhammika Perera ผู้ร่ำรวยคนหนึ่งของศรีลังกา และมหาเศรษฐีชาวออสเตรเลีย James Packer ทั้งสองรายนี้มีกิจการคาสิโนรีสอร์ทในบริเวณที่รัฐบาลกำหนด (ส่วนของ Keells ก่อสร้างบนที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ห่างไปราวหนึ่งไมล์ แต่ก็ต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ) โครงการของ Perera คือ Queensbury Integrated Resort & Casino ประกอบด้วยโรงแรม 500 ห้อง, ศูนย์ประชุมขนาดเล็ก และห้างสรรพสินค้า ส่วนของ Packer จับมือกับนักลงทุนศรีลังกา Ravi Wijeratne มีมูลค่า 400 ล้านบาท โดยจะเน้นจุดขายด้วยพ่อครัวคนดัง (เศรษฐีออสซี่ยังมีกาสิโนในมาเก๊า ลอนดอน และเพิร์ธด้วย) อุปสรรคอันท้าทาย John Keells ก็คือใบอนุญาตสำหรับกิจการพนันในศรีลังกาทั้งห้าใบ ต่างแบ่งกันอยู่ในมือของ Perera สามใบ และ Wijeratne สองใบ  ดังนั้น Keells จึงพยายามพาผู้ประกอบการสถานการพนันจากต่างแดนเข้ามา เพื่อชิงใบอนุญาตจากมือของทั้งสองเจ้า แม้ว่ารัฐบาลจะไม่มีการออกใบอนุญาตให้ใหม่ แต่จะไร้แรงต่อต้านใดๆ เลย ในช่วงเดือนเมษายนขณะกำลังพิจารณาเรื่องนี้ ผู้นำศาสนาพร้อมมวลชนฝ่ายค้านนับร้อยเดินขบวนประท้วงใน Colombo พวกเขากล่าวว่าการเปิดกาสิโนขนาดใหญ่จะทำให้โสเภณีเพิ่มขึ้น และบั่นทอนศีลธรรมของประเทศ โดยโจมตีโครงการของ Packer อย่างโกรธแค้น ว่าร่ำรวยจากการรับสิทธิทางภาษี ทว่าพันธมิตรท้องถิ่นของเขา Wijeratne ไม่แยแสกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมตอบโต้ว่า "พวกนักการเมืองไม่สนใจข้อเท็จจริง" ไม่ไกลจากสถานกาสิโนรีสอร์ทพวกนี้ บรรดาโรงแรมหรูจากต่างชาติไม่ว่า Shangri-La, Hyatt และ ITC ของอินเดีย กำลังก่อสร้างบนพื้นที่ที่เคยเป็นป้อมค่ายของกองทหารที่หลงเหลือจากสงครามกลางเมืองมาก่อน Ajit Gunewardene รองประธาน John Keells วัย 56 ปี กล่าวว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องวาง Colombo ไว้บนแผนที่ท่องเที่ยวอันหรูหรา "คุณจะอยู่รอดได้เมื่อมีรายรับวันละ 40 เหรียญ และต้องมีอัตราเข้าพักไม่ต่ำกว่า 50%" เขากล่าวว่า "ไม่ทางเลยที่จะเอาของไปขายยังตลาดใหม่โดยยังมีความขัดแย้งอยู่" เขาเพิ่มเติมว่า "เราต้องการแบรนด์ ที่เกี่ยวกับการสร้าง Colombo หรือ Sri Lanka ใหม่นะหรือ? พวกเขากำลังนำพวกเราก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 แล้ว แต่เหมือนกับว่าเรากำลังเหนื่อยหน่ายกับยุคก่อนได้รับเอกราช"  
เรียบเรียงจาก Sri Lanka Plans Its Own Mini Vegas โดย Megha Bahree