Riady ทุ่มเงินมหาศาลเดิมพันธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของอินโดนีเซียให้พร้อมพุ่งทะยาน
เรื่อง : JEFEREY HUTTON เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา ตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มักมีการพูดถึงศักยภาพของตลาดอี-คอมเมิร์ซ หรือธุรกิจซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในอินโดนีเซียและความสำเร็จที่มองเห็นอยู่เพียงแค่เอื้อมตระกูลนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศเคยมุ่งความสนใจไปที่ธุรกิจนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 1997 ตระกูล Salim ได้ควักกระเป๋า 20,000 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อเริ่มต้นลงทุนธุรกิจจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์แต่ธุรกิจดังกล่าวต้องม้วนเสื่อ 1 ปีหลังจากนั้นภายหลังการต่อสู้ทางการเมืองสู่การเป็นประชาธิปไตยของประเทศเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่ชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองชนบทอันห่างไกลพัฒนาดีขึ้นแต่ระบบซื้อขายสินค้าในธุรกิจค้าปลีกอย่างรองเท้าหรือสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงแทบไม่เปลี่ยนแปลง วิธีการชำระสินค้า ช่องทางจัดส่งสินค้าและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ยังคงเป็นปัญหาสำหรับผู้ขายสินค้าออนไลน์ที่ดำเนินมายาวนานและต่อเนื่อง Jakarta เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติดซึ่งอาจทำให้การเดินทางไม่กี่ไมล์กลายเป็นเวลาแสนทรมานกว่าครึ่งวันยังคงมีวิถีชีวิตประจำวันในการจับจ่ายซื้อของในร้านค้าแบบดั้งเดิมไปจนถึงห้างสรรพสินค้าสมัยใหม่แต่สิ่งนี้กำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา Lippo Group ของตระกูล Riady เปิดตัวอี-คอมเมิร์ซแห่งที่สองของบริษัทด้วยงบประมาณ 500 ล้านเหรียญ ในการจัดตั้ง Mataharimall.com ความพยายามครั้งแรกเมื่อปี 2000 ด้วยการก่อตั้ง Lipposhop ประสบความล้มเหลวในระยะเพียง 1 ปี Lippo ดึงตัวนักธุรกิจมือฉมังมากประสบการณ์ 2 คนเข้ามาช่วยธุรกิจ ผู้เข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการคือ Emirsyah Satar ซึ่งเคยพลิกฟื้น Garuda สายการบินแห่งชาติของประเทศอินโดนีเซีย และตำแหน่ง CEO เป็นของ Hadi Wenas วัย 36 ปี ผู้บริหารคลื่นลูกใหม่ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยดีกรีปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัย Stanford ซึ่งเคยช่วยก่อตั้งธุรกิจ Zalora เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ชื่อดังและเคยร่วมงานกับ Oracle และ McKinsey “ธุรกิจนี้กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว” Wenas กล่าว “ถ้าเราไม่ทำคนอื่นจะเข้ามาและชิงส่วนแบ่งตลาดไป” โดยมีทิศทางของตัวเลขผู้ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่พุ่งสูงขึ้น และตัวเลขคาดการณ์จาก Rudiantara รัฐมนตรีกระทรวงการสื่อสารของอินโดนีเซีย ประเมินว่ามูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์จะมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเป็น 5% ของตลาดค้าปลีกโดยรวมหรือประมาณ 1.3 แสนล้านเหรียญในปลายทศวรรษนี้ ด้วยการทุ่มเงินเดิมพันมูลค่ามหาศาล MatahariMall หวังขึ้นแท่นเป็นผู้นำในตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ของประเทศที่มีประชากรกว่า 250 ล้านคน Wenas กล่าวว่าบริษัทจะสามารถทำได้สำเร็จด้วยการใช้ความแข็งแกร่งของ Lippo ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ โดยเฉพาะแบรนด์ Matahari Department Store เครือห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ทั้งนี้ เครือร้านค้าปลีกที่สำคัญของ Lippo ดำเนินการภายใต้บริษัท Matahari Putra Prima ผู้ดูแลบริหารธุรกิจค้าปลีก Hypermart และ Foodland (ร้านสะดวกซื้อ) และเครือห้างสรรพสินค้า รายได้รวมของแต่ละธุรกิจในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.1 และ 1.2 พันล้านเหรียญตามลำดับ “ถ้าคุณเข้าสู่ธุรกิจช้ามันจะกลายเป็นแค่เกมของการมีส่วนร่วมเท่านั้นไม่ใช่เกมของผู้ชนะ” Wenas กล่าว ธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ทำให้ MatahariMall แตกต่างจากร้านค้าออนไลน์อื่นๆ อย่าง Tokopedia และ Lazada ซึ่งมีสาขาใน 6 ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับ MatahariMall ที่แม้จะมีบริษัทยักษ์ใหญ่หนุนหลัง แต่ตัวเลขกำไรน่าจะยังมองไม่เห็นไปอีก 3 ปีเป็นอย่างน้อย Satar กล่าว ส่วนการขายหุ้น IPO อาจเกิดขึ้นหลังจากธุรกิจเริ่มทำกำไรแต่การประสบความสำเร็จตามเป้าอย่างที่ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย Cuaca กล่าว “เรายังมองไม่เห็นกำไรในธุรกิจของ Tokopedia”คลิ๊กอ่าน "พลิกโฉมธุรกิจค้าปลีก?" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ June 2016 ในรูปแบบ E-Magazine