Lee Kun-hee ประธานกรรมการบริหาร Samsung และมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ ในวัย 78 ปี เสียชีวิตแล้ว เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา หลังจากเข้ารับการรักษาตัวจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลันในโรงพยาบาล ตั้งแต่ปี 2014
เขาได้จากไปอย่างสงบ รายล้อมด้วยบุคคลในครอบครัว อาทิเช่น Jay Y. Lee ลูกชายเพียงคนเดียว และรองประธานกรรมการบริหาร Samsung Electronics ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือ
ในปี 1987 Lee Kun-hee เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ในฐานะทายาทรุ่นที่ 2 ที่ได้รับเลือกให้เข้ามาสืบทอดกิจการต่อจาก Lee Byung-chull ผู้เป็นพ่อ และผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ที่ล่วงลับไป และนับจากปี 2007 เป็นต้นมา เขาได้กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเกาหลีใต้
ยิ่งกว่านั้น ท่ามกลางการประชุมผู้บริหาร เกี่ยวกับการปฏิรูปการจัดการขององค์กร ในปี 1993 เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ที่กลายเป็นตำนานว่า “เปลี่ยนทุกอย่าง ยกเว้นภรรยากับลูก” ซึ่งตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมาของ Lee ได้สะท้อนแสดงให้เห็นแล้วว่า เขาสามารถเปลี่ยน Samsung ให้กลายเป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตสมาร์ทโฟน สมาร์ททีวี และชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ เช่น หน่วยความจำ เป็นต้น
“Lee เป็นคนที่ตัดสินใจอย่างรอบคอบและระมัดระวัง ขณะที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับมะเร็งปอดในปี 1983 เขาก็ยังยืนยันที่จะ ‘เสี่ยงลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์’ ซึ่งท้ายที่สุด อุตสาหกกรมนี้ก็สามารถเปลี่ยนเกาหลีใต้ให้เป็น สาธารณรัฐ Samsung (Republic of Samsung) ในเวลาต่อมา” Geoffrey Cain ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับ Samsung กล่าว
จากที่กล่าวข้างต้น ได้สะท้อนให้เห็นว่า Samsung เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ของเกาหลีใต้ที่บริหารโดยตระกูลใดตระกูลหนึ่ง หรือที่เรียกว่า “แชโบล” (Chaebol) ซึ่งมีอิทธิพลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ส่งผลให้ต้องเข้าไปพัวพันในกิจกรรมทางการเมืองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2014 ภายหลังจากที่ผู้เป็นพ่อล้มป่วย Jay Y. Lee ลูกชายเพียงคนเดียว ได้เข้ามาดูแล Samsung อย่างเต็มตัว ก่อนที่ในปี 2017 จะต้องขึ้นศาลพร้อมใส่กุญแจมือ และถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลาเกือบ 1 ปี แล้วจึงได้รับการปล่อยตัวออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ด้วยข้อหาติดสินบนอดีตประธานาธิบดี Park Geun-hye ผู้ซึ่งถูกถอดถอนหลังการประท้วงหนักภายในประเทศ ที่เป็นกระแสร้อนแรงเมื่อปี 2016
เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ ที่ถูกกล่าวหาถึง 2 ครั้ง ในคดีติดสินบนกับอดีตประธานาธิบดี Roh Tae-woo และคดีเลี่ยงภาษี แต่ในที่สุดก็ได้รับการอภัยโทษจาก Kim Young-sam ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ณ เวลานั้น
ทั้งนี้ จากการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีเกาหลีใต้ ประจำปี 2020 โดย Forbes Asia เศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศในปีนี้ยังคงเป็น Lee Kun-hee เป็นปีที่ 12 อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตระกูล Lee ก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด 2 ปีซ้อน ตั้งแต่ที่เริ่มมีการจัดอันดับครั้งแรกในปี 2015 โดยในปี 2019 ที่ผ่านมา รายได้ทั้งหมดของเครือบริษัท Samsung มีมูลค่าเท่ากับร้อยละ 20 ของเศรษฐกิจเกาหลีใต้เลยทีเดียว
ปัจจุบัน Lee Kun-hee มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด ประมาณ 20 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ Hong Ra-hee ภรรยา ลูกชาย และลูกสาวอีก 2 คน ได้แก่ Jay Y. Lee, Lee Boo-jin และ Lee Seo-hyun ล้วนมีบทบาทในการบริหารธุรกิจ และต่างได้รับการจัดอันดับเป็นมหาเศรษฐกิจพันล้าน
อย่างไรก็ดี การเสียชีวิตของ Lee Kun-hee ได้นำมาซึ่งข้อสงสัยในประเด็นการสืบทอดอำนาจ เนื่องจากทาง Samsung ยังไม่ได้ประกาศว่าใครจะเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารคนต่อไป ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่า บุคคลผู้นั้นจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Samsung Electronics บริษัทที่เป็นรายได้หลักขององค์กร
นอกจากนี้ ตามธรรมเนียมการสืบทอดอำนาจของมหาเศรษฐีเกาหลีใต้หลังจากการเสียชีวิต จะมีอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องเข้ามาจัดการควบคู่ไปด้วย ก็คือ ภาษีมรดก ที่มีอัตราสูงถึงร้อยละ 60 ซึ่งมูลค่าที่มากมายขนาดนี้ มีความไปเป็นไปได้ว่า ตระกูล Lee อาจขายทรัพย์สินอื่นๆ เช่นหุ้นของบริษัทในเครือ ส่งผลให้หุ้นของ Samsung และบริษัทในเครือปรับขึ้นกันถ้วนหน้าในวันเปิดตลาดวันแรกของสัปดาห์หลังจากการเสียชีวิต โดยหุ้นของ Samsung C&T ที่ Jay Y. Lee เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ปรับขึ้นสูงถึงร้อยละ 17 ขณะที่ Samsung SDS และ Samsung Life Insurance ปรับขึ้นที่อัตราร้อยละ 5.51 และ 3.8 ตามลำดับ
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Lee Kun-hee, Legendary Head Of Samsung And Korea's Richest Man, Dies At 78 เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: Ant Group ของ Jack Ma ตั้งเป้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ 35 พันล้านเหรียญ