Phillip Frost มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ - Forbes Thailand

Phillip Frost มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ

FORBES THAILAND / ADMIN
26 May 2017 | 11:09 AM
READ 2749

Phillip Frost ชายวัย 80 ที่ยังฟิตปั๋ง ผู้เป็นทั้งหมอ นักลงทุน นักประดิษฐ์ และผู้อุปถัมภ์งานศิลปะที่สามารถขยายธุรกิจผลิตยาสามัญออกไปทั่วโลก

Phillip Frost มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของเมือง Miami ยังฟิตปั๋งในวัย 80 ปี นอกจากจะเป็นแพทย์ด้านผิวหนังแล้ว Frost ยังเป็นประธานและซีอีโอของ OPKO Health บริษัทขนาดกลางที่ผลิตยาและให้บริการวินิจฉัยทางการแพทย์

ถึงแม้ว่าบริษัทของเขาจะทำรายได้ถึง 1.2 พันล้านเหรียญ และคาดว่าจะมีผลขาดทุนประมาณ 50 ล้านเหรียญในปี 2016 แต่ Frost ยืนยันว่า OPKO จะมีความหมายกับวงการยาโลกมากยิ่งกว่าความพยายามครั้งไหนๆ ที่ผ่านมาของเขา “เรากำลังพยายามสร้างบริษัทที่จะมีผลิตภัณฑ์สักครึ่งโหล ซึ่งผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะทำยอดขายได้เกิน 1 พันล้านเหรียญ และบางตัวอาจจะทำยอดขายได้ถึงหลายพันล้านเหรียญ” Frost บอก

แม้เป็นบริษัทยา แต่ OPKO เป็นเหมือนบริษัท holding company ซึ่งหลายธุรกิจที่เขาลงทุนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการดูแลสุขภาพเลย เขาถือหุ้นในหลายบริษัทแม้กระทั่งบริษัทผลิตบุหรี่ สุรา ไปจนถึงบริษัทหลอมรวมข้อมูล (datafusion)

ตัวอย่างพอร์ตการลงทุนของ Frost: (ซ้ายบน) Castle Brands ผู้ผลิตสุราเกรดพรีเมียม เช่น เหล้ารัม Goslings, (ขวาบน) Neovasc บริษัทในแคนาดาที่เชี่ยวชาญการผลิตอุปกรณ์การแพทย์เพื่อรักษาโรคหัวใจ, (ล่าง) Drone Aviation บริษัทผลิตโดรนสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐและกองทัพ

ถึงจะอายุมากถึง 80 ปีแล้ว แต่ Frost ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของเขาให้ถึงหลัก 5 พันล้านเหรียญ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็พร้อมที่จะบริจาคมันออกไปเพื่อการกุศลได้ทันทีเหมือนกัน โดยเขาและภรรยา Patricia มุ่งจะเปลี่ยนเมือง Miami ให้เป็นเหมือนนคร Mecca สำหรับศิลปะและวิทยาศาสตร์

เรื่องราวชีวิตของ Frost นั้นมีเหตุบังเอิญประเภทโชคช่วยอยู่หลายครั้ง เขาเริ่มเรียนระดับอุดมศึกษาที่ University of Pennsylvania ในสาขาวรรณกรรมฝรั่งเศส แต่ขณะกำลังเรียนชั้นปีที่สาม เพื่อนคนหนึ่งที่เขาบังเอิญได้พบบอกว่ามหาวิทยาลัยแพทย์ที่เปิดใหม่ในมหานคร New York ชื่อสถาบัน Albert Einstein กำลังเปิดทุนการศึกษา Frost จึงยื่นขอทุนและกลายมาเป็นนักเรียนแพทย์

การที่ Frost ตัดสินใจเลือกเรียนสาขาโรคผิวหนังก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกเหมือนกัน เพราะเขาเป็นหูดทำให้ได้รู้จักกับอาจารย์หมอที่กำลังวิจัยยารักษาหูด ซึ่งเขารู้สึกว่าเหมาะกับตนเองที่ต้องการอิสรภาพในการทำงานอย่างอื่น หลังจากเรียนจบ Frost ทำงานรักษาคนไข้และเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่ University of Miami

สามีภรรยา Phillip Frost และ Patricia Frost

แต่งานแค่นั้นมันยังไม่พอสำหรับ Frost ดังนั้น เขาจึงใช้เวลาตอนกลางคืนประดิษฐ์ เครื่องมือในการตัดผิวหนังแบบ biopsy ประเภทใช้แล้วทิ้ง (ยังมีการใช้งานกันอยู่ในทุกวันนี้) ในช่วงที่เขากำลังเจรจาเพื่อขายผลงานสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ ก็มีโอกาสได้พบกับทนายหนุ่มลิ้นทอง Michael Jaharis

มิตรภาพของ Frost และ Jaharis งอกงามขึ้นจนกลายมาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกัน เมื่อ Jaharis ตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อช่วย Frost ขยายธุรกิจเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์อัลตร้าซาวด์เพื่อทำความสะอาดฟันซึ่ง Frost ซื้อกิจการมา

ในปี 1972 เหตุบังเอิญก็เกิดกับเขาอีกครั้งเมื่อเขาเจอเพื่อนโรงเรียนเก่าคนหนึ่งที่สนามบิน Miami ขณะที่รอขึ้นเครื่องไป New York เพื่อนของเขาคนนี้เป็นผู้บริหารระดับสูงของ Key Pharmaceuticals “เมื่อเรานั่งเครื่องไปถึง New York เราก็ตกลงที่จะนำบริษัทเล็กๆ ของเรา...เข้าไปรวมกับ Key ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์” Frost เล่าให้เราฟัง

Michael Jaharis หุ้นส่วนทางธุรกิจของ Frost เขาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2016 (Photo Credit: The National Herald)

Key Pharmaceuticals เป็นเหมือนใบเบิกทางของ Frost และ Jaharis ที่ทำให้ทั้งสองขยับฐานะมาเป็นมหาเศรษฐีในเวลาต่อมา หลังจากที่ Key ผลิตยาแก้หอบหืด Theo-Dur และยารักษาโรคหัวใจ Nitro-Dur ซึ่งกลายเป็นสินค้าขายดี ปี 1986 Schering-Plough จึงเข้าซื้อกิจการ Key Pharmaceuticals ไปในราคา 836 ล้านเหรียญ ส่งผลให้ Jaharis และ Frost ติดทำเนียบมหาเศรษฐี Forbes 400

แต่แทนที่จะเกษียณออกมารอเก็บกินเงินปันผล Frost เลือกที่จะเริ่มต้นใหม่กับธุรกิจยาสามัญโดยตั้งบริษัท Ivax ทั้งนี้ ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 ธุรกิจยาสามัญกำลังซวนเซเมื่อถูกสื่อมวลชนรุมตีเรื่องคุณภาพยาที่ไม่ได้มาตรฐาน Frost อาศัยโอกาสนี้กว้านซื้อกิจการยาสามัญหลายแห่งและขยายกิจการออกไปทั่วโลก และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาดำเนินการโดยอาศัยความได้เปรียบจากสายสัมพันธ์กับคนที่เขารู้จัก

ตัวอย่างเช่น ตอนที่ Frost นำบริษัท Ivax เข้าซื้อกิจการ Glaena บริษัทผลิตยาขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของสาธารณรัฐเช็ก เมื่อปี 1994 เขามีสายสัมพันธ์กับเพื่อนที่ทำให้เขาได้เข้าพบ Vaclav Havelประธานาธิบดีของเช็กในเวลานั้น เขาจึงรู้ว่าสิ่งที่นักการเมืองต้องการคือการรักษาการจ้างงานของคนในบริษัทมากกว่าผลตอบแทน ข้อเสนอของ Frost จึงออกแบบมาได้อย่างถูกต้องและปิดดีลในราคา 50 ล้านเหรียญเท่านั้น

ตึกบริษัท Ivax ที่เมือง Miami (Photo Credit: opkodd.wordpress.com)

ต่อมาในปี 2005 Teva Pharmaceuticals ได้เข้ามาซื้อกิจการ Ivax ไปในราคา 7.6 พันล้านเหรียญ และทำให้ Frost ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบอภิมหาเศรษฐีระดับพันล้านเหรียญเป็นครั้งแรก

ความสามารถในการซื้อกิจการของ Frost มีให้เห็นอีกครั้งหลังจากที่ฟองสบู่ดอตคอมแตกในปี 2001 Frost เข้าซื้อกิจการ Ladenburg บริษัทหลักทรัพย์เก่าแก่อายุ 120 ปี ซึ่ง Frost สามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจนี้ในช่วงสิบปี รายได้ของบริษัทขยับเพิ่มขึ้นจาก 30 ล้านเหรียญ เป็น 1.1 พันล้านเหรียญ

ในปี 2013 Frost ได้ยินเรื่องยาเร่งวิตามิน D ชื่อ Rayaldee ที่ช่วยรักษาโรคไตมาจากคู่สนทนาระหว่างทานอาหารกัน เขาโทรหา Charles Bishop เจ้าของสตาร์ทอัพแห่งนี้ทันทีและขอให้เขาเข้ามาพบภายใน 3 ชั่วโมง หลังจาก Bishop พรีเซนท์ไปได้แค่ 4 สไลด์ Frost ก็ตัดบทไปคุยเรื่องดีลซื้อขายทันที

ยาเร่งวิตามิน D "Rayaldee" (Photo Credit: seekingalpha.com)

ความรีบร้อนในการทำข้อตกลงทางธุรกิจของ Frost นั้นเป็นที่ขึ้นชื่อเลื่องลืออยู่แล้ว เขาทำการบ้านมาอย่างดีและเชื่อว่าการรักษาโรคไตจะกลายมาเป็นธุรกิจใหญ่ของ OPKO เพราะในสหรัฐฯ มีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมากถึง 25 ล้านคน และมีโอกาสทางการตลาดถึง 500 ล้านเหรียญ

แต่ก็ใช่ว่าตลาดหุ้น Wall Street จะตอบรับทุกดีลของ Frost ในทางบวก เมื่อปี 2015 Frost ได้ประกาศว่าเขาจะใช้เงิน 1.47 พันล้านเหรียญเพื่อเข้าซื้อกิจการ Bio-Reference Labs ซึ่งมีชื่อเสียงในด้าน Genomics และ ลำดับพันธุกรรม (genetic sequencing) ข่าวนี้ฉุดให้หุ้น OPKO ร่วงแรงถึงกว่า 50% ภายในเวลาแค่ 4 เดือนหลังจากที่ Frost ประกาศดีลนี้ออกมา

Frost และภรรยายังจัดทำทุน Frost Scholars ซึ่งทุนนี้จะคัดเลือกนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลรัฐ Florida ปีละ 10 คน และนักศึกษาจากประเทศอิสราเอลอีก 4 คน เพื่อส่งไปเรียนต่อและทำวิจัยที่ Oxfordจนได้ปริญญาโทสาขา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีวิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM discipline) และยังบริจาคเงิน 100 ล้านเหรียญให้ University of Miami เพื่อพัฒนาสถาบันเคมีและศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง

ธุรกิจของ Frost มุ่งหมายที่จะทำให้เมือง Miami เป็นศูนย์กลางแห่งวิทยาศาสตร์ โดยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ใหม่นี้จะมีทั้งท้องฟ้าจำลองและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดมหึมา

“เราอยากจะทำให้ Miami เป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์” ดร. Frost บอก

สองสามีภรรยา Frost ได้ร่วมลงนามใน The Giving Pledge ของ Warren Buffet และ Bill Gates และพวกเขายังสนับสนุนเงินทุนแก่คณะดุริยางคศิลป์ของ University of Miami และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะนานาชาติของ Florida นอกจากนี้ ยังบริจาคเงิน 45 ล้านเหรียญเพื่อก่อสร้าง Patricia & Phillip Frost Museum of Science ซึ่งมีทั้งท้องฟ้าจำลอง และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดมหึมา เปิดตัวไปในเดือนมีนาคม 2017

“เราอยากให้คนหนุ่มสาวที่ได้เข้ามาดูพิพิธภัณฑ์ของเราตื่นตะลึง และหวังว่าเมื่อพวกเขาใช้เวลาอยู่ในนั้นนานๆ มันจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาอยากเข้ามาทำงานในสายวิทยาศาสตร์” Frost กล่าวทิ้งท้าย


คลิกอ่านฉบับเต็ม "มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ เมษายน 2560 ในรูปแบบ e-Magazine