LG Chem บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็คทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ General Motors ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ในประเด็นการร่วมทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งที่ 2 ในสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของ LG ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
LG Energy Solution หน่วยงานแบตเตอรี่ของ LG Chem เผยว่า โรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่นี้จะมีศักยภาพเทียบเท่าโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งแรกที่ตั้งอยู่ในรัฐ
Ohio ที่มีกำลังผลิตราว 35 กิกะวัตต์ชั่วโมง ด้วยงบลงทุนประมาณ 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับการปรึกษาหารือร่วมกับ GM ในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ และพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกเริ่มทยอยเปิดตัวโมเดลรถยนต์ไฟฟ้าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“การที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ พวกเขาจำเป็นจะมีแบตเตอรี่” Sam Abuelsamid นักวิจัยจาก Guidehouse Insights สถาบันวิจัยใน Michigan กล่าว
ในที่นี้
Koo Kwang-mo ประธานและซีอีโอ LG Corp. มหาเศรษฐีอันดับที่ 13 ของเกาหลีใต้ ผู้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.8 พันล้านเหรียญ ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนกว่าพันล้านเหรียญในตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า และก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ไม่เพียงเท่านี้ LG Energy Solution ยังวางแผนที่จะเดินหน้าสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของตนเองในสหรัฐฯ ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ราว 70 กิกะวัตต์ชั่วโมง ด้วยงบลงทุนทั้งสิ้น 4.5 พันล้านเหรียญ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2025
ปัจจุบัน LG จำหน่ายแบตเตอรี่ให้กับ Audi, Ford, GM, Porsche และ Volkswagen จากการรายงานของ Abuelsamid โดยเขาคาดการณ์ว่า ในอนาคต ผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาราวปีละ 1.2 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่รัฐ
California ประกาศจะห้ามขายรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป
ในที่นี้
ResearchAndMartkets.com ระบุว่า
GM กล่าวว่า ภายในปี 2050 ทางบริษัทวางเป้าหมายจะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ และจีนให้ได้ราว 1 ล้านคันต่อปี ซึ่งจากกระแสตอบรับทั้งจากฝั่งผู้บริโภคและรัฐบาลในโมเดลรถยนต์รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2020 ที่ได้รับผลกระทบจากการรักษาระยะห่างทางกายภาพในช่วงวิกฤตโควิด-19
แปลและเรียบเรียงจากบทความ Why LG Is Investing $4.5 Billion In Another EV Battery Plant In The U.S. เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม:
COTTO ชูนวัตกรรมตอบโจทย์ยุค new normal