ดีเจบนทำเนียบของ Forbes ยังคงทำรายได้มากกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลายอันดับสามารถเรียกค่าตัวได้ถึงหกหลักต่อคืน และดีเจ/โปรดิวเซอร์อีกหลายคนทำเงินเพิ่มเติมได้จากการรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ช่วยโปรโมตสารพัดแบรนด์สินค้า
หมายเหตุ: ตัวเลขทั้งหมดเป็นรายได้ก่อนหักภาษีในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน 2017 ถึงเดือนมิถุนายน 2018 คำนวณจากความช่วยเหลือของ Nielsen SoundScan, Pollstar และการให้สัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดนตรีอันดับ 1 Calvin Harris 48 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ราชาแห่งวงการดีเจยังคงทำเงินหกหลักได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านการขึ้นแสดงเป็นประจำใน Las Vegas และบางงานยังเรียกราคาได้ถึงเจ็ดหลักในการทัวร์งานแสดงเทศกาลดนตรีตั้งแต่ญี่ปุ่นไปจนถึงโครเอเชีย เพลงใหม่ของเขา One Kiss ที่ร่วมงานกับ Dua Lipa สามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทเพลงในสหราชอาณาจักรและทั่วยุโรปอันดับ 2 The Chainsmokers 45.5 ล้านเหรียญ
คู่หูดีเจและโปรดิวเซอร์ผู้ผลิตเพลงยอดฮิตอย่าง Closer และ Something Just Like This เข้าสู่ช่วงสุดท้ายในสัญญา 3 ปีเพื่อขึ้นแสดงในคลับ Wynn Nightlife พวกเขาทำเงินได้คืนละประมาณ 5 แสนเหรียญ และแสดงไปกว่า 100 ครั้งเมื่อปีก่อนอันดับ 3 Tiësto 33 ล้านเหรียญ
แม้อยู่ในวัย 49 ปีแล้ว แต่เขายังทำงานหนักยิ่งกว่าน้องๆ ร่วมวงการที่อายุน้อยกว่าเขาครึ่งหนึ่ง Tiësto ขึ้นแสดงไปกว่า 150 รายการในปีที่ผ่านมา เขายังออกเพลงใหม่ Jackie Chan ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับ Post Malone รวมถึงเซ็นสัญญาขึ้นแสดงในคลับ Hakkasan ใน Las Vegas ไปจนถึงปี 2020อันดับ 4 Steve Aoki 28 ล้านเหรียญ
ไม่มีใครในวงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่จะทำงานหนักเท่า Aoki อีกแล้ว เพราะเขาขึ้นเวทีไปถึง 200 งานในปีที่ผ่านมา! บางวันเขาขึ้นแสดงถึงสองงานในวันเดียว นอกจากนี้เขายังทำเงินจากการโปรโมตสินค้าให้กับ Dropbox, ฟิตเนส Zumba และสายการบิน ANA เมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 Aoki ยังเซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับนาฬิกาข้อมือ Diesel ด้วยอันดับ 5 Marshmello 23 ล้านเหรียญ
แม้ไม่ใช่ดีเจค่าตัวแพงที่สุดของเรา แต่เขาเป็นหนึ่งในตัวท็อปบนทำเนียบนี้แน่นอน นอกจากรายได้ค่าเข้าชมการแสดงของเขาแล้ว เขายังโกยเงินจากการออกรายการ Cookings with Marshmello ทางช่อง YouTube และงาน collab ดนตรีร่วมกับ Selena Gomez และ Logicอันดับ 6 Zedd 22 ล้านเหรียญ
นักดนตรีผู้เกิดในรัสเซียและเติบโตในเยอรมนีไม่ได้นิยามตัวเขาเองว่าเป็น “ดีเจ” ... “ผมมองตัวเองว่าเป็นศิลปินผู้นำเสนอการแสดงมากกว่า” เขากล่าว ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนแต่ Zedd ทำกำไรได้มากแน่นอน เพราะค่าตัวของเขาสูงถึงหกหลักต่องานแสดงหนึ่งคืน และเขายังออกแสดงมากกว่า 100 ครั้งในรอบปีที่ผ่านมา- Zedd ติดอันดับหนึ่งในสามบนลิสท์ 30 Under 30 สุดยอดหนุ่มสาวผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง อ่านเรื่องราวของเขาที่นี่
อันดับ 7 Diplo 20 ล้านเหรียญ
ผู้เชี่ยวชาญแห่งการทำอาชีพเสริม Diplo เป็นนักลงทุนในคาเฟ่ชาเขียว MatchaBar ใน New York ที่กำลังขยายไปผลิตเครื่องดื่มบรรจุขวดจำหน่ายด้วย และเขายังมีโครงการพันธมิตรกับ Bacardi ในการจัดงาน “Sound of Rum” งานดนตรีช่วงฤดูร้อน ไปจนถึงการเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับซีรีส์เสียดสี What Would Diplo Do? ของ Vicelandอันดับ 8 David Guetta 15 ล้านเหรียญ
ดีเจคนดังที่ยังคงเรียกผู้ชมมาที่คลับหลักของเขาทั้งสองแห่ง ได้แก่ Encore Beach Club ใน Las Vegas และ Pacha ใน Ibiza ประเทศสเปน เมื่อปี 2017 เพลง Dirty Sexy Money ที่เขาร่วมงานกับ Afrojack และ Charlie XCX ฮิตติดชาร์ทนับสิบประเทศทั่วโลกอันดับ 9 Kaskade 13.5 ล้านเหรียญ
หนึ่งในดีเจผู้โชกโชนสนามแห่งวงการ EDM Kaskade ยังคงทำรายได้สูงจากการทัวร์ออกงานจำนวนมาก รวมถึงงานที่เขาจัดขึ้นเองด้วย Kaskade เริ่มจัดงานปาร์ตี้ชายหาด Sun Soaked ของเขาเองตั้งแต่ปี 2017 ดึงดูดผู้ร่วมงานมากกว่า 30,000 คน และบัตรก็ขายหมดเกลี้ยงอันดับ 10 Martin Garrix 13 ล้านเหรียญ
ด้วยวัยเพียง 22 ปี เขาคือดีเจชื่อดังที่เด็กที่สุดในวงการ เมื่อปี 2017 เขาได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของ Armani Exchange ส่วนการงานในอาชีพดีเจก็กำลังเฟื่องฟูด้วยปริมาณงานไม่ต่ำกว่า 90 ครั้งในรอบปีที่ผ่านมา โดยมีงานช้างสร้างชื่อให้กับ Garrix มากที่สุดคืองานพิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ อ่านเพิ่มเติมคลิกอ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand Magazine ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ในรูปแบบ e-Magazine