รายงานการจัดอันดับในปีนี้ของเรานำเสนอสุดยอดบริษัท 200 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มียอดขายต่ำกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐฯ รายได้ของบริษัทเหล่านี้เติบโตโดยเฉลี่ยร้อยละ 62 ในปีที่ผ่านมา
ใน 200 บริษัทดังกล่าว มีบริษัทจากจีน ฮ่องกงและไต้หวันอยู่ในอันดับมากกว่าครึ่งคือ 108 แห่ง โดยที่ส่วนใหญ่คือ 84 แห่งเข้าอันดับเป็นครั้งแรก บริษัทเหล่านี้ทำอันดับสูงสุดในแง่การเติบโตด้านยอดขาย กำไร และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Return on Equity) จากบรรดาบริษัททั้งหมด 24,000 แห่งที่เรารวบรวมมา
ทั้งนี้ Forbes Thailand ได้หยิบ 10 บริษัทที่น่าสนใจจากทำเนียบมาไว้ ณ ที่นี้ โดยสามารถติดตามรายชื่อทั้ง 200 บริษัทได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2561
(รายชื่อเรียงตามลำดับอักษร)
บริษัท: 8K MILES SOFTWARE
ประเภทธุรกิจ: คลาวด์คอมพิวติ้ง
ประเทศ: อินเดีย
ยอดขาย: 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้สุทธิ: 16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าตลาด: 157 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
8K Miles ตั้งอยู่ใน Chennai และเป็นบริษัทไอทีแห่งเดียวของอินเดียที่มุ่งเน้นธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งเพียงอย่างเดียวและอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Suresh Venkatachari ซีอีโอของ 8K Miles นั้นเป็นนักสร้างกิจการต่อเนื่อง และบริหารกิจการข้ามโลกจาก California
บริษัท 8K Miles มีจุดแข็งในตลาดด้วยความเป็นแพลตฟอร์มอัตโนมัติที่สามารถช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบคลาวด์คอมพิวติ้งได้อย่างไร้รอยต่อ และมีการคุ้มครองความปลอดภัยรวมถึงความเป็นส่วนตัวติดตั้งไว้พร้อม สำหรับผลประกอบการปี 2017 นั้นอยู่ที่ 16 ล้านเหรียญ แต่บริษัทคาดว่ารายได้จะทะยานสู่ 200 ล้านเหรียญได้ใน 2 ปี
บริษัท: FLOWER KING ECO-ENGINEERING
ประเภทธุรกิจ: บริการด้านภูมิสถาปัตย์และต้นกล้าดอกไม้
ประเทศ: จีน
ยอดขาย: 152 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้สุทธิ: 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าตลาด: 557 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
บริษัทออกแบบภูมิสถาปัตย์และก่อสร้างแห่งนี้เข้าอันดับเป็นครั้งแรกด้วยยอดขายที่เพิ่มกว่าเท่าตัว รับงานก่อสร้างสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าในปี 2017 ทำรายได้ให้บริษัทคิดเป็นร้อยละ 28 ผู้ประกอบการจาก Jiangsu แห่งนี้เพิ่งเปลี่ยนชื่อจาก Flower King Horticulture ในปีที่ผ่านมา
บริษัท: HOLIKE CREATIVE HOME
ประเภทธุรกิจ: เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน
ประเทศ: จีน
ยอดขาย: 272 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้สุทธิ: 51 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าตลาด: 1,178 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ธุรกิจที่พักอาศัยที่กำลังเฟื่องฟูในเมืองขนาดเล็ก (บริษัทมีร้านสาขา 1,300 แห่ง อยู่ในเมืองขนาดเล็กจากสาขาทั้งหมด 1,500 แห่ง) ประกอบกับการขยายตัวของประชากรชนชั้นกลาง ทำให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องเรือนตามสั่งที่เปิดมานาน 16 ปีแห่งนี้ สามารถเข้าอันดับเป็นครั้งแรก
ยอดขายเกือบทั้งหมดมาจากตู้เสื้อผ้า แม้ว่าบริษัทจะได้เริ่มเพิ่มประเภทสินค้าในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยหันมาผลิตตู้และชั้นสำหรับห้องครัวและประตูด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังได้ Paul Andreu สถาปนิกชาวฝรั่งเศสผู้ออกแบบสนามบิน Charles de Gaulle ในกรุงปารีส มาเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาด้านการออกแบบ
บริษัท: HYPEBEAST
ประเภทธุรกิจ: โฆษณา
ประเทศ: จีน/ฮ่องกง
ยอดขาย: 49 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้สุทธิ: 6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าตลาด: 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มาที่ไปของชื่อนี้เป็นคำแสลงใช้เรียกผู้ที่ทุ่มเทกับการตามกระแสอย่างเอาเป็นเอาตาย บริษัทแฟชั่นและบันเทิงแห่งนี้เปิดดำเนินการเมื่อปี 2005 โดย Kevin Ma ซึ่งปัจจุบันรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ จากเดิมเป็นบล็อกเกอร์นำเสนอสินค้าประเภทรองเท้าผ้าใบและแฟชั่นแนวสตรีทสไตล์ ทุกวันนี้ ธุรกิจของบริษัทครอบคลุมตั้งแต่สื่อ (หนึ่งในนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับเสื้อผ้าเด็ก) และการสร้างแบรนด์ ไปจนถึงธุรกิจขายสินค้าออนไลน์และจัดเลี้ยงนอกสถานที่สำหรับลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียล
บริษัทเข้าอันดับเป็นครั้งแรกหลังจากทำรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดร้อยละ 77 ในปีที่ผ่านมา โดยรายได้จำนวนมากมาจาก HBX เว็บขายสินค้าออนไลน์ซึ่งมีสินค้าจากแบรนด์อย่าง Prada, Adidas และ MM6 เสื้อผ้าแนวสตรีทแฟชั่น
ในปี 2017 HYPERBEAST เปิดร้านค้าแห่งแรกใกล้กับสำนักงานใหญ่ของบริษัทในฮ่องกง และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เปิดเว็บไซต์สำหรับสาวกกีฬาสเก็ตบอร์ดโดยจับมือกับ The Berrics ผู้ประกอบการสเก็ตบอร์ดชั้นนำในตลาดสหรัฐฯ
บริษัท: LONGMA ENVIRONMENTAL SANITATION EQUIPMENT
ประเภทธุรกิจ: พาหนะและเครื่องมือขนย้ายขยะ
ประเทศ: จีน
ยอดขาย: 454 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้สุทธิ: 38 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าตลาด: 1,013 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
บริษัทจากมณฑล Fujian ผลิตยานพาหนะสำหรับใช้งานเฉพาะด้าน เช่น รถบรรทุกขยะและรถบรรทุกฉีดน้ำ และบางรุ่นสามารถใช้เชื้อเพลิงทางเลือกได้แล้ว บริษัทก่อตั้งเมื่อปี 2007 แต่เพิ่งเข้าอันดับครั้งแรกหลังขยายธุรกิจไปยังงานบริการด้านการสุขาภิบาลในชุมชนเขตเมือง ขยายการลงทุนไป Jakarta และกำลังมองหาหุ้นส่วนธุรกิจตามเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน
บริษัท: MEDYTOX
ประเภทธุรกิจ: ยาฉีดที่มีโบทูลินัมท็อกซินเป็นส่วนประกอบพื้นฐาน
ประเทศ: เกาหลีใต้
ยอดขาย: 160 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้สุทธิ: 65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าตลาด: 3,753 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Medytox ครองตลาดโบท็อกซ์ในเกาหลีใต้ด้วยส่วนแบ่ง 40% และเตรียมขยายธุรกิจออกไปต่างประเทศ โดยบริษัทจับมือเป็นพาร์ทเนอร์ให้สิทธิใช้ทรัพย์สินทางปัญญาแก่ยักษ์ใหญ่จากฝั่งตะวันตกอย่าง Allergan เมื่อปี 2013 ด้วยการขายสิทธิพัฒนาและใช้งานในเชิงพาณิชย์สำหรับ Innotox โบท็อกซ์เหลวที่ใช้ฉีดได้เป็นตัวแรกของโลก
เมื่อเดือนพฤษภาคมนี้ Allergan ยืนยันว่าจะเริ่มทำการทดลองทางคลินิกเฟส 3 สำหรับยาตัวนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการรุกตลาดสหรัฐฯ และคาดว่า Medytox จะได้รับอนุมัติให้วางจำหน่าย Neuronox โบท็อกซ์อีกตัวหนึ่งในจีนซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่า 90 ล้านเหรียญ และมีอัตราการเติบโต 15%
Medytox ก่อตั้งในปี 2000 โดย Jung Hyun-Ho วัย 55 ปี ผู้จบปริญญาเอกสาขาอณูชีววิทยา
บริษัท: QINGDAO KINGKING APPLIED CHEMISTRY
ประเภทธุรกิจ: แว็กซ์ที่มีส่วนผสมจากโพลีเมอร์
ประเทศ: จีน
ยอดขาย: 690 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้สุทธิ: 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าตลาด: 986 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
บริษัทน้องใหม่ในอันดับแห่งนี้มีตำแหน่งเป็นผู้ผลิตเทียนรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสินค้าวางขายใน Walmart, IKEA และร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ใน 50 ประเทศ ปีที่แล้วบริษัททำรายได้เกือบเท่าตัวที่ 690 ล้านเหรียญ มีโรงงานหลายแห่งทั้งใน Qingdao ที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ Shandong และเวียดนาม นอกจากนี้บริษัทยังมีธุรกิจเครื่องสำอางและได้ซื้อกิจการเว็บไซต์ท้องถิ่น UCO.com เพื่อขายสินค้ากลุ่มนี้
บริษัท: SUMMERSET GROUP
ประเภทธุรกิจ: หมู่บ้านวัยเกษียณและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
ประเทศ: นิวซีแลนด์
ยอดขาย: 78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้สุทธิ: 159 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าตลาด: 1,180 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทำกิจการ “หมู่บ้าน” คนชรา 23 แห่งสำหรับชาวกีวีเกือบ 5,000 คน บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งในปี 1994 โดยนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผู้ไม่ปลื้มกับบริการของบ้านพักคนชราที่คุณย่าของเขาไปอยู่ หุ้นของบริษัทนี้ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย และผู้ถือหุ้นรายหนึ่งซึ่งถือหุ้นอยู่มากพอสมควร คือกองทุนเงินเกษียณของนิวซีแลนด์ (New Zealand Superannuation Fund)
บริษัท: SYNCHRO FOOD
ประเภทธุรกิจ: บริการออนไลน์เพื่อการวางแผน การจัดการ และการสนับสนุนร้านอาหาร
ประเทศ: ญี่ปุ่น
ยอดขาย: 12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้สุทธิ: 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าตลาด: 207 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ร้านวันสต็อปบนเว็บที่ทำธุรกิจแบบ B2B กับลูกค้าที่เป็นร้านอาหารหรือผู้ที่วางแผนจะเปิดร้านอาหาร โดยให้บริการทั้งบุคลากรซัพพลาย สถานที่ และแม้กระทั่งการประชาสัมพันธ์ บริษัทอายุ 15 ปีแห่งนี้มีผู้บริหารคือ Shinichi Fujishiro ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่ และราคาหุ้นของบริษัทวิ่งขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนเข้าฤดูร้อนหลังจากที่ราคาตกไปมากกว่าครึ่งในช่วงต้นปี
บริษัท: VICOSTONE
ประเภทธุรกิจ: กระเบื้องสำหรับงานก่อสร้างและตกแต่งภายใน
ประเทศ: เวียดนาม
ยอดขาย: 192 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้สุทธิ: 47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าตลาด: 643 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Vicostone กล่าวว่าบริษัทเป็น 1 ใน 4 ผู้ผลิตชั้นนำซึ่งส่งหินสังเคราะห์ที่มีหินควอตซ์เป็นส่วนผสมให้ตลาดอเมริกาเหนือ หินประเภทนี้สร้างรายได้ 65% ให้บริษัท และยอดขายกับรายได้สุทธิของบริษัทโต 35% และ 66% ตามลำดับในปี 2017
โรงงานของ Vicostone ในเวียดนามใช้เทคโนโลยีของอิตาลีผลิตแผ่นหินสำหรับเคาน์เตอร์ครัวกับห้องน้ำและแผ่นหินปูผนังเพื่อขายใน 40 ประเทศ
ประธาน Ho Xuan Nang ควบคุมบริษัทผ่าน Phenikaa Group ของเขา ทั้งนี้ แม้ Vicostone จะตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้ 20% แต่ก็ต้องเผชิญปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากน้ำมัน สารเคมี และหิน
เรื่อง: Christna Settimi
เรียบเรียง: เอมวลี อัศวเปรม, ธรรดร โสตถิอำรุง
คลิกอ่านรายชื่อ "สุดยอดบริษัทรายได้ต่ำกว่าพันล้านเหรียญแห่งเอเชีย ปี 2018 ทั้ง 200 บริษัท" ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand เดือนกันยายน 2561 ในรูปแบบ e-Magazine