AWC ไตรมาส 3/2566 กำไรสุทธิ 1,136 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องแม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น - Forbes Thailand

AWC ไตรมาส 3/2566 กำไรสุทธิ 1,136 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องแม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น

AWC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2566 กำไรสุทธิ 1,136 ล้านบาท รวม 9 เดือนแรกกำไรสุทธิ 3,746 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าช่วงเดียวกันก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562


    วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 ตามงบการเงินรวมมูลค่ายุติธรรม มีรายได้รวมกว่า 4,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 1,136 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งแม้อยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น

    และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสามารถผลักดันศักยภาพของทรัพย์สิน Ramp Up สู่ระดับดำเนินงานปกติ มูลค่ากว่า 12,500 ล้านบาท สร้างผลตอบแทนกระแสเงินสดสูงถึงร้อยละ 10.2 (EBITDA Yield)

    ทั้งนี้ในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีทรัพย์สินดำเนินงานที่สามารถสร้างรายได้อยู่ที่กว่าร้อยละ 85 รวมมูลค่า 125,758 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 52 เทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 2562 โดยสะท้อนศักยภาพการดำเนินงานตามกลยุทธ์ GROWTH-LED Strategy โดยสามารถเปิดตัวโรงแรมและห้องอาหารหลากหลายแห่งในไตรมาส 3 รวมมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท

    “ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรกตามงบการเงินของปี 2566 AWC มีการเติบโตต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดากลุ่มธุรกิจ) ที่ 7,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.9 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY)

    ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมในกรุงเทพฯ และโรงแรมอื่นๆ นอกกรุงเทพฯ ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าพักโรงแรมในเครือ AWC เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ใน 9 เดือนแรกของปี สูงถึง 3,619 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 87.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

    สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail, Wholesale and Commercial) AWC ได้ปรับกลยุทธ์ในการเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันให้กับโครงการในพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง พร้อมตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าและนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตของกระแสเงินสดในระยะยาว”

กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality)

    ในไตรมาส 3/2566 ผลการดำเนินงานตามงบการเงินของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการมีกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) อยู่ที่ 692 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

    โดยมีอัตราการเปรียบเทียบราคาห้องพักและอัตราการเข้าพัก (Revenue Generation Index หรือ RGI) ในภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม Courtyard by Marriott Phuket Town มีค่า RGI เท่ากับ 254 และโรงแรม Bangkok Marriott Hotel The Surawongse เท่ากับ 218 เป็นต้น

    นอกจากนี้ AWC ยังมุ่งเสริมความแข็งแกร่งพอร์ตโฟลิโอกลุ่มโรงแรมที่ตั้งอยู่ในทําเลยุทธศาสตร์ เสริมศักยภาพด้วยการพัฒนาโครงการคุณภาพในพอร์ตโฟลิโอ พร้อมร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก เพื่อสนับสนุนการเติบโตของทรัพย์สินดำเนินงานในการสร้างกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดากลุ่มธุรกิจ) อย่างต่อเนื่อง


กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail, Wholesale and Commercial)

    สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการค้าปลีก (Retail) ในไตรมาส 3/2566 มีกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) ตามงบการเงินอยู่ที่ 963 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 124.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

    เนื่องจากการปรับปรุงพัฒนาศูนย์การค้าให้เข้ากับกลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยว อาทิ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ที่ได้ปรับกลยุทธ์การตลาดสู่การเป็นรีเทล-เทนเม้นท์ริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งช่วยให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น

    นอกจากนี้ สำหรับธุรกิจค้าส่ง (Wholesale) AWC ได้ร่วมมือกับ “Koelnmesse” ผู้จัดงานแสดงสินค้าชั้นนำระดับโลกจากเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี ร่วมยกระดับอุตสาหกรรมการค้าส่งไทย สร้างเครือข่ายระดับโลกเพื่อเชื่อมโยงพันธมิตร ผู้ซื้อ และผู้ขายผ่านฐานเครือข่ายของ AWC และ Koelnmesse สนับสนุนประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการสรรหาสินค้า (International Sourcing Hub) ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในระดับภูมิภาค

    กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน (Commercial) ยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3/2566 มีอัตราค่าเช่าเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

    เป็นผลจากกลยุทธ์การยกระดับอาคารสำนักงานให้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับองค์กรและคนทำงานรุ่นใหม่ทั่วโลก (Global Workforce Destination) อาทิ การเปิดตัว “Co-Living Collective: Empower Future” ของอาคารเอ็มไพร์ ไลฟ์สไตล์สเปซแห่งใหม่ที่รองรับเทรนด์อนาคตในการผสมผสานการทำงานและการใช้ชีวิตเข้าด้วยกัน

    รวมถึงการได้ต้อนรับ 2C2P บริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก เปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่อาคารเอ็มไพร์ พร้อมร่วมขับเคลื่อนดิจิทัลอีโคซิสเต็มในอาคาร เชื่อมต่อผู้เช่าและพนักงานของบริษัทชั้นนำเข้าด้วยกัน ตอกย้ำอาคารสำนักงานรูปแบบใหม่ที่ผสานการทำงานและไลฟ์สไตล์อย่างลงตัวที่แท้จริง


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ไรมอน แลนด์ ปลื้ม "เทตต์ สาทร ทเวลฟ์" ยอดขายทะลุ 97% คาดยอดโอนสิ้นปีทะลุเป้า 2.6 พันล้าน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine