ศุภลักษณ์ ฟุง บุกเมียนมา เนรมิต Rosewood Yangon - Forbes Thailand

ศุภลักษณ์ ฟุง บุกเมียนมา เนรมิต Rosewood Yangon

เส้นทางของบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างสัญชาติไทยที่เติบโตจากช่างไม้ในเวิ้งนครเกษม สร้างชื่อสู่บริษัท กนกเฟอร์นิเจอร์ แอนด์ เดคคอเรชั่น จำกัด ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้และตกแต่งภายในใหัโรงแรมหรูทั้งไทยและอาเซียน ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชน จนวันนี้ผันตัวเองจากผู้รับเหมาสู่เจ้าของโรงแรมหรูกลางกรุง Yangon ประเทศเมียนมา ภายใต้บริษัท Prime Residence ด้วยงบลงทุนกว่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บนยุทธจักรของผู้รับเหมาก่อสร้างตกแต่งภายในของไทยชื่อของ “กนกเฟอร์นิเจอร์ แอนด์เดคคอเรชั่น จำกัด” ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ได้ชื่อว่าเป็นกระบี่เบอร์ 1 สร้างชื่อด้วยงานฝีมือด้าน “ไม้” เป็นผู้รับเหมางานตกแต่งภายในโรงแรมดังๆ ระดับ 5 ดาว เช่น เพนนินซูล่า ฮิลตัน รอยัลออคิด โฟร์ซีซั่น ฯลฯ รวมถึงโรงพยาบาลระดับไฮเอนด์  โดยทำรายได้ปี 2560 มากกว่า 1 พันล้านบาท วันนี้ ศุภลักษณ์ ฟุง กรรมการบริษัท ทายาทของ “ไพรัช เลิศกังวาลไกล” ลูกสาวคนสวยรับหน้าที่บริหารธุรกิจครอบครัวต่อจากพ่อ ร่วมกับพี่ชายและน้องสาว พร้อมความมุ่งมั่นที่จะต่อยอดธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศ อาศัยประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวจนแข็งแกร่ง มีเครือข่ายลูกค้า พันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ จึงจัดตั้งบริษัท Prime Residence ลงทุนทำธุรกิจโรงแรมหรู 5 ดาวครั้งแรกที่ Yangon ประเทศเมียนมา Prime Residence ถือหุ้นโดยบริษัทกนก โฮลดิ้ง 70% และบริษัท Flying Tiger พันธมิตรรายใหญ่ในเมียนมา 30% พร้อมดึงเชนโรงแรมดังอย่าง “โรสวู้ด” (Rose Wood) เข้ามาบริหารโรงแรมภายใต้ชื่อ Rosewood Yangon (โรสวู้ด ย่างกุ้ง) นัเป็นการก้าวสู่ตลาดอาเซียนด้วยการเป็นเจ้าของโรงแรมครั้งแรก “เราทำอาชีพนี้ด้วยความรัก คุณพ่อรักอาชีพนี้มาก เราทำงานด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นมืออาชีพที่สั่งสมประสบการณ์มายาวนาน 40 ปี ถึงวันที่เรามานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรให้อาชีพนี้ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งเราคงไม่ได้คาดหวังว่าบริษัทจะต้องโตมากกว่านี้ เพราะเราไม่คิดว่าการจะทำให้บริษัทโตคือการเพิ่มยอดขายอย่างเดียว เรามองว่าวันนี้โลกมันแคบลง เราอยากให้อาชีพที่เรารักไปโลดแล่นนอกบ้านให้คนอื่นได้รู้จักบ้าง” ศุภลักษณ์ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท Prime Residence ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Forbes Thailand ถึงเส้นทางการเติบโตของบริษัทผู้รับเหมาที่ก้าวไปมีบทบาทสำคัญในวงการอสังหาริมทรัพย์อาเซียน ด้วยเป้าหมายที่ไม่ได้คิดเพียงว่า ต้องการขยายธุรกิจเพื่อรายได้และผลกำไรหากต้องการเป็น “ผู้สร้าง” สิ่งก่อสร้างที่มีคุณค่า และน่าจดจำ จากผู้รับเหมา สู่ “เจ้าของ” เต็มตัว Prime Residence เนรมิต โรงแรม Rosewood Yangon ด้วยงบลงทุนมากกว่า 140 ล้านเหรียญ เป็นการปรับปรุงตึก Yangon Heritage Trust (YHT) สุดคลาสสิกสไตล์โคโลเนียลที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุง Yangon ด้วยพื้นที่มากกว่า 50,000 ตารางเมตร ได้ชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี เคยเป็นที่ทำการของรัฐบาลพม่าจนเกิดการเปลี่ยนผู้ครอบครองมาหลายยุคสุดท้ายตกมาอยู่ในมือของบริษัท Prime Residence ที่กำลังรีโนเวทให้เป็นโรงแรม 5 ดาวสุดหรูขนาด 200 ห้อง แลนด์มาร์กการท่องเที่ยวที่น่าจับตาของเมียนมา ที่พร้อมเปิดให้บริการปี 2562 “เมียนมาเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ และความงาม เหมือนผู้หญิงที่สวยแต่เศร้า เขามีมูลค่าในตัวเยอะ แต่ยังไม่ถูกนำออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดย 20 ปีที่ผ่านมาตึกเก่าๆ ที่เรามองเห็นคุณค่าถูกทุบไปมาก พอสมควร พอเราได้ตึกเก่านี้มา ก็อยากทำให้มันมีมูลค่าขึ้นมาจริงๆ ด้วยความที่เป็นนักสร้างอยู่แล้ว เราอยากเห็นเมือง เราอยากเห็นสิ่งปลูกสร้างที่ทรงคุณค่า และเราจะทำสิ่งนี้กับโครงการแรกที่ Yangon ให้ทุกคนได้เห็น” แม้บริษัทจะมีประสบการณ์ออกไปทำธุรกิจต่างประเทศมาหลายสิบปี แต่ก็ยังมีความท้าทาย และไม่ง่าย โดยเฉพาะในประเทศเมียนมา ที่มีระเบียบข้อบังคับมีกฎหมายต่างๆ ที่นักลงทุนต่างชาติต้องเข้าใจและยอมรับ “Prime Residence เราต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของเมียนมา ต้องเข้าสู่กระบวนการที่จะอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นในธุรกิจโรงแรมได้ 100% แน่นอนว่าเราต้องมีเจ้าของบ้านก็คือพันธมิตรเมียนมาเป็นผู้ร่วมทุนด้วย จนกระทั่งเราผ่านกฎเกณฑ์ทั้งหมด ที่เราทำอย่างโปร่งใส ก็มาคิดต่อว่าเราจะบริหารเอง หรือจะดึงมืออาชีพมาบริหาร แล้วก็เลือกเชนโรงแรมดังที่สุดในขณะนี้อย่าง Rosewood มาเป็นคนโอเปอร์เรตโรงแรมให้” Rosewood เป็นเชนโรงแรมหรูที่กำลังมาแรงในระดับโลกจากอเมริกา และเมื่อหลายปีก่อนกลุ่ม New World ของฮ่องกง มีความสนใจ Rosewood โดยวิสัยทัศน์ของ Rosewood ต้องการเป็นผู้ให้บริการโรงแรมที่มีความหรูหรา (luxury) เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่มีกำลังซื้อ และชอบมีประสบการณ์ในที่ต่างๆ กลุ่มลูกค้าของ Rosewood จึงมีตั้งแต่ดาราฮอลลีวูดไฮโซไซตี้ใน New York ไปจนถึงกลุ่มนักธุรกิจชั้นสูงของจีนและฮ่องกง

ด้วยประณีตทุกตารางนิ้วด้วยฝีมือ “ไทย”

สิ่งหนึ่งที่ศุภลักษณ์มุ่งมั่นในการออกไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ เพราะหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมผู้รับเหมามักเน้นการแข่งขันที่ราคา ต้องถูกเข้าไว้ ส่งผลให้คุณภาพของงานโดยรวมลดลง งานไม่ประณีต ซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาว หากยังเน้นการแข่งขันว่าใครถูกกว่า ต่อไปศักยภาพของไทยในการต่อสู้บนเวทีโลกจะลดน้อยลงตามไปด้วย “เราเลยต้องไปทำโครงการให้เขาเห็นซึ่งโครงการที่เราทำจะธรรมดาไม่ได้ นี่เป็นเหตุผลที่เราหมายมั่นปั้นมือทำโครงการ Rosewood Yangon อย่างประณีต และมีคุณค่า เพราะถือเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดใน Yangon ไม่มีใครทำสเกลใหญ่ได้เท่าเราด้วยพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร รีโนเวทตึกที่มีอายุเกือบ 100 ปี เราจึงต้องประณีตทุกตารางนิ้ว” นอกเหนือจากธุรกิจโรงแรมที่เป็นเจ้าของเองแล้ว ศุภลักษณ์เปิดเผยด้วยว่า บริษัทมีโครงการทำโรงแรมร่วมกับทางไอคอนสยาม ซึ่งเป็นอภิมหาโปรเจกต์ของบริษัทสยามพิวรรธน์ โดยบริษัทได้ไปเช่าพื้นที่เพื่อทำโรงแรม ซึ่งมีมูลค่าราว 1.8 พันล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวได้ช่วงปี 2563-2564
-อีกหนึ่งมุมของโรงเเรม  Rosewood Yangon โรงเเรมหรูระดับ 5 ดาวที่ได้รับการรีโนเวทใหม่ เเต่คงสไตล์คลาสสิกเเบบโคโลเนียล คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2562

ต่อยอดธุรกิจครอบครัว

โดยผู้เป็นพ่อไฟเขียวและเดินทางไปดูโครงการด้วยตัวเอง ขณะที่การเติบโตของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศ ปัจจุบันบริษัทกนก เฟอร์นิเจอร์ฯ ทำรายได้ต่อปีราว 800-1,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะรักษาระดับนี้ไว้พร้อมตั้งเป้าที่จะมีรายได้ทะลุไปถึง 2 พันล้านบาทเร็วๆ นี้ ซึ่งเธอหมายถึงส่วนหนึ่งของรายได้ที่จะเกิดขึ้นหลังเปิดตัวโรงแรม Rosewood Yangon ต้นปีหน้านี้ “ธุรกิจที่ครอบครัวที่ทำอยู่นี้ เป็นงานที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ และความมุมานะเราต้องทำงานกับนักออกแบบระดับโลกที่สุดท้ายต้องแปลงสิ่งที่สวยหรูบนหน้าแบบให้ช่างนำไปสร้างให้เป็นของจริง อาชีพเราคือการเอาความฝันของคนที่ฝันอยู่บนยอดเขาทำให้เป็นจริงให้ได้ ถ้าไม่รักจะทำไม่ได้เลย” “ปีนี้จนถึงปีหน้า กลุ่มโรงแรมรีสอร์ต ยังมีตลาดให้เราเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะการบูมของตลาดท่องเที่ยวของไทยที่เติบโตอย่างสูงในช่วงที่ผ่านมา และในปีถัดๆ ไปคาดว่าตลาดนี้จะเติบโตได้อีกหลายเท่าตัว” ศุภลักษณ์เล่าถึงผลงานที่เป็นมาสเตอร์พีซครั้งหนึ่งของกนก เฟอร์นิเจอร์ฯ คือการเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาตกแต่งภายในพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร ในปีที่เฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 60 ปี ของรัชกาลที่ 9 ในครั้งนั้นถือเป็นงานที่รวบรวมสุดยอดฝีมือด้านการก่อสร้างมารวมตัวกัน รวมไปถึงการออกนอกประเทศ ด้วยการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างตกแต่งพระราชวังของกษัตริย์บรูไนด้วยมูลค่าโครงการมากกว่า 30 ล้านเหรียญสร้างชื่อเสียงให้บริษัทเป็นที่รู้จักมากขึ้นในต่างประเทศตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว กระนั้นก็ตาม โปรเจกต์แรกที่เธอเข้ามารับงานของครอบครัวอย่างเต็มตัวช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง นอกจากการรีโนเวทโรงแรมรอยัลออคิดแล้ว ก็คือการคว้าโปรเจกต์ทำห้องพักทั้งหมด 33 ชั้นที่โรงแรมเพนนินซูล่า เธอเล่าว่าช่วงนั้นทุกบริษัททำท่าไม่ค่อยดี แต่บริษัทกนก เฟอร์นิเจอร์ฯ ยังมีงาน และเริ่มออกไปทำโรงแรมแชงกรีล่า ในย่าน Makati ที่ประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงไปคว้าโครงการรับเหมาตกแต่งอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ Siem Reap กัมพูชา โดยตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา บริษัทกนกเฟอร์นิเจอร์ฯ มีงานในฟิลิปปินส์ เมียนมาสิงคโปร์ และกัมพูชา มีเพียงอินโดนีเซียเวียดนาม ลาว เท่านั้นที่บริษัทไม่ได้เข้าไปคิดเป็นมูลค่าโครงการรวมๆ ในต่างประเทศไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท ซึ่งเธอยอมรับว่าส่วนหนึ่งของการก้าวไปตลาดต่างประเทศเพราะวิกฤตจากเศรษฐกิจในประเทศไทย “อุปสรรคยากๆที่เราผ่านมาได้สอนให้อย่าประมาท เราคิดอยู่เสมอว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เราได้มาทุกวันนี้มาจากการไสไม้ การตอกตะปูทีละอัน ทาสีทีละตารางเมตร นั่นเป็นความภาคภูมิใจ เรามองเห็นแล้วว่าการใช้สติและกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำ เราจะได้รีวอร์ดได้ผลลัพธ์ที่ดีกลับมามากขึ้น บนวิกฤตมันคือโอกาสของเรา ดังนั้นเราไม่เคยกังวลในวิกฤต” ปัจจุบัน บริษัทกนก เฟอร์นิเจอร์ฯ มีสัดส่วนลูกค้าในไทย 60% และ 40% เป็นลูกค้าต่างประเทศ โดยขณะนี้บริษัทยังมีโครงการที่กำลังจะแล้วเสร็จใน PhonomPenh ทั้งหมด 3 โครงการ และยังมีโครงการที่ตามมาอย่างต่อเนื่องเป็นโรงแรมทั้งหมดซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในปีนี้ขณะที่มีโครงการ backlog ในมือตุนไว้แล้วประมาณ 1.5 พันล้านบาท โดยเป็นโครงการทั้งในและต่างประเทศ   ภาพ : มนัญญา ไชยนันทน์   คลิกอ่าน "ศุภลักษณ์ ฟุง บุกเมียนมา เนรมิต Rosewood Yangon" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับเดือนสิงหาคม 2561