<h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนาคารกสิกรไทย เดินหน้าเชื่อมต่อการทำธุรกรรมการเงินผ่าน K PLUS ในระดับภูมิภาค ให้บริการโอนเงินจ๊าดผ่าน K PLUS ตอบรับความต้องการชาวเมียนมาในประเทศไทยกว่า 2 ล้านราย ฟรีค่าธรรมเนียมทุกรายการ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2566 ภายใต้ความร่วมมือกับ KBZ Bank ธนาคารเอกชนอันดับ 1 ในเมียนมา โดยธนาคารตั้งเป้ามีธุรกรรมโอนเงินต่างประเทศทุกสกุลเงินผ่าน K PLUS รวมกว่า 20,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มสกุลเงินโอนไปยังประเทศปลายทางทั่วโลกภายในปี 2567 </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/P4vy1AaXZr7whzEHLDP7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="P4vy1AaXZr7whzEHLDP7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="1920,1280"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดร.พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีชาวเมียนมาที่ทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทยประมาณ 2 ล้านราย โดยมีการโอนเงินกลับไปที่เมียนมาเฉลี่ยคนละ 100,000-200,000 จ๊าดต่อเดือน (เทียบเท่า 1,250-2,500 บาท) ธนาคารจึงได้ร่วมมือกับ KBZ Bank ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์เอกชนอันดับ 1 ในเมียนมา ด้วยจำนวนเครือข่ายสาขาและเครื่องเอทีเอ็มมากที่สุด เปิดให้บริการโอนเงินจ๊าดผ่าน K PLUS ไปยังบัญชี KBZPay Wallet ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอี-วอลเล็ต ที่เป็นนิยมของชาวเมียนมา มีผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านราย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“บริการโอนสกุลเงินจ๊าดผ่าน K PLUS ให้บริการเป็นภาษาเมียนมา ไม่ต้องใช้เอกสารประกอบ และมีจุดเด่นที่ช่วยแก้ปัญหาของผู้ที่ต้องการโอนเงินไปที่เมียนมา ได้แก่ 1. ค่าธรรมเนียมถูก โดยจะมีโปรโมชันพิเศษ ฟรีค่าธรรมเนียมทุกรายการตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2566 2. ลูกค้าสามารถโอนเงินได้ด้วยตนเองผ่าน K PLUS ไม่ต้องเสียเวลาติดต่อนายหน้าหรือเดินทางไปสาขาธนาคาร 3. ได้อัตราแลกเปลี่ยนเงินที่มีมาตรฐานชัดเจน 4. ตรวจสอบการทำรายการได้ ทั้งชื่อผู้รับและมีแจ้งเตือนเมื่อเงินเข้าบัญชีปลายทาง ไม่ต้องเสี่ยงเงินสูญหาย ในขณะที่ผู้รับเงินในเมียนมาสามารถเบิกเงินสดได้ง่ายๆ ที่ KBZ Bank ทุกสาขา ตู้เอทีเอ็ม และจุดบริการ KBZPay กว่า 40,000 จุดทั่วประเทศเมียนมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปี 2565 ที่ผ่านมา มีมูลค่าธุรกรรมโอนเงินต่างประเทศผ่าน K PLUS กว่า 14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140% จากปีก่อนหน้า โดยปัจจุบันลูกค้าสามารถใช้ K PLUS โอนเงินไปต่างประเทศได้ 15 สกุลเงิน ครอบคลุม 62 ประเทศทั่วโลก รองรับสกุลเงินที่คนไทยนิยมโอน เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ปอนด์ ยูโร ดอลลาร์สิงคโปร์ ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์ฮ่องกง หยวน เยน วอน เป็นต้น ธนาคารคาดว่า ภายในสิ้นปี 2566 นี้ จะมีมูลค่าธุรกรรมโอนเงินต่างประเทศผ่าน K PLUS รวม 20,000 ล้านบาท และตั้งเป้าขยายจำนวนสกุลเงินโอนไปยังประเทศปลายทางทั่วโลก ภายในปี 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;U Zaw Lin Aung ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KBZ Bank กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับธนาคารกสิกรไทยในโปรเจคครั้งสำคัญนี้ ซึ่งจะช่วยให้ชาวเมียนมาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น ด้วยความร่วมมือนี้ ลูกค้าชาวเมียนมาในประเทศไทยจะสามารถโอนเงินกลับบ้านให้ครอบครัวและคนสำคัญได้ทันที โดยจะได้รับเงินเข้าบัญชี KBZPay e-Wallets แบบเรียลไทม์ และด้วยบริการนี้ ลูกค้าไม่จำเป็นเดินทางและไปรอคิวที่สาขา รวมถึงไม่ต้องเตรียมเอกสารให้วุ่นวายอีกด้วย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขั้นตอนโอนเงินจ๊าดผ่าน K PLUS ไปประเทศเมียนมา โอนได้ง่ายๆ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. เปิด K PLUS และเลือกเมนู “โอนเงิน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. เลือกเมนู “โอนเงินต่างประเทศ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. ในกรณีที่ทำรายการครั้งแรก ระบบจะให้ใส่ที่อยู่ที่ติดต่อได้เป็นภาษาอังกฤษ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. เลือก “เมียนมา” เป็นประเทศปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. กรอกข้อมูลผู้รับเงิน เช่น เบอร์โทร KBZPay จำนวนเงิน วัตถุประสงค์การโอน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;6. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนกดยืนยันการทำรายการ จากนั้นรับ e-Slip เป็นหลักฐาน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/qT3xDrMDTMfMMKFnZktP.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="qT3xDrMDTMfMMKFnZktP.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="960,960"></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/XYMvsySGjsTgVKmR4hk8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="XYMvsySGjsTgVKmR4hk8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="972,972"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับชาวเมียนมาที่สนใจ สามารถเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย และสมัครใช้ K PLUS ได้ง่ายๆ เพียงนำหนังสือเดินทาง หรือเอกสารสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และหนังสือรับรองการทำงานของนายจ้าง ติดต่อธนาคารกสิกรไทยได้ทุกสาขาทั่วประเทศ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71021" alt="“อารียา พรอพเพอร์ตี้” คอลแลบ “Kloset” ครีเอต “The Dreamer Set by The Village x Kloset”">“อารียา พรอพเพอร์ตี้” คอลแลบ “Kloset” ครีเอต “The Dreamer Set by The Village x Kloset”</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

KBANK จับมือ ธนาคารเอกชนอันดับ 1 ของเมียนมา เปิดให้บริการโอนเงินจ๊าดผ่าน K PLUS

<h2>องค์การระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ว่า มีเด็กมากกว่า 40 รายถูกปลิดชีพแล้วจากสถานการณ์ดังกล่าว ขณะที่จำนวนเด็กที่ได้รับบาดเจ็บยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน แต่ “มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”</h2>
<figure><img class="wp-image-43720" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/117811818_myanmar.jpg" alt="รัฐประหารเมียนมาคร่าชีวิตเด็กอย่างน้อย 43 ราย" width="720" height="405" /><figcaption> นักเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันหยุดงานเพื่อประท้วงเงียบ หลังเด็กหญิงวัย 7 ขวบ เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืน</figcaption></figure>

Save the Children องค์การช่วยเหลือเด็กที่ดำเนินงานเพื่อสิทธิเด็กทั่วโลกระบุว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี จำนวน 15 คนที่เสียชีวิต ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ เด็กวัย 13 ปีที่ “ถูกยิงขณะกำลังวิ่งเล่นอยู่บนถนน” ในนครย่างกุ้ง ขณะที่เหยื่ออายุน้อยที่สุดมีอายุเพียง 1 ขวบเท่านั้น โดยถูกกระสุนยางยิงเข้าที่ดวงตาข้างขวา

ด้าน Free Burma Rangers หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยชนรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เด็กชายชาวกะเหรี่ยงวัย 5 ขวบ เสียชีวิตจากการที่กองทัพเมียนมาบุกโจมตีทางอากาศทิ้งระเบิดลงที่หมู่บ้านวันปูโน ในเขตปาปุนของรัฐกะเหรี่ยง ขณะที่เด็กหญิงวัย 12 ปี ได้รับบาดเจ็บบนใบหน้าจากเศษกระสุนในสถานการณ์เดียวกัน

นอกจากนี้ สำนักข่าว BBC รายงานว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน ครอบครัวของเด็กหญิงวัย 7 ปีในมัณฑะเลย์ได้ออกมาเปิดเผยว่า บุตรสาวเสียชีวิตในช่วงปลายเดือนมีนาคม จากการที่ทหารและตำรวจเปิดฉากยิงแบบสุ่มในที่อยู่อาศัย ขณะที่เธอกำลังวิ่งกลับไปหาพ่อที่บ้าน

ทั้งนี้ สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองเมียนมา (APPA) อัพเดทตัวเลขผู้เสียชีวิต ณ วันที่ 31 มีนาคม ว่ามีจำนวนทั้งหมด 536 คน และมีผู้ที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่อีก 2,729 คน

“เด็กผู้ไร้เดียงสาถูกพรากอนาคตไปอย่างโหดร้ายโดยไม่จำเป็น” Save The Children กล่าวผ่านทางแถลงการณ์ “ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งเด็กๆ ที่ต้องเห็นพี่น้องของตนเสียชีวิตไปต่อหน้า ต่างต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและการสูญเสียที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเมียนมาไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กอีกต่อไป”

นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา กองทัพเมียนมาภายใต้การนำของพลเอกอาวุโส Min Aung Hlaing ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา เข้าจับกุม Aung San Suu Kyi ที่ปรึกษาแห่งรัฐ รวมถึงประธานาธิบดี <a href="https://www.theguardian.com/world/2021/feb/01/further-army-clampdown-feared-in-myanmar-after-aung-san-suu-kyi-detained">U Win Myint</a> และแกนนำคนสำคัญของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ NLD ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเมียนมา และ<a style="color: #333333;" href="https://www.aljazeera.com/news/2021/2/1/full-text-of-myanmar-army-statement-on-state-of-emergency">ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี</a>

โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลของเมียนมา ภายใต้การนำของ Aung San Suu Kyi ล้มเหลวในการตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไป ที่มีขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนั้นเธอสามารถคว้าชัยได้เป็นสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนถล่มทลายร้อยละ 83 ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งและมีประชาชนบางส่วนถูกตัดสิทธิ์การลงคะแนนเสียง

ทั้งนี้ ท่ามกลางการปะทะกันระหว่างทหารและตำรวจที่เข้าปราบปรามการประท้วงต่อต้านรัฐประหารมาตลอด 2 เดือนอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม ซึ่งตรงกับวันกองทัพเมียนมา เป็นวันที่เกิด<a style="color: #333333;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/รัฐบาลทหารเมียนมาปิด-facebook.html">เหตุการณ์นองเลือดมากที่สุด</a> โดยมีผู้เสียชีวิตมากถึง 114 รายทั่วประเทศ

ล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Dominic Raab รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหราชอาณาจักร ได้ออกมาประกาศมาตรการคว่ำบาตรเมียนมา เพื่อตอบโต้การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการก่อรัฐประหารของกองทัพ “ทหารเมียนมาจมดิ่งสู่จุดต่ำสุดใหม่ด้วยการสังหารผู้บริสุทธิ์รวมถึงเด็กๆ”

ด้านสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดี Joe Biden ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการค้าทุกรูปแบบกับเมียนมา พร้อมระบุว่า “สถานการณ์ในเมียนมามีความรุนแรงเป็นอย่างมาก และจากการรายงานที่ผมได้รับ มีผู้คนจำนวนมากถูกฆ่าตายโดยไม่จำเป็น”

แปลและเรียบเรียงจากบทความ At Least 43 Children Killed By Myanmar Military Forces, Humanitarian Group Reports เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/รัฐบาลทหารเมียนมาปิด-facebook.html">รัฐบาลทหารเมียนมาปิด Facebook ชั่วคราว อ้างก่อให้เกิดความไม่มั่งคง</a>

รัฐประหารเมียนมาคร่าชีวิตเด็กอย่างน้อย 43 ราย

<h2>วีโร่ เอเจนซี่ ด้านประชาสัมพันธ์และดิจิทัล ที่มีสำนักงานในไทย เมียนมา และประเทศต่างๆ ในอาเซียน เตรียมออกอัปเดตบทสรุปสถานการณ์ล่าสุดรายสัปดาห์ ทั้งในด้านการประกอบธุรกิจและภูมิทัศน์ของสื่อในเมียนมา เพื่อเตรียมความพร้อมแก่ธุรกิจและวงการเอเจนซี่ประชาสัมพันธ์ รวมถึงแบ่งปันแนวทางเพื่อการดำเนินงานธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากบทสรุปสถานการณ์ล่าสุดประจำสัปดาห์นี้เป็นฉบับแรก</h2>
ภัทร์นีธิ์ จีริผาบ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารของวีโร่ กล่าวว่า “วีโร่ในฐานะผู้พิทักษ์แบรนด์ของลูกค้า และองค์กรพลเมืองของอาเซียน เราถือว่านี่คือหน้าที่และความรับผิดชอบในการมอบคำปรึกษาแก่ลูกค้าของเรา เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ในตลาดประเทศ เมียนมา อย่างรอบด้าน เพื่อประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เราหวังว่าการออกบทสรุปล่าสุดทุกสัปดาห์จะเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือแก่แบรนด์ต่างๆ ที่ดำเนินธุรกิจในเมียนมา และแก่ผู้อ่านที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ ท่ามกลางกระแสของข่าวลือและการคาดเดาต่างๆ มากมาย และขอใช้โอกาสนี้เพื่อขอบคุณเพื่อนร่วมงานของเราในย่างกุ้ง ที่ยังคงรักษาคำมั่นสัญญาที่จะสนับสนุนลูกค้าของเราต่อไปแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

บทสรุปสถานการณ์จากวีโร่ มอบข้อเสนอแนะที่แบรนด์และผู้นำธุรกิจควรพิจารณาเพื่อใช้ดำเนินการต่อได้ทันที สามารถดูบทสรุปและคำแนะนำฉบับสมบูรณ์ได้<a href="https://vero-asean.com/current-situation-myanmar-brands-th/">ที่นี่</a>

บทสรุปสถานการณ์ล่าสุดในเมียนมา ฉบับที่ 1

ตัวอย่างบางส่วนจากบทสรุปและคำแนะนำฉบับสมบูรณ์ฉบับล่าสุดที่ออกในวันนี้ โดยวีโร่จะอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดรายสัปดาห์แก่ท่านอย่างต่อเนื่องในฉบับถัดๆ ไป
<ul>
 	<li>ให้ความเอาใจใส่และความเห็นอกเห็นใจกลุ่มเป้าหมายของตนให้มากขึ้นกว่าเดิมผ่านการสื่อสารทุกรูปแบบ</li>
 	<li>หากแบรนด์มีพนักงานในเมียนมา ขอให้ทุ่มเทเวลาและทรัพยากรต่างๆ ในการช่วยเหลือพนักงานให้สามารถรับมือและผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ เช่น การสร้างช่องทางต่างๆ สำหรับการติดต่อสื่อสารในกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องอื่นๆ ตามมา และวางจุดยืนขององค์กรในสถานการณ์ปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้</li>
 	<li>แบรนด์ควรงดเว้นกิจกรรมหรือแคมเปญต่างๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องจากขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่เราควรให้ความสำคัญกับกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ที่ทำให้เสี่ยงต่อการถูกเข้าใจผิดว่าเป็นองค์กรที่ปิดหูปิดตาไม่ให้ความสนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น</li>
 	<li>แบรนด์ควรมีความระมัดระวังในการติดตามตรวจสอบภาพลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงควรมีการเตรียมแผนงานด้านการปกป้องภาพลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้ อนึ่งขณะนี้มีข้อมูลข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับแบรนด์ต่างๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับกองทัพเผยแพร่ต่อๆ กันไปเป็นวงกว้าง ดังนั้นการชี้แจงถึงความเป็นอิสระและปลอดจากการเมืองจึงจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้</li>
 	<li>แบรนด์ควรตรวจสอบย้อนหลังไปถึงประวัติการติดต่อหรือความสัมพันธ์กับรัฐวิสาหกิจของเมียนมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อประเมินว่าการติดต่อครั้งนั้นจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรหรือไม่</li>
 	<li>แบรนด์ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นกรณีๆ ไปเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถหรือไม่สามารถสื่อสารกับประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และลูกค้า ทั้งนี้เนื่องจากหลายคนมองว่าแบรนด์ต่างๆ ควรมีจุดยืนของตนเอง ซึ่งในบางกรณีก็อาจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นสถานการณ์ที่แต่ละแบรนด์เผชิญอยู่มีความเฉพาะเจาะจงที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นในกรณีที่มีประเด็นปัญหาสำคัญ จุดยืนที่แบรนด์เลือกจึงจำเป็นต้องเป็นจุดยืนที่แบรนด์มีแผนสำรองเตรียมรับมือเอาไว้แล้วอย่างดี</li>
 	<li>แบรนด์และองค์กรต่างๆ ที่สามารถช่วยเหลือประชาชนในประเทศนี้ได้ ควรมองหาลู่ทางในการให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่ขาดแคลน</li>
</ul>
วีโร่ยังคงติดตามสถานการณ์ปัจจุบันอย่างใกล้ชิดเพื่อคาดการณ์ล่วงหน้าถึงความท้าทายใหม่ๆ และในระยะยาวเรายังคงคาดหวังที่จะได้เห็นการคลี่คลายของสถานการณ์ในทิศทางที่ให้ความเคารพต่อความประสงค์ของคนส่วนใหญ่ในเมียนมา โดยวีโร่พร้อมให้ข้อมูลและการสนับสนุนแก่แบรนด์และธุรกิจต่างๆ ที่กำลังหาทางรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/travel/silveryacths-%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad-bic-group-%e0%b8%82%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%ad.html">SilverYacths จับมือ BIC Group ขยายธุรกิจครอบคลุมอาเซียน</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>
&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

วีโร่ เอเจนซี่ ออกคำแนะนำด้านการสื่อสารเกี่ยวกับสถานการณ์ "เมียนมา"

<h2 class="p1">รัฐบาลทหารเมียนมาสั่งการให้บริษัทเครือข่ายโทรคมนาคมในประเทศปิด Facebook ชั่วคราว เพื่อลดโอกาสในการชุมนุมประท้วงต่อต้านการรัฐประหาร</h2>
<figure><img class="wp-image-41084" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/Min-Aung-Hlaing.jpg" alt="Aung San Suu Kyi " width="720" height="480" /><figcaption> พลเอกอาวุโส Min-Aung-Hlaing ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา และผู้ก่อรัฐประหารในปี 2021</figcaption></figure>
<a style="color: #333333;" href="https://www.reuters.com/article/us-myanmar-politics-facebook/myanmar-internet-providers-block-facebook-services-after-government-order-idUSKBN2A32ZE">กระทรวงคมนาคมและการสื่อสารของเมียนมา</a>มีคำสั่งให้ระงับการให้บริการของ<a style="color: #008000;" href="https://www.theguardian.com/global-development/2021/feb/04/myanmar-coup-army-blocks-facebook-access-as-civil-disobedience-grows"> Facebook</a> ชั่วคราว จนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยอ้างว่าเพื่อธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพภายในประเทศ
ปัจจุบัน Facebook แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมในเมียนมามีผู้ใช้บริการกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรภายในประเทศ เพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อและรับรู้ข่าวสาร ได้ถูกนำมาใช้ในการนัดแนะชุมนุมประท้วงต่อต้านการรัฐประหารที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021
โดยส่วนหนึ่งของข้อความในหนังสือคำสั่งระบุว่า “Facebook ได้ถูกใช้เพื่อแพร่กระจายข่าวปลอมและข้อมูลที่ผิดๆ ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ผู้คน และอาจนำมาซึ่งการก่อการจราจลภายในประเทศ”
ด้าน Facebook ได้ตระหนักถึงประเด็นปัญหานี้ และได้เปิดเผยกับ Forbes ว่า “เราขอเรียกร้องให้ทางการฟื้นฟูการเชื่อมต่อ เพื่อให้ชาวเมียนมาสามารถสื่อสารกับครอบครัวและเพื่อน ตลอดจนเข้าถึงข้อมูลสำคัญต่างๆ ได้”
ทั้งนี้ นอกจาก Facebook แล้ว ธุรกิจอื่นๆ ในเครือของบริษัทก็โดนระงับการให้บริการเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Messenger, WhatsApp หรือ Instagram
ในที่นี้ Telenor Group บริษัทโทรคมนาคมท้องถิ่น ผู้ระงับการให้บริการดังกล่าว ได้ “แสดงความกังวลอย่างมาก” และเปิดเผยกับ Reuters ว่า "แม้คำสั่งจะอิงพื้นฐานทางกฎหมายตามกฎหมายเมียนมา แต่ Telenor ไม่เชื่อว่าคำขอนั้นมีความจำเป็นและสอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ”
ช่วงเช้าของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองทัพเมียนมาจับกุม Aung San Suu Kyi ที่ปรึกษาแห่งรัฐ รวมถึงประธานาธิบดี <a style="color: #008000;" href="https://www.theguardian.com/world/2021/feb/01/further-army-clampdown-feared-in-myanmar-after-aung-san-suu-kyi-detained">U Win Myint</a> และแกนนำคนสำคัญของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ NLD ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเมียนมา และ<a style="color: #333333;" href="https://www.aljazeera.com/news/2021/2/1/full-text-of-myanmar-army-statement-on-state-of-emergency">ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี </a>
โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลของเมียนมา ภายใต้การนำของ Aung San Suu Kyi ล้มเหลวในการตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไป ที่มีขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนั้นเธอสามารถคว้าชัยได้เป็นสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนถล่มทลายร้อยละ 83 ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งและมีประชาชนบางส่วนถูกตัดสิทธิ์การลงคะแนนเสียง
<img class="alignnone wp-image-41083" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/960x0-coup.jpg" alt="Aung San Suu Kyi " width="720" height="481" />
ทั้งนี้ ในปี 2018 <a style="color: #333333;" href="https://about.fb.com/news/2018/11/myanmar-hria/">Facebook</a> ตระหนักว่า ทางบริษัท “สามารถหรือควร” ที่จะ “ป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในการปลุกระดมความรุนแรง” ในพม่า หลังจากที่ <a style="color: #333333;" href="https://www.nytimes.com/2018/11/06/technology/myanmar-facebook.html">New York Times</a> ได้ออกมาเปิดเผยว่า ผู้นำทหารได้พยายามใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการโจมตีรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหาชาวโรฮิงญา ในรัฐยะไข่ 
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ความรุนแรงในปัจจุบัน หลายชาติทั่วโลกทั้งในเอเชียและชาติตะวันตกได้ออกมาประณามกองทัพเมียนมาที่ก่อการรัฐประหาร แต่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ <a style="color: #333333;" href="https://www.aljazeera.com/news/2021/2/3/security-council-fails-to-agree-statement-condemning-myanmar-coup">(UNSC)</a> องค์กรระหว่างประเทศที่มีหน้าที่ดำรงรักษาสันติภาพและความปลอดภัยแก่ประเทศสมาชิกกลับเผชิญเสียงคัดค้านจากจีนและรัสเซียในการออกแถลงการณ์ประณามการกระทำดังกล่าว
ด้าน <a style="color: #008000;" href="https://www.whitehouse.gov/briefing-room/statements-releases/2021/02/01/statement-by-president-joseph-r-biden-jr-on-the-situation-in-burma/">Joe Biden</a> ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากจะออกแถลงการณ์ประณามการจับกุมตัวผู้นำประเทศและการเข้ายึดอำนาจแล้ว ยังยุติความช่วยเหลือระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีให้แก่รัฐบาลเมียนมาทั้งหมดทันที เว้นแต่เพียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวโรฮิงญา ในรัฐยะไข่ ซึ่งถือเป็นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จะยังคงดำเนินต่อไป พร้อมทิ้งท้ายว่า “สหรัฐฯ จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในทุกประเทศที่ประชาธิปไตยถูกคุกคาม”
แปลและเรียบเรียงจากบทความ Myanmar’s Military Blocks Access To Facebook After Overthrowing Government เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/ant-group-%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a1%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%82%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3.html">Ant Group เตรียมปรับโครงการธุรกิจเป็น “บริษัทโฮลดิงด้านการเงิน”</a>

รัฐบาลทหารเมียนมาปิด Facebook ชั่วคราว อ้างก่อให้เกิดความไม่มั่งคง

<h2>ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ขยายโรงพยาบาลแห่งที่สองของเครือในต่างประเทศ ร่วมทุนบริษัทอสังหาฯ ท้องถิ่นเปิด “โรงพยาบาล Ar Yu” มูลค่าลงทุน 2 พันล้านบาท โดยเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมา หวังจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางบนขึ้นไป</h2>
นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยความคืบหน้าการลงทุน โรงพยาบาล Ar Yu ของเครือในกรุง Yangon ประเทศเมียนมาว่า โรงพยาบาลได้ก่อสร้างเสร็จพร้อมให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 โดยเป็นโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง นับเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมา ปัจจุบันได้รับการตอบรับที่น่าพอใจ มีผู้ป่วยนอก (OPD) ใช้บริการวันละประมาณ 200 คน และมีผู้ป่วยใน (IPD) แล้ว 25-26 คน

โครงการนี้เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มธนบุรีฯ ถือหุ้น 40% กับกลุ่ม Ga Mone Pwint Company Limited (GMP) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นของเมียนมาถือหุ้น 50% และอีก 10% ถือหุ้นโดย Aryu Ananta Medical Services Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทร่วมกันของทีมแพทย์ที่ร่วมงานในโรงพยาบาลนี้

<figure><img class="size-full wp-image-8003" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/DSC_7599-e1558886269889.jpg" alt="" width="538" height="800" /><figcaption> โรงพยาบาล Ar Yu โครงการร่วมทุนของ THG กับกลุ่มทุนเมียนมา</figcaption></figure>

โรงพยาบาล Ar Yu มีมูลค่าลงทุน 75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2 พันล้านบาท) เป็นอาคารสูง 11 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินเช่าสัญญาเช่า 50+10+10 ปี ในกรุง Yangon จำนวนเตียงให้บริการ 200 เตียง ห้องผ่าตัด 8 ห้อง ห้องตรวจโรคทั่วไป 35 ห้อง จำนวนบุคลากรกว่า 400 คน โดย 120 คนในจำนวนนี้เป็นแพทย์ มีเครื่องมือ-อุปกรณ์ศูนย์รักษาเฉพาะทางพร้อมบริการ เช่น ศูนย์หัวใจ ศูนย์กุมารเวชศาสตร์ ศูนย์หู คอ จมูก ศูนย์กระดูกและข้อ เป็นต้น

&nbsp;
<h2>ดึงลูกค้าชาวเมียนมากลุ่มกลางบน</h2>
นพ.ธนาธิปกล่าวต่อว่า การลงทุนครั้งนี้เริ่มศึกษามาตั้งแต่ 5 ปีก่อน เนื่องจากเห็นว่ามีชาวเมียนมาบางส่วนบินไปเข้ารับการรักษาหรือตรวจสุขภาพที่ประเทศไทย ในโรงพยาบาลธนบุรีเองมีลูกค้าชาวเมียนมาราว 20-30 คนต่อวัน คิดเป็น 4-5% ของทั้งหมด

Oxford Business Group ยังรายงานข้อมูลปี 2561 ด้วยว่า ชาวเมียนมาระดับกลางถึงบนมีการเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสู่ประเทศไทย สิงคโปร์ และอินเดีย ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินราว 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี

“ผมมาเดินสำรวจโรงพยาบาลเอกชนที่นี่มีอยู่ 7-8 แห่ง เกือบทั้งหมดเป็นโรงพยาบาลท้องถิ่น มีแห่งเดียวที่เป็นทุนอินโดนีเซีย และทั้งหมดมีขนาด 100 กว่าเตียงเท่านั้น อุปกรณ์และการบริหารก็ยังไม่ดีพอ จึงคิดว่าเรามีโอกาส หากสามารถทำโรงพยาบาลที่ดีไซน์อาคารได้ดีกว่า สะอาด เป็นระเบียบ พัฒนาคนให้บริการได้ดี และโรงพยาบาลไทยถือเป็น perception ที่ดีอยู่แล้วในการทำให้คนไข้เกิดความไว้วางใจ” นพ.ธนาธิปกล่าวถึงการตัดสินใจร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น

<figure><img class="size-full wp-image-8004" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/IMG_20190524_133018-01-e1558886861652.jpeg" alt="" width="800" height="600" /><figcaption> แผนกยา</figcaption></figure>

ด้าน Dr.Nway Nu Wai ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาล Ar Yu และทายาทบริษัท GMP เปิดเผยว่า บริษัทของครอบครัวเชี่ยวชาญการลงทุนห้างสรรพสินค้า และต้องการขยายไปสู่ธุรกิจการแพทย์ เมื่อพบว่าโรงพยาบาลเอกชนในเมียนมายังมีคุณภาพไม่ดีพอ

“ครอบครัวมีการพูดคุยกับกลุ่มทุนด้านธุรกิจโรงพยาบาลจากหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ไทย แต่สุดท้ายตัดสินใจร่วมทุนกับ THG เพราะโรงพยาบาลบริการในราคาเหมาะสมกับตลาดของเราและมีคุณภาพ และแนวทางการบริหารของ THG มีการส่งทีมงานทั้งทีมเข้ามาช่วยจัดการดูแลเองโดยตรง” Dr.Nway กล่าว

เธอประเมินด้วยว่า ประชากร Yangon ราว 6 ล้านคนนี้น่าจะเป็นคนระดับกลางบนขึ้นไปราว 30% ของทั้งหมด ซึ่งจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของโรงพยาบาล Ar Yu โดยเป็นผู้มีรายได้ 1,200-2,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน

<figure><img class="size-full wp-image-8005" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/IMG_20190524_134009-01-e1558886910340.jpeg" alt="โรงพยาบาล Ar Yu" width="800" height="600" /><figcaption> เครื่องซีที สแกน</figcaption></figure>

นพ.ธนาธิปเสริมว่า ค่ารักษาพยาบาลของ Ar Yu ค่ารักษา OPD จะอยู่ที่เฉลี่ย 1,200 บาท/ครั้ง ส่วนค่าห้องพักฟื้นมีตั้งแต่ 2,000-8,000 บาทต่อคืน โดยมีห้องวีไอพีไว้คอยบริการ

เป้าหมายของโรงพยาบาล Ar Yu นอกจากจะดึงลูกค้ากลุ่มที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนอื่น ยังต้องการดึงลูกค้าที่ปัจจุบันบินไปรักษาพยาบาลที่ไทยให้มาที่นี่แทนอีกด้วย ซึ่งกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่เป็นประชากรใน Yangon ยังหมายรวมถึงคนไข้จากทั้งประเทศ

&nbsp;
<h2>คู่แข่งเปิดใหม่-ปรับตัวรับดีมานด์ “ไม่ง่าย”</h2>
ข้อมูลจากผู้บริหารโรงพยาบาล Ar Yu ระบุว่า นอกจากกลุ่มธนบุรีฯ แล้ว ก่อนหน้านี้มีเครือโรงพยาบาลไทยเข้ามาเปิดกิจการในเมียนมาเช่นกัน แต่เป็นในลักษณะเล็กกว่าโรงพยาบาล โดยรพ.บำรุงราษฎร์และรพ.สมิติเวช มีเปิดคลินิกตรวจสุขภาพและส่งตัวผู้ป่วยสู่ไทย รวมถึงรพ.กรุงเทพที่เปิดศูนย์ส่งตัวผู้ป่วยรับการรักษาต่อที่ไทยเช่นกัน

<figure><img class="size-full wp-image-8006" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/IMG_20190524_135323-01-e1558886971303.jpeg" alt="" width="800" height="600" /><figcaption> ห้องเดี่ยวมาตรฐานในโรงพยาบาล Ar Yu ราคาประมาณ 2,000 กว่าบาทต่อคืน</figcaption></figure>

แม้ว่าจะมีความต้องการในตลาด แต่ใช่ว่าจะลงทุนได้ง่าย โดยนพ.ธนาธิปกล่าวว่า การลงทุนในเมียนมามีความท้าทาย หลักๆ มาจากเรื่องข้อกฎหมายการลงทุนและระเบียบธรรมเนียมปฏิบัติทางราชการ ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนต่างชาติต้องมีพาร์ทเนอร์ที่ดีและเข้าถึงระบบนิเวศได้จริง
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/commentaries/thought-leaders/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2.html">โอกาสความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเมียนมา</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/dine-with-the-boss/%E0%B8%A0%E0%B8%8D-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B1.html">ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ เติมความอัจฉริยะให้ "บำรุงราษฎร์"</a></li>
</ul>
นอกจากนี้ ธุรกิจการแพทย์ยังอิงกับตัวบุคลากรเป็นหลัก ซึ่งโรงพยาบาล Ar Yu เกิดขึ้นได้จากการดึงตัวบุคลากรการแพทย์ชาวเมียนมาที่ดำเนินธุรกิจคลินิกแห่งหนึ่งอยู่แล้วมาร่วมหุ้น โดยเป็นแพทย์ที่จบจากต่างประเทศทั้งสิ้น และนพ.ธนาธิปเชื่อว่า หากมีโอกาสทำงานในประเทศบ้านเกิด แพทย์เมียนมาที่ยังคงทำงานอยู่ในต่างประเทศจะเลือกเดินทางกลับมา เป็นโอกาสเสริมศักยภาพธุรกิจในเมียนมาของบริษัท

&nbsp;
<h2>เห็นกำไรสุทธิภายในปี 2563</h2>
ด้านการคืนทุนของโรงพยาบาล Ar Yu รวมถึงโรงพยาบาล Welly ในจีนที่บริษัทร่วมลงทุนและเปิดบริการมาแล้ว 1 ปีครึ่ง นพ.ธนาธิปเชื่อว่าโรงพยาบาลในต่างประเทศทั้งสองแห่งจะเริ่มแสดง EBITDA เป็นบวกภายในสิ้นปีนี้ และน่าจะเห็นกำไรสุทธิเข้ามาใน bottom line ของบริษัทได้ในสิ้นปี 2563

ส่วนภาพรวมผลประกอบการของ THG นพ.ธนาธิปคาดว่าจะเริ่มกลับมาเติบโตในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากที่โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองมีรายได้เป็นขาขึ้น รวมถึงโรงพยาบาลธนบุรี บูรณาและศูนย์สุขภาพ Jin Wellness Institute ในโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ จะสร้างเสร็จพร้อมให้บริการราวเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้

&nbsp;

Forbes Facts
<ul>
 	<li>โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดใน Yangon เป็นโรงพยาบาลรัฐขนาด 1,000 เตียง</li>
 	<li>เมียนมายังไม่มีระบบประกันสุขภาพของเอกชน ยกเว้นเป็นวงเงินประกันสุขภาพที่นายจ้างออกให้ลูกจ้างซึ่งมักจะมีสวัสดิการนี้ในองค์กรข้ามชาติ</li>
 	<li><a href="http://www.gmp-myanmar.com/business.php">Ga Mone Pwint</a> เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจหลากหลาย เน้นหนักด้านอสังหาฯ โดยเป็นผู้พัฒนาห้างสรรพสินค้า 5 แห่ง โรงแรมขนาด 220 ห้อง และคอนโดมิเนียม ทำธุรกิจเทรดดิ้งสินค้าวัสดุก่อสร้างตกแต่งภายใน เสื้อผ้า รถยนต์ ฯลฯ รวมถึงธุรกิจรับพัฒนาแบรนด์สินค้า</li>
</ul>

ธนบุรี เฮลท์แคร์ เจาะตลาดเมียนมา เปิด "โรงพยาบาล Ar Yu" รับลูกค้าระดับกลางบน

“ฤทธี กิจพิพิธ” ดัน SCN ผงาดเมียนมา ผุดโรงไฟฟ้ามินบูใหญ่สุดในอาเซียน

<h2>ผู้ประกอบการรุ่นใหม่แห่งทำเนียบ 30 Under 30 ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อเสิร์ฟเมนูให้เพื่อนร่วมชาติได้ลิ้มลอง 'ร้านอาหารเมียนมา' Rangoon Teahouse สุดทันสมัยบุกตลาดเมื่อเมียนมาเปิดประเทศ</h2>
Htet Myet Oo ชาวเมียนมาที่เติบโตในสหราชอาณาจักรได้เดินทางกลับประเทศเมื่อปี 2012 พร้อมใบปริญญาสาขาเศรษฐศาสตร์จาก City University of London จากนั้นในปี 2014 เขาได้เปิดคาเฟ่ชื่อ Rangoon Teahouse ที่โดดเด่นในเรื่องเมนูอาหารพม่าฉบับดั้งเดิมด้วยวัยเพียง 24 ปี

ร้านอาหารเมียนมา ซึ่งตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของ Yangon แห่งนี้ให้บริการลูกค้าที่ประกอบไปด้วยคนรายได้ระดับกลางในท้องที่ ชาวต่างชาติที่เข้าไปทำงานและนักท่องเที่ยว

<figure><img class="size-full wp-image-4048" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/ร้านอาหารเมียนมา-Rangoon-Teahouse.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> Rangoon Teahouse ตกแต่งบรรยากาศภายในร้านเหมือนอยู่ใน Manhattan และให้บริการลูกค้าเฉลี่ย 650 คนต่อวัน พนักงานที่อยู่ในเคาน์เตอร์ตรงกลางร้านจะเตรียม La Phet Yay หรือชาสไตล์ดั้งเดิมของพม่าที่มีให้เลือกถึง 16 แบบซึ่งส่วนใหญ่จะมีนมข้นหวานเป็นส่วนผสม ราคาจัดอยู่ในระดับปานกลางแต่นับว่าสูงกว่าร้านชาทั่วไปถึงสองเท่า เมนูที่ควรลองคือซุปที่เรียกว่า “catfish and daggertooth mohinga” และสลัดที่ใส่ใบบัวบกและถั่วลิสง</figcaption></figure>

Htet ผู้ติดอันดับ 30 Under 30 ของเราในปี 2016 ได้ควักกระเป๋าตัวเอง 25,000 เหรียญ เพื่อเริ่มก่อตั้งธุรกิจ โดยเงินจำนวนนี้ได้มาจากการนำเข้ารถยนต์มือสองจากญี่ปุ่น

เขาดูแลธุรกิจร้านอาหารที่มีรูปแบบคนละสไตล์ 3 แห่งและพนักงานเกือบ 200 คนใน Yangon เขารับผิดชอบด้านการตลาด บุคลากรและงานบริหารโครงการ ขณะที่หุ้นส่วนธุรกิจและคู่หมั้นของเขาช่วยกันทำหน้าที่ฝ่ายสนับสนุน Htet ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขแต่ระบุว่า กิจการ RTH Group คุ้มทุนตั้งแต่วันแรก รายได้ของ RTH Group เติบโตปีละ 2 เท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าจะทำอัตรากำไรสุทธิให้ถึง 20%

“ผมเป็นคนรุ่นใหม่ยุคมิลเลนเนียล” เขากล่าว “ผมชอบอะไรที่เห็นผลรวดเร็ว” แต่ Htet เข้าใจว่ามันต้องมีความสมดุล “ถ้าคุณไม่ทำให้ลูกค้าพอใจกับอาหารและคุณภาพของมัน ก็จะไม่มีใครมาเข้าร้านของคุณ”

<figure><img class="size-full wp-image-4049" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/ร้านอาหารเมียนมา-Mr.Wok_.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> Mr.Wok ร้านอาหารในเครือ RTH Group ขายอาหารเส้นสไตล์เอเชีย เน้นเป็นอาหารกลางวันจานด่วนราคาต่ำกว่า Rangoon Teahouse</figcaption></figure>

<figure><img class="size-full wp-image-4050" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/ร้านอาหารเมียนมา-RTH-Group-ร้านข้าวแกง.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> Buthee อีกร้านในเครือ ตั้งอยู่ติดกับร้าน Mr.Wok บนถนน Bogalay Road เน้นขายแกงพม่ารสชาติดั้งเดิมซึ่งเป็นสูตรเฉพาะจากป้าของ Htet ร้านนี้ก็เช่นกัน คือเน้นขายอาหารให้กับคนในท้องที่</figcaption></figure>

ทั้งนี้เมื่อปี 2016 Anthem Asia บริษัทเพื่อการลงทุนในกิจการนอกตลาดได้เข้าร่วมลงทุนกับ RTH Group ในฐานะผู้ลงทุนเสียงข้างน้อยเพื่อหนุนการขยายธุรกิจในประเทศ เขามีความฝันคือการขยายร้านรูปแบบเดียวกันไปยังต่างประเทศภายในเวลา 3 ปี ขณะที่เขาไม่ได้ปิดกั้นแนวความคิดที่จะนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่เขาพอใจกับการเป็นเจ้าของธุรกิจโดยกล่าวว่า “ผมรักธุรกิจร้านอาหารและชอบพูดคุยสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ”

อย่างไรก็ตาม สภาวะการแข่งขันเข้มข้นขึ้น เมื่อ Rangoon Teahouse เปิดกิจการในปี 2014 มีร้านอาหารย่านใจกลางเมืองเพียงไม่กี่แห่ง แต่ปัจจุบันมีร้านอาหาร 15 แห่งและโรงแรมระดับ 5 ดาว 2 แห่งเปิดให้บริการในแถบนี้ “Yangon เป็นเมืองที่มีการแข่งขันสูง” Htet ยอมรับ พร้อมกล่าวว่าการครองใจลูกค้าและพนักงานเป็นประเด็นที่เขาใส่ใจอยู่เสมอ “ฐานตลาดที่นี่ยังมีขนาดไม่ใหญ่พอ”

&nbsp;

เรื่อง: Jane A. Peterson
เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา

&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/people/30-under-30/30-under-30-asia-2018-1.html">30 Under 30 สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่งแห่งเอเชีย ปี 2018 (ตอน 1)</a></li>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/people/30-under-30/30-under-30-asia-2018-2.html">30 Under 30 สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่งแห่งเอเชีย ปี 2018 (ตอน 2)</a></li>
</ul>

<hr />

<a href="http://www.aisbookstore.com/Shop/Magazine/FORBES/f1065cc2-5b2a-4811-aa7b-20793e378f6b">อ่านบทความทางธุรกิจที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2561</a>

<img class="alignnone wp-image-3346" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/COVER-DECEMBER-67--780x1024.jpg" alt="สังคมสูงวัย" width="311" height="563" />

ผุดธุรกิจ "ร้านอาหารเมียนมา" คาเฟ่ทันสมัยในเมืองที่น่าจับตาของอาเซียน

ศุภลักษณ์ ฟุง บุกเมียนมา เนรมิต Rosewood Yangon

AEC มีทางรวย ดูแล้วจะรวยไปกับการเติบโตของประชาคมอาเซียน บุกตะลุยเส้นทางแม่สอด สู่เมืองเมาะละแหม่ง สำรวจตลาดธุรกิจขยายโอกาสการลงทุนในรัฐมอญและรัฐกะเหรี่ยง ของเมียนมา &nbsp;เพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรี ASEAN Consonant &nbsp;ซึ่งเป็นการแสดงที่รวมเอาเครื่องดนตรีจากชาติสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศไว้บนเวทีเดียว ร่วมเป็นสักขีพยานการลงทุนไทย-เมียนมา พบตัวแทนภาครัฐและเอกชนเมียนมา ชี้ช่องทางการลงทุน
<hr /> 
รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 1 พฤษภาคม 2559 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/CShuhrxEVdA" width="100%"></iframe> 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/9paOcdQD-Dg" width="100%"></iframe> 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/fqlzq4v970Q" width="100%"></iframe> 
 
 
 
 
รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 8 พฤษภาคม 2559 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/0VOLJG5JDgE" width="100%"></iframe> 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_XS52mZ5gns" width="100%"></iframe> 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/6UdFeRMhPYY" width="100%"></iframe> 
 
 
 
 
รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2559 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/xa5TVs0mRsM" width="100%"></iframe> 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/uodBswZiIyU" width="100%"></iframe> 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/16yiAnApC_k" width="100%"></iframe> 
 
 
 
รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 22 เมษายน 2559 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/MDvdSOjiM5w" width="100%"></iframe> 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/E62wJoDu1N4" width="100%"></iframe> 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/qdr3YKVvMxg" width="100%"></iframe> 
 
 
 
 
รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 29 เมษายน 2559 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/u_KxYqBvaN4" width="100%"></iframe> 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/aVuuvhQkT6c" width="100%"></iframe> 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/4WSm1OXF9MA" width="100%"></iframe>

รายการย้อนหลัง AEC มีทางรวย ประจำเดือนพฤษภาคม 2559

AEC&nbsp;มีทางรวย ดูแล้วจะรวยไปกับการเติบโตของประชาคมอาเซียน พบหลักสูตรที่จะทำให้คุณก้าวไปสู่การเป็นผู้นำธุรกิจแห่งอาเซียน ล้วงธุรกิจส่งออกเครื่องจักรการเกษตรสะท้อนวิถีการเปลี่ยนแปลงเกษตรกรรมเมียนมา สัมผัสบรรยากาศงานไทยเฟสติวัล 2016 ในนครโอซากา และพูดคุยกับท่านฑูตพาณิชย์ประจำกรุงพนมเปญของกัมพูชาถึงโอกาสการค้าการลงทุนไทย &nbsp;พบกันทุกวันอาทิตย์เวลาใหม่&nbsp;14.30 - 15.00&nbsp;น. ทาง ช่อง 9&nbsp;MCOT HD

ตัวอย่างรายการ AEC มีทางรวย ประจำเดือนกรกฎาคม 2559

AEC มีทางรวย ประจำเดือนตุลาคม 2559 พบกับสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา เป็นเสมือนศูนย์ให้คำปรึกษากับนักธุรกิจไทย และพบเรื่องราวประวัติศาสตร์ของทุ่งสังหารในกัมพูชา (งดออกอากาศอาทิตย์ที่ 16 และ 23 ตุลาคม 2559)

&nbsp;

รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 2 ตุลาคม 2559 
&nbsp;

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/n7hoZl7-dtc" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/YzE1C6z2C04" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/vWsU2RJjDPs" width="100%"></iframe>

&nbsp;

 
รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 9 ตุลาคม 2559 
&nbsp;

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/Uc0YystA-fQ" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/vNonl2O9TNs" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/U-uR2I1jiag" width="100%"></iframe>

รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 30 ตุลาคม 2559 
&nbsp;

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/d_6BF1OZpsg" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_yNbEW6WZG8" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/SUZloW9rRFw" width="100%"></iframe>

&nbsp;

รวมเทปรายการย้อนหลัง AEC มีทางรวย ประจำเดือนตุลาคม 2559

เตรียมความพร้อมการทำความธุรกิจในทศวรรษหน้ากับธนาคารกรุงเทพ ล่องแม่น้ำโขงและพูดคุยกับธุรกิจท้องถิ่นเมืองหนองคายที่เติบโตจากศรัทธา ล้วงกลยุทธ์ความสำเร็จของธุรกิจตู้เติมเงินบุญเติมและลิ้มลองความอร่อยของเบเกอรี่ต้นตำหรับจากฮ่องกง พร้อมเคล็ดลับการทำธุรกิจร่วมทุนของ Mx Cake and Bakery

พบกันทุกวันาทิตย์ เวลา 14:30&nbsp; ช่อง 9 MCOT HD

ตัวอย่างรายการ AEC มีทางรวย ประจำเดือนพฤศจิกายน 2559

AEC มีทางรวย ประจำเดือนกันยายน 2559 พาไปล้วงกลยุทธ์ WHA Group ที่ตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ลุยกัมพูชา พบธุรกิจผลิตภัณฑ์ถาดพลาสติกที่ต่อยอดการเติบโตโดยอาศัยคู่ค้าที่ดีเจาะลึก ตรีเพชร อีซูซุ เซลส์ ในการขยายตลาดไปยัง สปป.ลาวและกัมพูชา และบุกโรงงาน เบทาโกร ผู้ผลิตอาหารสัตว์ป้อนภาคการปศุสัตว์ของกัมพูชา

 
 
รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 4 กันยายน 2559

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/7ukAEs7LvGo" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/Q_Y4troWDCA" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/xh8Gfssy1Ms" width="100%"></iframe>

 

 
รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 11 กันยายน 2559

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/gAntNkryi8A" width="100%"></iframe>

<iframe width="100%" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/Ixl-VXr4hcg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/G1dv2LvtE0c" width="100%"></iframe>

 
รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 18 กันยายน 2559

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/DNfGASeepZ4" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/xxhRVXK6-Ig" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/LHYe74UWn_0" width="100%"></iframe>

 
รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 25 กันยายน 2559

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_mtMx__XiJs" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_13zsyyMM1k" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/xHXsXv-GXCo" width="100%"></iframe>

รวมเทปรายการย้อนหลัง AEC มีทางรวย ประจำเดือนกันยายน 2559

AEC&nbsp;มี ทางรวย เดือนสิงหาคม ลุยเมืองพระนคร เมืองประวัติศาสตร์ในจังหวัดเสียมเรียบ พร้อมสำรวจธุรกิจการท่องเที่ยวของกัมพูชา ลึกในแง่มุมการสร้างธุรกิจ ของบริษัท WHA Group ด้วยการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า ลงพื้นที่สำรวจความพร้อมนิคมอุตสาหกรรม ในเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสระแก้ว ล้วงกลยุทธ์ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของนักธุรกิจไทย ก้าวไปสู่ผู้นำธุรกิจแห่งอาเซียน&nbsp;และพบกับการลงพื้นที่สำรวจความพร้อมนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว และพาชมเขตเศรษฐกิจพิเศษปอยเปตโอเนียงของกัมพูชา

&nbsp;

รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 7 สิงหาคม 2559

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/Y-gQkTZJfwA" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/5mm_DqL4S9M" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/DmOLUNIhhoo" width="100%"></iframe>

&nbsp;

&nbsp;

รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 14 สิงหาคม 2559

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/ijhwSiRTXHM" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/4xyHJKBzWk4" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/GMe3tsfq8nU" width="100%"></iframe>

&nbsp;

&nbsp;

รายการ AEC มีทางรวย ประจำวันที่ 21 สิงหาคม 2559

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/HRj1MvwKJ08" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/i8EXEQVOcdw" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/1JAUNviPJ4g" width="100%"></iframe>

&nbsp;

รวมเทปรายการย้อนหลัง AEC มีทางรวย ประจำเดือนสิงหาคม 2559

พบการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของเมียนมาเพื่อรองรับการค้า-การลงทุนและพาสักการะพระธาตุอินทร์แขวนกับขบวนคาราวานนักธุรกิจจากไทย พบแนวทางการทำธุรกิจกับเพื่อนบ้านโดยเริ่มจากเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศ โดยอาศัยพันธมิตร และพาดูความคืบหน้าสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 
 
 
AEC มีทางรวย การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของเมียนมา สัปดาห์แรก 5 มิถุนายน 2559 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/Gon9xuN1b9o" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/UeE-_zyNSrU" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/Q085EUE_d00" width="100%"></iframe>

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

AEC มีทางรวย การทำธุรกิจกับเพื่อนบ้าน โดยอาศัยพันธมิตร สัปดาห์ที่2 12 มิถุนายน 2559

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/NV_vk7Si5Zc" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/E093AQfw_hM" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/h050MX6YQh4" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/PkToA-G2uh0" width="100%"></iframe>

&nbsp;

AEC มีทางรวย ธุรกรรมการเงินข้ามแดน สัปดาห์ที่3 19 มิถุนายน 2559

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/7dDrTgXNeJg" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/XFt8Ba3KKEM" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/PkToA-G2uh0" width="100%"></iframe>

&nbsp;

AEC มีทางรวย การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของเมียนมา สัปดาห์ที่4 26 มิถุนายน 2559

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/DdM7DOX_2UI" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/AgDw6DNKUos" width="100%"></iframe>

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/dWbqjaOtvOc" width="100%"></iframe>

&nbsp;

รวมเทปรายการ AEC มีทางรวย ประจำเดือน มิถุนายน 2559 (ครบทุกตอน)

เรื่อง: Ron Gluckman เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยา
<h2>กระแสความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากจีนทำให้มูลค่าหยกจากเมียนมาในปัจจุบันมีค่ายิ่งกว่าทองคำเสียอีก แต่ถึงกระนั้น ประชาชนชาวเมียนมาเองกลับไม่ได้ประโยชน์อะไรจากหยกที่มีอยู่อย่างมากมาย เพราะมูลค่ามหาศาลของหินสีเขียวนี้ทำให้เกิดการรบพุ่งของกองกำลังติดอาวุธและเกิดการคอร์รัปชั่นอย่างเป็นขบวนการ</h2>
ใน Myitkyina ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐคะฉิ่นในเมียนมา เต็มไปด้วยสีเขียว แต่สีเขียวที่ทำให้ Myitkyina โด่งดังจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกก็คือสีเขียวของหยก ทั้งนี้ หยกที่ขุดมาจากเมียนมาคิดเป็นสัดส่วนถึง 90% ของหยกเนื้อดีทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก และหยกจากเมียนมาส่วนใหญ่ก็ขุดมาจากเหมืองหยกที่อยู่ในละแวกใกล้ๆ กับเมือง Myitkyina นี่เอง

ถ้าลองเทียบหยกกับทองคำที่มีน้ำหนักเท่ากัน จะพบว่าหยกยังมีราคาแพงยิ่งกว่าทองคำเสียอีก และจากรายงานฉบับใหม่ของ Global Witness ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอนดอนประเมินว่าหยกที่ขุดจากเหมืองในพม่าแต่ละปีมีมูลค่าสูงถึงกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ฟังแค่นี้คุณอาจจะคิดไปว่าเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอัญมณีมีค่าเช่นนี้น่าจะทำให้เศรษฐกิจดีมีเงินสะพัด แต่ Yup Zau Hkawng ประธานและผู้ก่อตั้ง Jadeland ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเหมืองหยกที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดบอกว่า “ถ้าคุณมองไปรอบๆ เมือง Myitkyina และรัฐคะฉิ่นทั้งรัฐ คุณก็จะพบว่ามันแทบไม่ได้มีการพัฒนาอะไรเลย...ชาวคะฉิ่นมีหยก แต่กำไรที่ได้จากหยกกลับถูกคนจากที่อื่นฉกฉวยไปหมด”ในยุครุ่งเรืองของทศวรรษที่ 1990 Jadeland เคยจ้างคนงานมากถึง 15,000 คน ซึ่ง Yup บอกว่า “ผมเคยใหญ่ที่สุด (ในธุรกิจหยก)” และผู้สันทัดกรณีในธุรกิจหยกของเมียนมาหลายคนก็ยืนยันว่าเป็นจริงอย่างที่เขาบอก

หยกส่วนใหญ่ที่พบจะถูกส่งไปขายที่ประเทศจีน เนื่องจากคนจีนส่วนใหญ่ให้คุณค่ากับหยกในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในโลกไม่ได้ให้ความสำคัญกับหยกมากเท่าจีน การค้าหยกเฟื่องฟูขึ้นอย่างมากในทศวรรษที่ 1990 ส่งผลให้การสู้รบระหว่างรัฐบาลและกลุ่มกบฏในรัฐคะฉิ่นทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยกองกำลังทหารพม่าได้รุกกองทัพคะฉิ่นอิสระ (Kachin Independence Army หรือ KIA) ให้ถอยร่นไป และเข้ายึดครองพื้นที่แหล่งหยก Hpakant เอาไว้เสียเอง ต่อจากนั้น เหมืองหยกหลายแห่งที่เคยเป็นของคนในพื้นที่ก็ตกมาอยู่ในมือของบรรดานายพลในกองทัพ และก็ถูกเปลี่ยนมือต่อไปยังเครือญาติของเหล่านายพล และพวกพ้องของคนในรัฐบาล ได้มีการทำข้อตกลงกับบริษัทจากประเทศจีนที่ช่วยสนับสนุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ซึ่งทำให้กิจกรรมการขุดหาหยกขยายตัวอย่างมาก

ความร่ำรวยที่เกิดจากหยกของเมียนมาถูกฉกฉวยไปจากหลายทางด้วยกัน เริ่มตั้งแต่กระบวนการออกสัมปทานซึ่งปราศจากการตรวจสอบและเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชัน กองทัพควบคุมพื้นที่เหมืองหยก และออกสัมปทานให้กับพวกพ้องเท่านั้น การเก็บภาษี รายงานของ Global Witness ระบุว่าเท่าที่ทราบมีบริษัทของกองทัพอย่างน้อยสี่แห่งที่เข้าไปมีเอี่ยวกับการทำเหมืองหยก ซึ่งบริษัทใหญ่ที่สำคัญที่สุดคือ Union of Myanmar Economic Holdings ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตร แต่ทางบริษัทบอกว่าได้ปฏิบัติตามกฎของกระทรวงเหมืองแร่อย่างถูกต้อง และการทำเหมืองหยกของบริษัทก็ไม่ได้ถูกควบคุมโดยกองทัพแต่อย่างใด

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/2016%2001-Jan/Untitled-2(1).jpg" alt="" width="591" height="435" />
ภาพ: Adam Dean / The New York Times / Redux Pictures; Ron Gluckman

นอกจากนี้ยังมีการใช้กลเม็ดต่างๆ เพื่อฉกฉวยเม็ดเงินไปจากระบบซึ่งๆ หน้า มีเหมืองหลายแห่งที่ลงทะเบียนหยกที่ขุดพบ แต่ใส่มูลค่าเอาไว้ต่ำมาก และขายไปให้กับบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรับซื้อหยกในราคาถูก ซึ่งต่อมาก็นำหยกไปขายต่อตามมูลค่าที่แท้จริงโดยไม่ต้องเสียภาษีตามข้อกำหนด ซึ่ง Global Witnessประเมินว่า 80% ของหยกจากเมียนมาถูกเบียดบังออกไปจากระบบโดยอาศัยวิธีการนี้ “นี่ถือเป็นการปล้นระดับชาติเลยทีเดียว” Juman Kubba นักวิเคราะห์ของ Global Witness กล่าว เขาเป็นหนึ่งในทีมนักวิจัยที่ใช้เวลากว่าหนึ่งปีในการจัดทำรายงานที่ใช้ชื่อว่า “หยก: ความลับเรื่องใหญ่ของรัฐบาลเมียนมา” โดยเขายังได้บอกอีกว่า “ไม่เพียงแต่ประเทศจะสูญเสียรายได้ไปเท่านั้น แต่รายได้เหล่านั้นยังไปเข้ากระเป๋าของบรรดาอาชญากรซึ่งเป็นตัวเลวร้ายเสียอีก”

แล้วเงินจากการค้าหยกตกไปอยู่ในมือของใครบ้าง? รายงานฉบับดังกล่าวระบุรายชื่อผู้ที่ร่ำรวยจากหยกซึ่งประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งในปัจจุบันและในอดีตของกองทัพ รวมไปถึงผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดอย่าง Wei Hsueh-Kang ซึ่งทางการสหรัฐฯ ได้ตั้งรางวัลนำจับเอาไว้สูงถึง 2 ล้านเหรียญ และ Tay Za มหาเศรษฐีที่เป็นพวกพ้องของอดีตผู้นำทหารซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตร เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ FORBES ASIA เมื่อปีที่แล้วและแสดงความไม่พอใจพร้อมทั้งเรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกการคว่ำบาตรเขา

มีนักธุรกิจชาวคะฉิ่นเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ยังคงแข่งขันอยู่ได้ในธุรกิจหยก Yup เป็นหนึ่งในนักธุรกิจหยกไม่กี่คนที่ยังรอดอยู่ในวงการค้าหยก แต่ธุรกิจของเขาก็หดลงจากเดิมมาก และปรับธุรกิจ Jadeland ของเขาไปทำธุรกิจด้านอื่นแทน ซึ่งได้แก่ การเกษตร ก่อสร้าง และโทรคมนาคม ซึ่งธุรกิจของเขาก็ไปได้ดีจนเขาสามารถส่งลูกห้าคนจากทั้งหมดหกคนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศได้

ในปัจจุบัน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพยายามรณรงค์เพื่อให้รัฐคะฉิ่นมีอำนาจในการปกครองตนเอง และให้สามารถเก็บภาษีจากหยกที่ขุดพบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้เขายังเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามที่ยืดเยื้อมาหลายสิบปีระหว่าง รัฐบาลเมียนมาและกองกำลัง KIA ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังกบฏที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมา หยกทำให้เกิดการรบพุ่งแย่งชิง เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็สามารถทำกำไรได้อย่างงามจากการค้าหยก ไม่ต่างอะไรกับที่เพชรทำให้เกิดสงครามรบพุ่งในแอฟริกา หลายคนเรียกมันว่าเป็นหยกทมิฬ เพราะมันถูกลักลอบขนออกนอกประเทศแบบผิดกฎหมาย

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/2016%2001-Jan/cover---jadeland-02.jpg" alt="" width="612" height="451" />
จากรายงานล่าสุดของ Global Witness ซึ่งทำหน้าที่ติดตามการคอร์รัปชั่น การสู้รบ และปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ พบว่ามูลค่าการค้าหยกสูงลิ่วจนน่าตกตะลึงยิ่งไปกว่านั้นอีกมาก โดยทางกลุ่มประเมินว่ามูลค่าการค้าหยกในปีที่แล้วสูงถึง 3.1 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งเกือบทั้งหมดไม่ได้เสียภาษีเลย ในขณะที่ GDP ของเมียนมาในปีที่แล้วอยู่ที่ 6.43 หมื่นล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งจริงๆ จะต้องสูงกว่านั้นอีกมากถ้านับรวมการค้าหยกแบบผิดกฎหมายเข้าไปด้วย

และเนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มีสำนึกในหน้าที่มากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นจึงเห็นว่ามีการเร่งขุดเหมืองกันอย่างบ้าคลั่ง “พวกคนจีนกำลังขนเครื่องจักรขนาดใหญ่เข้ามา” เขาบอกพร้อมกับโชว์ให้ดูภาพของเครื่องขุดเจาะขนาดใหญ่ซึ่งดูใหม่ “เครื่องจักรระดับ high-end ประมาณสองในสามของทั้งโลกถูกขนมาไว้ที่เหมืองเหล่านี้ เครื่องจักรแต่ละตัวอาจจะมีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านเหรียญ และมีบริษัทแห่งหนึ่งมีเครื่องจักรแบบนี้อยู่มาถึง 300 ตัว” Yup บอกและเสริมว่า “สิ่งที่เราเคยต้องใช้เวลาขุดนานถึงสามปีในสมัยก่อน ทุกวันนี้เราสามารถขุดได้ในเวลาแค่หนึ่งเดือน หรือหนึ่งเดือนครึ่งเท่านั้น”

แต่ถึงอย่างนั้น Myitkyina ก็ยังไม่ได้อานิสงส์จากความร่ำรวยที่เกิดจากหยกอย่างที่ควรจะเป็น ถึงแม้ Yup จะพยายามเจรจาเพื่อให้เกิดสันติภาพขึ้น แต่เขาก็ไม่กล้าตั้งความหวังเอาไว้สูงนัก เพราะมูลค่าของหยกมันยั่วใจมากเกินไป เขาทิ้งท้ายว่า “ถ้าหากยังไม่มีการจัดการให้มีระบบที่แบ่งปันผลประโยชน์ให้กับชาวคะฉิ่นมากขึ้นกว่านี้ การสู้รบก็คงจะต้องดำเนินต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด”

<hr />

<a href="http://goo.gl/TZk7tr">คลิ๊กอ่าน "นครหยกถูกขุดจนผุกร่อน" ฉบับเต็ม ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JANUARY 2016 ในรูปแบบ E-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/TZk7tr"><img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/2016%2001-Jan/cover---on-web-link-e-book.jpg" alt="" width="246" height="325" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events