วิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป หรือ SPA หนึ่งในทายาทรุ่น 2 ของตระกูลอุตสาหจิตที่ทรงอิทธิพลในแวดวงสิ่งพิมพ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จากชายผู้ชื่นชอบการผ่อนคลายด้วยศาสตร์แห่งการนวดแผนไทยสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยการก่อตั้ง Let’s Relax Spa
ทายาทรุ่น 2 แห่งสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น เสกสรรงานอดิเรกให้ขยับขยายกลายเป็นกิจการนวดเพื่อสุขภาพชั้นนำ ที่ทำรายได้ถึง 1 พันล้านบาทในปีนี้ โดยยังมุ่งเติบโตราว 20% ต่อปี พร้อมแจ้งเกิด Stretch me by Let’s Relax ดึงฐานลูกค้ารุ่นใหม่ปูทางสู่เส้นชัยสร้างแบรนด์สปาไทยให้เลื่องชื่อในเอเชีย วิบูลย์ก็เป็นเช่นลูกหลานนักธุรกิจชาวจีนที่ถูกมอบหมายให้ร่วมบริหารกิจการกับพี่น้องที่สำนักพิมพ์บรรลือสาส์นของครอบครัวซึ่งก่อตั้งโดยบิดา คือ บันลือ อุตสาหจิต “ความรับผิดชอบในช่วงที่ช่วยธุรกิจของบรรลือสาส์นคือทำหน้าที่เป็น AE ไปขายงานพิมพ์ให้กับองค์กรต่างๆ” วิบูลย์ ฉายภาพภารกิจในฐานะทายาทพร้อมเล่าเพิ่มเติมอีกว่าครั้นเมื่อทำงานที่โรงพิมพ์เป็นเวลาหลายปีก็เริ่มเบื่อกับรูปแบบชีวิตจำเจจนเหมือนเดิมแทบทุกวัน เขาจึงเริ่มมองหาสิ่งใหม่ที่แตกต่างจากเดิมลู่ทางใหม่ที่ตัวเขาและผู้ร่วมหุ้นค้นพบคือธุรกิจผลิตและจำหน่ายบัตรอวยพรปีใหม่หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “ส.ค.ส.” ซึ่งเมื่อปี 2533 ยังนับเป็นวิธีการส่งความปรารถนาดีที่นิยมอยู่ในหมู่คนไทย ในนามของบริษัทบลูมมิ่ง จำกัด แต่ก็ยังไม่ใช่คำตอบที่ลงตัวตัดริบบิ้น Let’s Relax
เมื่อมรสุมเศรษฐกิจในปี 2540 จากการลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเมืองไทยเป็นจำนวนมากกว่าในอดีต วิบูลย์และเพื่อนๆ จึงมองหาธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเฟื่องฟูด้วยความชื่นชอบในการนวดแผนไทยอยู่แล้วรวมถึงในเวลานั้นร้านนวดแผนไทยบางแห่งยังถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่มีบริการอื่นแอบแฝง จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้ก่อตั้งมองว่าหากเปิดร้านที่มีภาพลักษณ์แตกต่างออกไปก็น่าจะเป็นโอกาสดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการและยังสามารถรองรับลูกค้าชาวไทยบางกลุ่มที่ไม่กล้าเข้าร้านรูปแบบเดิมให้มาลองใช้บริการกับที่ร้านได้ จึงนับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้วิบูลย์ได้มีโอกาสเรียนรู้ธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพในฐานะลูกค้า ก่อนจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผันตัวเองสู่ผู้ประกอบการอย่างเต็มตัวเมื่อปี 2541 ในรูปแบบของร้านที่ให้บริการนวดแผนไทยและนวดกดจุดฝ่าเท้าที่ใช้ชื่อว่า Let’s Relax ขึ้นที่บริเวณไนท์บาซาร์ จากการร่วมหุ้นของวิบูลย์พร้อมด้วยเพื่อนอีก 2 คน “อีกเหตุผลที่เลือกเปิดร้านนวดแผนไทยแห่งแรกที่เชียงใหม่ เพราะต้องการปิดเป็นความลับจากครอบครัว โดยเฉพาะพ่อที่เป็นคนจีนที่ค่อนข้างหัวโบราณ ไม่น่าจะชอบที่เราเปิดร้านนวด และกลัวว่าเราจะทำงานให้ครอบครัวไม่ได้เต็มที่จริงๆ” ในเวลานั้นยังไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องกำไรมากเท่ากับที่ต้องการสร้างร้านในแบบที่ตั้งใจไว้แต่สุดท้ายสาขาแรกก็ประสบความสำเร็จเกินคาด จากคุณภาพที่พยายามนำเสนอและด้วยแรงประชาสัมพันธ์ที่มาจากเรื่องราวของร้านได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือ Lonely Planet “ตอนนั้นเราทำด้วยใจรักจริงๆ จึงจัดเต็มมาก ถึงกับลงทุนสั่งเก้าอี้สำหรับนวดหลังไหล่มาจากสหรัฐอเมริกา ยังไม่ได้สนใจเรื่องขาดทุนกำไร แต่อยากทำร้านในแบบที่ต้องการจริงๆ” ด้วยจิตวิญญาณของผู้ประกอบการที่ไม่ท้อถอย แม้ต้องใช้เวลาในช่วงวันหยุดแอบไปดูแลกิจการที่เชียงใหม่เป็นเวลาหลายปีติดต่อกันเนื่องจากสถานะเจ้าของร้านนวดยังถูกเก็บงำเป็นความลับที่ไม่อาจให้ครอบครัวล่วงรู้ได้ แต่ท้ายที่สุดเรื่องราวนี้ก็ถูกเปิดเผยแบบไม่คาดฝัน จากเหตุการณ์ที่วิบูลย์และผู้ถือหุ้นเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกัน พอดีกับเป็นช่วงเวลาที่ตำรวจบุกมาตรวจค้นที่สาขาพัทยาพร้อมจับพนักงานไปที่สถานีตำรวจทำให้เรื่องราวการสร้างกิจการที่ซ่อนไว้ถูกเปิดเผยขึ้นกับครอบครัวจากร้านนวดสู่ SPA
AEC (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน) เป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่ทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้นมองหาโอกาสที่จะยกระดับกิจการไปอีกขั้น เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยดึงคนเก่งมาเพิ่มสรรพกำลังให้แก่ทีมผู้บริหารโดยจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนและนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอเมื่อปี 2557 “ถ้ายังต้องการทำแบบ hobby ก็มองว่าไม่ต้องขยายสาขาเพิ่มอีก แต่ถ้าต้องการเติบโตกว่านี้ ด้วยกำลังคน (ทีมบริหาร) ที่มีอยู่ในตอนนั้นคงไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทเพื่อดึงคนเก่งเข้ามาร่วมงานเพื่อนำไปสู่การเติบโตต่อไป” ปัจจุบัน SPA ประกอบธุรกิจบริการนวดเพื่อสุขภาพ โดยให้บริการแบบเดย์สปา (day spa) ภายใต้แบรนด์ Let’s Relax (38 สาขา ในประเทศ 32 สาขา และต่างประเทศ 6 สาขา) บริการเวลเนส สปา (wellness spa) ภายใต้แบรนด์ Rarin JindaWellness Spa (3 สาขา) และร้านนวดเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “บ้านสวน มาสสาจ” (10 สาขา) พร้อมรับบริหารและให้บริการคำปรึกษาด้านสปา รวมถึงแตกยอดไปยังกิจการที่เกี่ยวข้อง อาทิธุรกิจสถานศึกษาเกี่ยวกับการนวดแผนไทย การจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและเรือนร่าง ล่าสุดบริษัทเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Stretch me by Let’s Relax ซึ่งเน้นให้บริการในเรื่องการยืดกล้ามเนื้อและยืดเส้น โดย therapist ที่เป็นนักกายภาพบำบัด ซึ่งเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการบำบัดด้าน office syndrome, city syndrome ตลอดจนนักกีฬาทั้งหลาย จึงเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนรุ่นใหม่ โดยวิบูลย์คาดว่าจะเปิดให้ได้ 2 สาขาภายในปีนี้และอีก 1 สาขาภายในต้นปี 2562ผ่อนคลายนอกไทย
ทั้งนี้บริษัทเริ่มออกไปสร้างฐานธุรกิจในตลาดต่างประเทศ โดยเปิดสาขาแรกที่เมือง Kunming ประเทศจีน เมื่อปี 2559 ในรูปแบบของสัญญาแฟรนไชส์ในต่างประเทศจนกระทั่งในปี 2560 ได้เพิ่มอีก 5 สาขาดังนี้ สาขาที่ 2 ที่เมือง Tianjin สาขาที่ 3 ที่เมือง Qingdao ประเทศจีน และสาขาที่ 4-6 ที่กรุง Phnom Penh ประเทศกัมพูชา สำหรับแนวทางที่ไปขยายเครือข่ายในต่างประเทศจะเน้นพื้นที่ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งย่อมมีกลุ่มที่เคยสัมผัสกับแบรนด์ในเครืออยู่ด้วย โดยเฉพาะในส่วนของ Let’s Relax ทั้งนี้ทาง SPA ไม่ได้เร่งรีบกับการขยายสาขาในต่างประเทศ แต่หากมีโอกาสเข้ามาก็พร้อมที่จะไปขยายกิจการ จึงอาจไม่ได้มีเครือข่ายในทุกประเทศของเอเชียแต่จะมุ่งเปิดหลายสาขาในประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น ประเทศจีน ภาพ: กิตติเดช เจริญพรติดตามอ่านฉบับเต็ม "Let’s Relax Spa นวดผ่อนคลายแบบ วิบูลย์ อุตสาหจิต" ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2561