<h2>วิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป หรือ SPA หนึ่งในทายาทรุ่น 2 ของตระกูลอุตสาหจิตที่ทรงอิทธิพลในแวดวงสิ่งพิมพ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จากชายผู้ชื่นชอบการผ่อนคลายด้วยศาสตร์แห่งการนวดแผนไทยสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยการก่อตั้ง Let’s Relax Spa</h2>
ทายาทรุ่น 2 แห่งสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น เสกสรรงานอดิเรกให้ขยับขยายกลายเป็นกิจการนวดเพื่อสุขภาพชั้นนำ ที่ทำรายได้ถึง 1 พันล้านบาทในปีนี้ โดยยังมุ่งเติบโตราว 20% ต่อปี พร้อมแจ้งเกิด Stretch me by Let’s Relax ดึงฐานลูกค้ารุ่นใหม่ปูทางสู่เส้นชัยสร้างแบรนด์สปาไทยให้เลื่องชื่อในเอเชีย

วิบูลย์ก็เป็นเช่นลูกหลานนักธุรกิจชาวจีนที่ถูกมอบหมายให้ร่วมบริหารกิจการกับพี่น้องที่สำนักพิมพ์บรรลือสาส์นของครอบครัวซึ่งก่อตั้งโดยบิดา คือ <strong>บันลือ อุตสาหจิต</strong>

<span style="color: #ff0000;">“ความรับผิดชอบในช่วงที่ช่วยธุรกิจของบรรลือสาส์นคือทำหน้าที่เป็น AE ไปขายงานพิมพ์ให้กับองค์กรต่างๆ”</span> <strong>วิบูลย์</strong> ฉายภาพภารกิจในฐานะทายาทพร้อมเล่าเพิ่มเติมอีกว่าครั้นเมื่อทำงานที่โรงพิมพ์เป็นเวลาหลายปีก็เริ่มเบื่อกับรูปแบบชีวิตจำเจจนเหมือนเดิมแทบทุกวัน

เขาจึงเริ่มมองหาสิ่งใหม่ที่แตกต่างจากเดิมลู่ทางใหม่ที่ตัวเขาและผู้ร่วมหุ้นค้นพบคือธุรกิจผลิตและจำหน่ายบัตรอวยพรปีใหม่หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “ส.ค.ส.” ซึ่งเมื่อปี 2533 ยังนับเป็นวิธีการส่งความปรารถนาดีที่นิยมอยู่ในหมู่คนไทย ในนามของบริษัทบลูมมิ่ง จำกัด แต่ก็ยังไม่ใช่คำตอบที่ลงตัว
<h2>ตัดริบบิ้น Let’s Relax</h2>
เมื่อมรสุมเศรษฐกิจในปี 2540 จากการลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเมืองไทยเป็นจำนวนมากกว่าในอดีต วิบูลย์และเพื่อนๆ จึงมองหาธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเฟื่องฟูด้วยความชื่นชอบในการนวดแผนไทยอยู่แล้วรวมถึงในเวลานั้นร้านนวดแผนไทยบางแห่งยังถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่มีบริการอื่นแอบแฝง

จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้ก่อตั้งมองว่าหากเปิดร้านที่มีภาพลักษณ์แตกต่างออกไปก็น่าจะเป็นโอกาสดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการและยังสามารถรองรับลูกค้าชาวไทยบางกลุ่มที่ไม่กล้าเข้าร้านรูปแบบเดิมให้มาลองใช้บริการกับที่ร้านได้

จึงนับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้วิบูลย์ได้มีโอกาสเรียนรู้ธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพในฐานะลูกค้า ก่อนจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผันตัวเองสู่ผู้ประกอบการอย่างเต็มตัวเมื่อปี 2541 ในรูปแบบของร้านที่ให้บริการนวดแผนไทยและนวดกดจุดฝ่าเท้าที่ใช้ชื่อว่า Let’s Relax ขึ้นที่บริเวณไนท์บาซาร์ จากการร่วมหุ้นของวิบูลย์พร้อมด้วยเพื่อนอีก 2 คน

<span style="color: #ff0000;">“อีกเหตุผลที่เลือกเปิดร้านนวดแผนไทยแห่งแรกที่เชียงใหม่ เพราะต้องการปิดเป็นความลับจากครอบครัว โดยเฉพาะพ่อที่เป็นคนจีนที่ค่อนข้างหัวโบราณ ไม่น่าจะชอบที่เราเปิดร้านนวด และกลัวว่าเราจะทำงานให้ครอบครัวไม่ได้เต็มที่จริงๆ”</span>

ในเวลานั้นยังไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องกำไรมากเท่ากับที่ต้องการสร้างร้านในแบบที่ตั้งใจไว้แต่สุดท้ายสาขาแรกก็ประสบความสำเร็จเกินคาด จากคุณภาพที่พยายามนำเสนอและด้วยแรงประชาสัมพันธ์ที่มาจากเรื่องราวของร้านได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือ Lonely Planet

<span style="color: #ff0000;">“ตอนนั้นเราทำด้วยใจรักจริงๆ จึงจัดเต็มมาก ถึงกับลงทุนสั่งเก้าอี้สำหรับนวดหลังไหล่มาจากสหรัฐอเมริกา ยังไม่ได้สนใจเรื่องขาดทุนกำไร แต่อยากทำร้านในแบบที่ต้องการจริงๆ”</span>

ด้วยจิตวิญญาณของผู้ประกอบการที่ไม่ท้อถอย แม้ต้องใช้เวลาในช่วงวันหยุดแอบไปดูแลกิจการที่เชียงใหม่เป็นเวลาหลายปีติดต่อกันเนื่องจากสถานะเจ้าของร้านนวดยังถูกเก็บงำเป็นความลับที่ไม่อาจให้ครอบครัวล่วงรู้ได้

แต่ท้ายที่สุดเรื่องราวนี้ก็ถูกเปิดเผยแบบไม่คาดฝัน จากเหตุการณ์ที่วิบูลย์และผู้ถือหุ้นเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกัน พอดีกับเป็นช่วงเวลาที่ตำรวจบุกมาตรวจค้นที่สาขาพัทยาพร้อมจับพนักงานไปที่สถานีตำรวจทำให้เรื่องราวการสร้างกิจการที่ซ่อนไว้ถูกเปิดเผยขึ้นกับครอบครัว
<h2>จากร้านนวดสู่ SPA</h2>
AEC (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน) เป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่ทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้นมองหาโอกาสที่จะยกระดับกิจการไปอีกขั้น เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยดึงคนเก่งมาเพิ่มสรรพกำลังให้แก่ทีมผู้บริหารโดยจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนและนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอเมื่อปี 2557

<span style="color: #ff0000;">“ถ้ายังต้องการทำแบบ hobby ก็มองว่าไม่ต้องขยายสาขาเพิ่มอีก แต่ถ้าต้องการเติบโตกว่านี้ ด้วยกำลังคน (ทีมบริหาร) ที่มีอยู่ในตอนนั้นคงไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทเพื่อดึงคนเก่งเข้ามาร่วมงานเพื่อนำไปสู่การเติบโตต่อไป”</span>

ปัจจุบัน SPA ประกอบธุรกิจบริการนวดเพื่อสุขภาพ โดยให้บริการแบบเดย์สปา (day spa) ภายใต้แบรนด์ Let’s Relax (38 สาขา ในประเทศ 32 สาขา และต่างประเทศ 6 สาขา) บริการเวลเนส สปา (wellness spa) ภายใต้แบรนด์ Rarin  JindaWellness Spa (3 สาขา) และร้านนวดเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “บ้านสวน มาสสาจ” (10 สาขา)

พร้อมรับบริหารและให้บริการคำปรึกษาด้านสปา รวมถึงแตกยอดไปยังกิจการที่เกี่ยวข้อง อาทิธุรกิจสถานศึกษาเกี่ยวกับการนวดแผนไทย การจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและเรือนร่าง

ล่าสุดบริษัทเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Stretch me by Let’s Relax ซึ่งเน้นให้บริการในเรื่องการยืดกล้ามเนื้อและยืดเส้น โดย therapist ที่เป็นนักกายภาพบำบัด ซึ่งเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการบำบัดด้าน office syndrome, city syndrome ตลอดจนนักกีฬาทั้งหลาย จึงเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนรุ่นใหม่ โดยวิบูลย์คาดว่าจะเปิดให้ได้ 2 สาขาภายในปีนี้และอีก 1 สาขาภายในต้นปี 2562
<h2>ผ่อนคลายนอกไทย</h2>
ทั้งนี้บริษัทเริ่มออกไปสร้างฐานธุรกิจในตลาดต่างประเทศ โดยเปิดสาขาแรกที่เมือง Kunming ประเทศจีน เมื่อปี 2559 ในรูปแบบของสัญญาแฟรนไชส์ในต่างประเทศจนกระทั่งในปี 2560 ได้เพิ่มอีก 5 สาขาดังนี้ สาขาที่ 2 ที่เมือง Tianjin สาขาที่ 3 ที่เมือง Qingdao ประเทศจีน และสาขาที่ 4-6 ที่กรุง Phnom Penh ประเทศกัมพูชา

สำหรับแนวทางที่ไปขยายเครือข่ายในต่างประเทศจะเน้นพื้นที่ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งย่อมมีกลุ่มที่เคยสัมผัสกับแบรนด์ในเครืออยู่ด้วย โดยเฉพาะในส่วนของ Let’s Relax ทั้งนี้ทาง SPA ไม่ได้เร่งรีบกับการขยายสาขาในต่างประเทศ แต่หากมีโอกาสเข้ามาก็พร้อมที่จะไปขยายกิจการ จึงอาจไม่ได้มีเครือข่ายในทุกประเทศของเอเชียแต่จะมุ่งเปิดหลายสาขาในประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น ประเทศจีน

<em>ภาพ: กิตติเดช เจริญพร</em>

<hr />

<a href="http://www.aisbookstore.com/Shop/Magazine/FORBES/f1065cc2-5b2a-4811-aa7b-20793e378f6b">ติดตามอ่านฉบับเต็ม "Let’s Relax Spa นวดผ่อนคลายแบบ วิบูลย์ อุตสาหจิต" ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2561</a>

<img class="alignnone wp-image-3346" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/COVER-DECEMBER-67--780x1024.jpg" alt="สังคมสูงวัย" width="311" height="563" />

Let’s Relax Spa นวดผ่อนคลายแบบ วิบูลย์ อุตสาหจิต

<h2>ดาราและนางแบบคนดังของไทยเปลี่ยนความหลงใหลใน 'ธรรมชาติ' และ 'สปาบำบัด' เป็นธุรกิจ แม้เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ แต่ความฝันของศรีริต้า เจนเซ่น ยิ่งใหญ่ หลังออกเดินก้าวแรกได้อย่างมั่นคง ก้าวถัดไปของออกานิก้าคือการสร้างรีสอร์ตและสปารีทรีตครบวงจร</h2>
คาเฟ่สีขาวตกแต่งในสไตล์ยุโรปแน่นขนัดไปด้วยลูกค้าเต็มทุกโต๊ะแม้เป็นช่วงบ่ายวันธรรมดา นักท่องเที่ยวอีกจำนวนมากนั่งรอคิวอยู่ด้านนอกร้าน <strong>Organika House</strong> บนชั้น 6โครงการพิมาน 49 ย่านทองหล่อ ชื่อเสียงของคาเฟ่แห่งนี้ที่ได้รับการบอกปากต่อปากมาจากบรรยากาศเสมือนได้นั่งละเมียดชาอุ่นๆ กลางเรือนกระจกในต่างประเทศ

ถัดไปด้านล่างอีก 1 ชั้น คือ <strong>Organika Secret Spa </strong>สปาระดับลักชัวรี่ขนาด 5 ห้องที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของออกานิก้า เฮ้าส์ในการบริการ ไม่ว่าจะเป็นเทียนนวดสปา สครับขัดผิว โลชั่นบำรุงผิวกาย ฯลฯ

ผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดเป็นการรังสรรค์โดยดาราและนางแบบวัย 36 ปี <strong>ศรีริต้า เจนเซ่น </strong>กรรมการผู้จัดการ <strong>บริษัท ออกานิก้า เฮ้าส์ จำกัด</strong> ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องหอม สปาบำบัด ที่มีเอกลักษณ์ด้านส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ 95% เป็นวัตถุดิบออร์แกนิกส์ปลอดสารเคมี

<span style="color: #ff0000;">“ก่อนอื่นคือเราอยากทำธุรกิจอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ธุรกิจอะไรก็ได้ที่โกยเงิน เราอยากจะทำธุรกิจจริงๆ ที่เติบโตได้อย่างยั่งยืน”</span> ศรีริต้ากล่าวถึงที่มาของแบรนด์ออกานิก้าซึ่งเธอศึกษามานาน 2 ปี ก่อนที่จะเริ่มลงมือก่อตั้งเมื่อปี 2557

&nbsp;
<h2>ธรรมชาติและเรือนกระจก</h2>
ศรีริต้าฉายภาพนิยามของออกานิก้า เฮ้าส์ก่อนว่า มาจากความรักธรรมชาติและมองว่ามนุษย์กับธรรมชาติเติบโตมาจากรากเดียวกันทำให้ออกานิก้าเป็นแบรนด์ที่ต้องการสร้างสถานที่ซึ่งเปิดโอกาสให้มนุษย์ได้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอีกครั้งหนึ่ง

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/342f81d61d9eb89a2364b92b2128af1e.jpg" alt="" />

จากนิยามดังกล่าวเธอจึงพัฒนาแฟล็กชิปสโตร์ขึ้นที่โครงการพิมาน สุขุมวิท 49 ซึ่งมีการบริการครบวงจรคือสปา ร้านอาหาร และมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาออร์แกนิกส์โดยสร้างสรรค์ทุกส่วนประกอบให้ตอบสนองประสาทสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์ ได้แก่

1. การมองเห็น ผ่านการออกแบบร้านที่สวยงามในสไตล์เรือนกระจกด้วยโทนสีขาว-เขียว ซึ่งช่วยให้รู้สึกสดชื่น 2. การลิ้มรส ผ่านอาหารและเครื่องดื่มในคาเฟ่ที่คัดสรรวัตถุดิบออร์แกนิกส์ชั้นดี 3. การฟัง ผ่านดนตรีภายในร้านอาหารที่ช่วยให้รู้สึกรื่นรมย์ 4. การสัมผัส ผ่านการนวดในสปาบำบัดที่ Secret Spa และ 5. กลิ่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของออกานิก้า เฮ้าส์ เนื่องจากกลิ่นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกสูง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นในสปาหรือกลิ่นของชาในคาเฟ่ สามารถช่วยให้มนุษย์รู้สึกสงบผ่อนคลายได้

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/813ee5444fa30ad7f9846809e1736bb1.jpg" alt="" width="638" height="426" /><figcaption> คาเฟ่และร้านอาหารออกแบบผ่านแนวคิดเรือนกระจกแบบยุโรปสีขาว-เขียว มีเมนูเด่น เช่น เซ็ตน้ำชาแบบ high tea ซึ่งสูตรชาเป็นการเลือกเบลนด์ส่วนผสมขึ้นใหม่โดยเฉพาะ</figcaption></figure>

นั่นทำให้ปัจจุบันออกานิก้ายังคงมีแฟล็กชิปสโตร์เฉพาะที่สุขุมวิท 49 นอกจากนั้นมีร้านสาขาจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพียง 3 แห่ง คือ สยามพารากอน คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ และคิง เพาเวอร์ ศรีวารีคอมเพล็กซ์ บางนา-ตราด เนื่องจากเป้าหมายของแบรนด์ต้องการสร้างสถานที่ให้บริการเพื่อผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจมนุษย์ มากกว่าการขยายสาขาเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้ได้รายได้และกำไรสูงสุดเท่านั้น

&nbsp;
<h2>จุดขายคือสไตล์ที่แตกต่าง</h2>
เอ็มดีหญิงของออกานิก้า เฮ้าส์กล่าวต่อว่าปัจจุบัน 90% ของลูกค้าทั้งส่วนผลิตภัณฑ์ สปา และคาเฟ่ เป็นชาวต่างชาติ เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรป และอาหรับ ซึ่งเป็นความตั้งใจตั้งแต่ต้นที่จะเจาะตลาดนักท่องเที่ยว มุ่งมั่นให้ออกานิก้าซึ่งเป็นแบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวต่างชาติก่อนแล้วจึงขยายมาเจาะกลุ่มชาวไทยในอนาคต

ศรีริต้าวิเคราะห์แบรนด์ของตนเองว่าเหตุที่สามารถประสบความสำเร็จได้แม้เป็นแบรนด์รุ่นน้องที่มาทีหลังนั้น เกิดจากความกล้าที่จะแตกต่าง โดย 2 ปีก่อนที่จะเริ่มก่อตั้งบริษัทเธอได้ศึกษาคู่แข่งในตลาดและพบว่าผลิตภัณฑ์สปาเมืองไทยยี่ห้อดังที่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติล้วนเลือกใช้ความเป็นไทยในการออกแบบ โดยใช้สีดำ-ทองหรือลายไทยเป็นเอกลักษณ์แบรนด์

<span style="color: #ff0000;">“เราตั้งใจอาศัยจุดนี้แหละ ช่องว่างที่ไม่มีแบรนด์สปาไหนในเมืองไทยทำมาตีตลาด เราใช้สีสันที่แตกต่างออกไป เราหยิบความเป็นฝรั่งของตัวริต้าและคอนเซปท์เรือนกระจกมาใช้ ซึ่งคนอื่นไม่กล้าจับต้องเพราะเขาคิดว่าต่างชาติไม่ซื้อแน่ๆ เราใช้ความแตกต่างโดยสิ้นเชิงเลยมาเป็นกลยุทธ์”</span>

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f5d11b8272d10e9b0f17d4a1d72bcd13.jpg" alt="" width="638" height="484" /><figcaption> ออกานิก้ามีจำหน่ายสินค้ากว่า 100 SKUs เช่น Home Diffuser สบู่ เกลืออาบน้ำ ผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ ฯลฯ สินค้าเด่นคือ ลิปสครับผลิตจากไม้ไผ่และน้ำตาลทรายแดงกับเทียนนวดสปาที่สามารถใช้น้ำมันเทียนนวดบำรุงผิวได้</figcaption></figure>

สำหรับก้าวที่ 2 ของออกานิก้า เฮ้าส์ ศรีริต้ากล่าวว่าเธอจะเปิดสาขาใหม่ในเดือนตุลาคม 2561 ที่ศูนย์การค้าทาคาชิมาย่า โครงการไอคอนสยาม ถนนเจริญนคร โดยสาขานี้จะประกอบด้วยร้านอาหารและร้านค้าผลิตภัณฑ์

นอกจากนั้นยังมีความร่วมมือระหว่างแบรนด์ต่อยอดจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน ขณะนี้ออกานิก้ามีความร่วมมือกับ <strong>โรงแรมศรีพันวา</strong> จ.ภูเก็ต ในการใช้ผลิตภัณฑ์ Home Diffuser ของบริษัทในห้องพัก และใน <strong>โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ</strong> ซึ่งใช้ผลิตภัณฑ์เทียนน้ำมันนวดในสปาของโรงแรม ส่วนปีนี้ออกานิก้าจะมีความร่วมมือกับ <strong>สวารอฟสกี้</strong> ในแง่ของการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8c3955fcaffcc2b2822972a2d25b1524.jpg" alt="" width="638" height="426" /><figcaption> Organika Secret Spa มีสปา 4 ห้องขนาดมาตรฐาน และ 1 ห้องสปาขนาดใหญ่บริการนวดหลายรูปแบบ เช่น นวดไทย นวดอะโรม่า นวดผ่อนคลายความเครียด</figcaption></figure>

และในปี 2563 ศรีริต้าจะเปิดตัวโครงการที่ขยายใหญ่ขึ้นอีกระดับ นั่นคือรีสอร์ต สปา แอนด์ รีทรีต ซึ่งมีโปรแกรมเพื่อบำบัดรักษาสุขภาพ ผ่านการพักผ่อนในรีสอร์ต อาหาร เครื่องดื่ม สปา และกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น โยคะ นั่งสมาธิ เป็นต้น ทั้งนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดโครงการหรือทำเลที่จะพัฒนาได้

“เราจะทำ sanctuary ของตนเอง ที่ที่มนุษย์ไปแล้วจะผ่อนคลายได้อย่างเต็มรูปแบบ มีพลังของการเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจจากภายในถึงภายนอก”

ศรีริต้ายังกล่าวด้วยว่า เธอวางเป้าการเติบโตของรายได้บริษัทในปี 2561 ไว้ที่ 20% โดยขอไม่เปิดเผยรายได้ล่าสุด ในขณะที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารายงานข้อมูล บริษัท ออกานิก้า เฮ้าส์ จำกัด เมื่อปี 2560 มีรายได้ 24.38 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 25% สะท้อนความก้าวหน้าที่ดีของบริษัท

&nbsp;
<h2>ส่งแบรนด์ไกลระดับโลก</h2>
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายใต้แบรนด์ออกานิก้า ดาราสาวยืนยันว่าตนเองเป็นผู้ลงมือทำเองทุกขั้นตอน “ออกานิก้าไม่มีหุ้นส่วนค่ะ เงินทุกบาทเป็นเงินของริต้าเอง และไม่มีคนช่วยคิด ออกานิก้าคือศรีริต้า เจนเซ่น 100%”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/68fc76145137783ae08c0cb5114c23c6.jpg" alt="" />

เธอยังกล่าวด้วยว่า การวางระบบภายในควบคู่กับการรักษาเอกลักษณ์แบรนด์คือการสร้างความแข็งแกร่งเพื่อเตรียมตนเองสำหรับความฝันที่ยิ่งใหญ่ขึ้นของศรีริต้า คือความต้องการที่จะเป็น global brand ขยายสาขาไปยังภูมิภาคอื่น อย่างไรก็ตาม

ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีบริษัทหลายรายติดต่อเข้ามาเพื่อขอร่วมเป็นพันธมิตร แต่ศรีริต้าบอกว่าเธอไม่ได้รีบร้อนที่จะตอบรับคำเชิญ เพราะมองว่าความพร้อมของบริษัทแม่ในไทยสำคัญกว่าการเร่งขยายตัว

“เราไม่มีเงินมากพอที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในคราวเดียว ริต้าก็ต้องสร้างจากสิ่งเล็กๆ ก่อน ทำให้ทุกก้าวต้องระวังตัวมาก เรามีทุนน้อย หยาดเหงื่อแรงงานของเราจึงต้องนำมาใช้ให้ครบทุกขั้นตอนการทำงาน” เอ็มดีหญิงแห่งออกานิก้า เฮ้าส์กล่าวปิดท้าย

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/21d3e743e6a2c8c823126acf96c6403b.jpg" alt="" />

https://www.youtube.com/watch?v=zP0yBahPNbU&amp;amp;t=47s

ภาพ: กิตติเดช เจริญพร และออกานิก้า เฮ้าส์

ศรีริต้า เจนเซ่น บนเส้นทางตามฝันปรัชญา 'กลิ่นบำบัด'

อมาธารา เวลเนส รีสอร์ท จับมือกับ โรงพยาบาล กรุงเทพภูเก็ต และบางกอกแอร์เวย์ส ชูโปรแกรมท่องเที่ยวสุขภาพครบวงจรครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมตั้งเป้า Top 5 Wellness Destination ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงนามความร่วมมือกับโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต พัฒนาโปรแกรมการบริการด้านเวลเนสและสุขภาพแบบองค์รวมอย่างครบวงจร (Integrative Wellness Program) โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและโปรแกรมการดูแลและส่งเสริมสุขภาพดี ครอบคลุมทั้งแผนการบริการด้านสุขภาพแบบบูรณาการ

<span style="color: #ff0000;">“อมาธาราเวลเนสรีสอร์ท ร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต นำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ ด้วยการร่วมกันพัฒนาโปรแกรมการส่งเสริมและดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Integrative Wellness Program) มุ่งเน้นด้านการดูแลสุขภาพสมอง การดูแลส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมทั้งกายใจจิต และการชะลอวัยอย่างครบวงจร เริ่มตั้งแต่การดูแลตรวจสุขภาพสมองภายใต้มาตรฐานทางการแพทย์ระดับสากล การให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ แผนโภชนาการหลังการรักษา การพักผ่อนพร้อมทำทรีตเม้นต์และให้ความรู้ไลฟ์สไตล์เพื่อป้องกันโรคและเสริมสร้างให้มีสุขภาพดีปราศจากโรคภัยต่างๆ”</span> <strong>ผศ.ดร. ปรารถนา ปุณณกิติเกษม</strong> กรรมการผู้จัดการ อมาธาราอะ เดสทิเนชั่น สปา จำกัด กล่าว

การประกาศความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในภูมิภาคที่มีการลงนามระหว่างเวลเนสรีสอร์ทกับโรงพยาบาลและสายการบินชั้นนำ เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวด้านสุขภาพชั้นนำแห่งเอเชีย โดยมีเป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็น Top 5 Wellness Destination ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลักดันมาตรฐานเวลเนสไทยไปสู่ระดับสากล พร้อมๆ กับการส่งเสริมกลุ่มตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

ด้าน <strong>นายแพทย์ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์</strong> ประธานคณะผู้บริหารเครือโรงพยาบาลกรุงเทพกลุ่มภาคใต้และกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ และมีอีกหลายโรคที่เกี่ยวข้องซึ่งยังไม่สามารถหาวิธีรักษาได้ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ และยังเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตติดอันดับ 1 ใน 10 ของผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เราได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ การออกแบบโปรแกรมตรวจวิเคราะห์โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ค้นคว้าวิธีในการชะลอความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

<span style="color: #ff0000;">“ความร่วมมือของ Brain Health Institute โรงพยาบาลกรุงเทพ ภูเก็ต กับ อมาธาราเวลเนสรีสอร์ท การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโปรแกรมด้านสุขภาพแบบองค์รวม โดยเฉพาะสุขภาพของสมองครั้งนี้ เป็นความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเราเชื่อว่าจากประสบการณ์ด้านการดูแลและบริการ บรรยากาศที่สวยงาม และสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ 5 ดาวของ อมาธารา และความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จะทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถสัมผัสถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริง มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอย่างยั่งยืนต่อไป”</span> นายแพทย์ก้องเกียรติกล่าว

<strong>อรจิรา คนองชัยยศ</strong> ผู้อำนวยการแผนกส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจพันธมิตร ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สายการบินบางกอกแอร์เวย์สร่วมกับอมาธารา เปิดโอกาสให้สมาชิกโปรแกรมฟลายเออร์โบนัสสามารถใช้คะแนนสะสมแลกเป็นห้องพักสุดหรู รวมทั้งการได้รับคะแนนสะสมจำนวน 10 แต้ม สำหรับการเข้าพักทุกๆ 1 คืนที่ อมาธารา เวลเนส รีสอร์ท เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 15 กันยายน 2559 เป็นต้นไป และเพื่อฉลองความร่วมมือในครั้งนี้ สมาชิกจะได้รับคะแนนสะสมจากเดิม 10 แต้ม เพิ่มเป็น 20 แต้ม สำหรับการเข้าพักทุกๆ 1 คืนที่ อมาธาราเวลเนสรีสอร์ท ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ตุลาคม 2559 เท่านั้น โดยทั้งสองฝ่ายมีแผนจะจัดโปรโมชั่นพิเศษร่วมกันตลอดปีสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปเพื่อเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น”

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events