ไมเนอร์ฟู้ดเปิดน่านน้ำใหม่ ส่ง ‘ซิซซ์เล่อร์’ ลุยเวียดนาม Q1/67 พร้อมไอศกรีมบุกอินโดฯ กลางปีนี้ - Forbes Thailand

ไมเนอร์ฟู้ดเปิดน่านน้ำใหม่ ส่ง ‘ซิซซ์เล่อร์’ ลุยเวียดนาม Q1/67 พร้อมไอศกรีมบุกอินโดฯ กลางปีนี้

ไมเนอร์ฟู้ดฯ เปิดน่านน้ำใหม่ ส่งซิซซ์เล่อร์สเต๊กลุยเวียดนามไตรมาสแรก พร้อมบุกไอศกรีมอินโดนีเซียกลางปีนี้ รับชนชั้นกลางโต ส่วนไทยปรับเมนูอีกระลอก ขยายฐานทั้งบน-ล่าง รั้งลูกค้าเดิมเพิ่มลูกค้าใหม่ ดันโตรายได้ 10% ปีนี้ จากปีก่อนโต 5%


    กรีฑากร ศิริอัฐ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเริ่มขยายธุรกิจอาหารสู่ประเทศเวียดนามเป็นครั้งแรก โดยการเปิดซิซซ์เล่อร์สาขาแรกที่ Crescent Mall โฮจิมินห์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนของบริษัท โกลด์ซัน กรุ๊ป แฟรนไชส์ท้องถิ่นที่ทำตลาดให้กับแบรนด์อาหารของกลุ่มไมเนอร์ ฟู้ด หลายแบรนด์ อาทิ เดอะพิซซ่า, ไอศกรีมสเวนเซ่นส์, พูเลย์ และไทย เอ็กซ์เพรส เป็นต้น มาหลายปีแล้ว

    “เวียดนามเป็นตลาดต่างประเทศลำดับที่ 3 ที่ไมเนอร์วางแผนขยายธุรกิจเข้าไป เราสนใจเอาซิซซ์เล่อร์ไปเวียดนามอยู่แล้ว แต่แฟรนไชส์ซีเดิมในเวียดนามสนใจ และขอมาดูซิซซ์เล่อร์ในเมืองไทย ภายในไม่ถึงเดือนก็เปิดสาขาแรกเลย โฮจิมินห์ไม่มีร้านสเต๊กลักษณะเดียวกับซิซซ์เล่อร์ จึงไม่มีคู่แข่งโดยตรง” กรีฑากรบอก

    เขาอธิบายเพิ่มอีกว่า ไมเนอร์เห็นโอกาสตลาดในเวียดนาม ก็เพราะว่ามีจำนวนประชากรสูง ชนชั้นกลางขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และคนรุ่นใหม่เปิดรับวัฒนธรรมการกินอาหารตะวันตก เดอะพิซซ่า คอมปะนีจึงสามารถเปิดสาขากว่า 70 แห่งในเวียดนาม

    “ยอดขายของซิซซ์เล่อร์ในโฮจิมินห์สาขาแรกเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ลูกค้าที่นั่นบางส่วนรู้จักแบรนด์ของเราจากการเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย พันธมิตรของเราได้ขอเปิดสาขาเพิ่มในพื้นที่อื่นๆ แต่เนื่องจากธุรกิจของซิซซ์เล่อร์ในเวียดนามค่อนข้างต่างจากเมืองไทย เราจึงขอเวลาศึกษาตลาด เพื่อให้แน่ใจและดูความเหมาะสมว่าควรจะเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ใดจึงจะเหมาะสมที่สุด เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง” กรีฑากรกล่าว

    ปัจจุบันธุรกิจของไมเนอร์ ฟู้ด ในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 30-40% ของรายได้ไมเนอร์ ฟู้ดทั้งหมด และหากจะขยายธุรกิจอาหารให้เติบโตยิ่งขึ้นไปอีก และกลายเป็นผู้เล่นในระดับภูมิภาค กรีฑากรมองว่าจะต้องขยายสาขาและขยายประเทศใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กัน

    โดยนอกจากเวียดนามแล้ว ก่อนหน้านี้กลุ่มไมเนอร์ได้เข้าไปซื้อกิจการของไอศกรีมแดรี่ควีนที่อินโดนีเซียต่อจากแฟรนไชส์รายเดิม ขณะนี้อยู่ระหว่างการถ่ายโอนธุรกิจ และเตรียมพร้อมทีมเพื่อขยายตลาดอย่างเป็นทางการในกลางปีนี้

    ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ผู้บริหารระดับสูงได้ประกาศนโยบายการขยายตลาดอาหารในต่างประเทศอย่างชัดเจน จากฐานที่มั่นในจีนและออสเตรเลีย ได้เริ่มขยายไปเวียดนามและอินโดนีเซียปีนี้ หลังจากนั้นจะขยายธุรกิจไปยังสิงคโปร์และอินเดียด้วย

    “ก่อนหน้านี้ไมเนอร์ฯ ขยายธุรกิจในไทยเป็นหลัก ถ้าเราจะเป็น Regional Player เราจะต้องขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทั้งเปิดสาขาใหม่ของแบรนด์เดิม และเอาแบรนด์ใหม่ๆ เข้าไป” กรีฑากรกล่าว

    สำหรับตลาดเมืองไทย วันนี้ (5 เม.ย. 2567) ‘อนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์’ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศแผนเชิงรุกของซิซซ์เล่อร์ หลังจากธุรกิจเริ่มกลับมาเติบโตดีอีกครั้งตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา และดีต่อเนื่องถึงไตรมาสแรก ที่ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


    กลยุทธ์ที่จะเติบโตยอดขายของซิซซ์เลอร์ให้ได้ถึง 10% ในปีนี้ ยังคงเน้นเรื่องความสดของสินค้า สร้างโอกาสและเพิ่มความถี่ในการกินซิซซ์เล่อร์ในแต่ละโอกาสผ่านเมนูใหม่ๆ อาทิ สเต๊กพรีเมียมในสไตล์อเมริกันแท้ในรูปแบบบาร์บีคิว ได้แก่ บาร์บีคิวเนื้อ & บัฟฟาโลวิงส์แรนช์ซอส, บาร์บีคิวหมู & บัฟฟาโลวิงส์แรนช์ซอส และบาร์บีคิวปลากะพง และกุ้งลายเสือ & บัฟฟาโลวิงส์แรนช์ซอส


    พร้อม 3 เมนูเครื่องดื่มใหม่ ได้แก่ ช็อกโกแลต บราวนี่ มิลค์เชค แบล็กฟอเรสต์ มิลค์เชค และซอล์ทเท็ด คาราเมล มิลค์เชค และการมอบสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก เพื่อดึงดูดผู้บริโภคเดิมและผู้บริโภคหน้าใหม่พร้อมเพิ่มความถี่ในการกลับมาใช้บริการ

    “การสร้างลอยัลตี้เมมเบอร์ ด้วยกลยุทธ์ตลาดที่ชัดเจน ทำให้กลุ่มลูกค้าเหล่านี้กับมาใช้บริการถี่ขึ้นกว่าเดิม เชื่อหรือไม่ว่า ยอดขายของซิซซ์เลอร์ 1 ใน 4 มาจากลอยัลตี้เมมเบอร์จากเดิมที่มีสัดส่วนอยู่เพียงแค่ 12% เท่านั้น”อนิรุทร์กล่าวและว่า อีกกลยุทธ์ที่จะเน้นในปีนี้คือ การนำเสนอสเต๊กพรีเมียม ซึ่งเทรนด์ตลาดสินค้านี้เติบโตถึง 5% ในปีที่ผ่านมาทั้งตลาดเมืองไทยและเอเชียแปซิฟิก ปัจจุบันอาหารในร้านซิซซ์เล่อร์มีสัดส่วนสินค้าพรีเมียมราว 20%

    “เรามีความตั้งใจที่จะทำให้อาหารธรรมดา มีความเป็น extraordinary experience เราจะรีแบรนด์ดิ้งยูนิฟอร์ม เปลี่ยนรูปแบบใหม่ตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป และจะใช้ยูนิฟอร์มใหม่ทุกสาขาภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้” อนิรุทร์กล่าว

    ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2566 ซิซซ์เล่อร์มีสาขาทั้งหมด 63 สาขาในเมืองไทย และญี่ปุ่น 10 สาขาใน บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ในเมืองไทยอีก 3 แห่ง ซึ่งทำให้สาขาของซิซซ์เล่อร์ในไทยมีทั้งสิ้น 66 สาขาในปลายปีนี้ โดยซิซซ์เล่อร์สาขาแรกได้เปิดไปเมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่เซ็นทรัล นครปฐม ส่วนอีก 2 สาขา จะเปิดที่กรุงเทพฯ1 สาขา และอีก 1 สาขาอาจจะเป็นที่จังหวัดกระบี่

    “จากการดำเนินกลยุทธ์ทั้งหมด ซิซซ์เล่อร์เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถสร้างเติบโตได้ 10% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” อนิรุทร์บอก



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว’ เล็ง IPO ภายในปี 2570 ตั้งเป้า 3 ปี รายได้แตะ 5 พันล้าน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine