คว้าโอกาสการตลาดดิจิทัลบูม Ready Planet เปิดบริษัทลูก ขยายเจาะกลุ่มคอร์ปอเรท-เอเจนซี่ - Forbes Thailand

คว้าโอกาสการตลาดดิจิทัลบูม Ready Planet เปิดบริษัทลูก ขยายเจาะกลุ่มคอร์ปอเรท-เอเจนซี่

วงการดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งบูมต่อเนื่อง ล่าสุด Ready Planet เปิดตัวบริษัทลูก Ready Planet MAX เจาะตลาดองค์กรเเละเอเจนซี่ ชูบริการเป็นพาร์ทเนอร์ครบวงจรเเบบ All-in-One ง่าย เร็ว ประหยัด 

ทรงยศ คันธมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรดดี้ เเพลนเน็ต จำกัด (Ready Planet) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยในปัจจุบัน มีการเติบโตมากกว่า 20% ต่อปี ทั้งด้านผู้ประกอบการ การขายสินค้าออนไลน์เเละความเคลื่อนไหวขององค์กรใหญ่ที่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยน เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความนิยมในการใช้สื่อออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“จากข้อมูลพบว่า 80% ของคนไทยกว่า 70 ล้านคน สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งส่งผลให้ตลาดอี-คอมเมิร์ซเเละสื่อโฆษณาออนไลน์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวเลขคาดการณ์ว่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 20% ในช่วง 5 ปีจากนี้ไป นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความต้องการด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งเพิ่มมากขึ้น”

สำหรับผลประกอบการในปี 2561 ของ Ready Planet ที่ให้บริการแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักจากจำนวนลูกค้า 1.8 หมื่นราย คือ ดิจิทัลแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเอง อย่างเช่นเว็บไซต์สำเร็จรูป โมบายแอปพลิเคชั่นพร้อมใช้และโฆษณาออนไลน์ มีรายได้ประมาณ 280 ล้านบาท โดยนับว่าเติบโตขึ้นมากกว่าปีก่อนราว 20% ทั้งภาคส่วน SME ที่เติบโตขึ้นเเละมีการบริหารงบโฆษณาดิจิทัลให้ลูกค้ามากกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี

ทรงยศ คันธมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรดดี้ เเพลนเน็ต จำกัด

เปิดบริษัทลูก เจาะตลาดคอร์ปอเรท-เอเจนซี่

ที่น่าจับตามองคือ รายได้จากกลุ่มคอร์ปอเรทมีเพิ่มขึ้นทุกๆ ปีนี้ จึงเป็นที่มาของการเปิดบริษัทใหม่อย่าง เรดดี้ เเพลนเน็ต เเม็กซ์ จำกัด (Ready Planet MAX)  เพื่อรองรับลูกค้าองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เเละพร้อมร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ให้มาร์เก็ตติ้ง เอเจนซี่ที่ต้องการโซลูชั่นเเละเครื่องมือดิจิทัลมาเสริมบริการของตัวเองให้เเข็งเเกร่งขึ้น

สำหรับเทรนด์ "ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง" ในปีนี้จะเป็นการใช้ Marketing Automation และนำ Big Data มาใช้เป็นเครื่องมือหลักในการบริหารการตลาด

จุดเเข็งของเราคือการเป็น All-in-One Marketing-Tech Platform ที่ดูเเลตั้งเเต่วางเเผนกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล วิเคราะห์ธุรกิจ ออกเเบบเเคมเปญเเละประเมินผลลัพธ์ รวมถึงการให้คำปรึกษาเพื่อสร้างเเบรนด์ให้เติบโต โดยเรามีเเพลตฟอร์มของตนเองที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญมายาวนาน คุ้นเคยกับลูกค้าทุกประเภท ซึ่งการมีเเพลตฟอร์มเเบบ Ready to Use ทำให้ได้เปรียบในการวางระบบให้องค์กรได้รวดเร็วภายใน 1 เดือนเเละมีราคาถูกกว่าการจ้างเขียนเเพลตฟอร์มที่ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดทรงยศระบุ

ด้าน บุรินทร์ เกล็ดมณี รองกรรมการผู้จัดการ Ready Planet ผู้ที่จะมารับตำเเหน่งดูเเลในภาคส่วนของ Ready Planet MAX กล่าวว่า ด้วยตลาดที่เปลี่ยนไปอย่างมาก หลายองค์กรจึงต้องรีบปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อไม่ให้ตกยุคเเละเสียฐานลูกค้าไป จึงเป็นโอกาสของ Ready Planet MAX  ที่จะเข้าไปช่วยทั้งด้านการวางเเผนดำเนินการวัดผลเเละขยายผลตอบสนองความต้องการของตลาดได้ทันที

เราคิดโซลูชั่นต่างๆมาจากการวิเคราะห์ความต้องการของตลาด เป็นรูปแบบที่มากกว่าเเคมเปญหรือโครงการ เราเรียกว่า Beyond Campaign Solutions  ที่เน้นการดูเเลลูกค้าในระยะยาว ให้บริการภาพรวมการใช้ดิจิทัล เรามีเเพลตฟอร์มการตลาดของตัวเองอยู่เเล้ว สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้ตรงความต้องการได้ทันที การทรานสฟอร์มเมชั่นของธุรกิจขนาดใหญ่จะทำได้ง่าย รวดเร็ว ด้วยงบประมาณที่คุมได้เเละมีความปลอดภัยทางข้อมูลในระดับสูง

โดยเร็วๆนี้ จะมีการเปิด open house เพื่อพูดคุยกับองค์กรต่างๆ ที่สนใจในการพัฒนาด้านดิจิทัล ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าองค์กรรายใหญ่ที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการกว่า 80 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธุรกิจความงาม และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค   

“Ready Planet MAX ตั้งเป้าจะเติบโตให้ได้ 25% ในปีนี้ โดยมองว่าความต้องการของตลาดคอร์ปอเรทในไทยยังไปได้อีกมาก ต้องโฟกัสในประเทศก่อน

ชูจุดเด่น Marketing Tech Solution Partner

ขณะที่ สรชาติ ใจคิด รองกรรมการผู้จัดการ  Ready Planet ระบุว่า ธุรกิจรายใหญ่นั้น มีความต้องการเเตกต่างจากลูกค้าผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งจะเป็นเเผนระยะยาวเเบบครบวงจรมากกว่าการซื้อเเพลตฟอร์มสำเร็จรูปครั้งเดียว โดยโซลูชั่นทางการตลาดที่บริษัทประกาศนำเสนอบริการจะเริ่มต้นด้วย 3 โซลูชั่นหลัก ได้เเก่ 1) Lead gen solution สำหรับการหาลูกค้าที่ตรงกลุ่มและมีศักยภาพ 2) Digital CRM Solution สำหรับการบริหารความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และ 3) E-Commerce solution สำหรับการค้าออนไลน์แบบครบวงจรซึ่งในอนาคตจะมีการออกแบบโซลูชั่นใหม่เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในด้านอื่นๆเพิ่มเติม

โดยบริการทั้งหมดนี้มีพื้นฐานจากการบริการดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งที่ทางบริษัทมีอยู่เเล้ว อย่าง Digital Presence เช่น เว็บไซต์และโมบายแอปฯ ระบบจัดการฐานลูกค้า บริการโฆษณาออนไลน์ หรือการทำ Content Marketing เพื่อเล่าเรื่องหรือสื่อสารเเบรนด์อย่างสร้างสรรค์ วางกลยุทธ์การสื่อสารผ่าน Influencer เเละการออกเเบบสื่อวิดิโอซึ่งกำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นในเรื่อง Digital CRM ระบบจัดการลูกค้าเเละบริหารทีมขาย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยทีมวิศวกรของบริษัทโดยตรง

เรามองเห็นโอกาสที่จะร่วมมือกับเอเจนซี่ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด แต่ยังขาดเครื่องมือด้านดิจิทัล ให้เป็นพาร์ทเนอร์ที่เสริมสร้างจุดเเข็งเสริมจุดอ่อนให้กันเเละกัน มากกว่าจะมองว่าเป็นคู่เเข่งธุรกิจ