มาแน่ แต่เมื่อไหร่? Apple ยืนยันยังพัฒนารถ EV อัจฉริยะ เจอกัน 2028 - Forbes Thailand

มาแน่ แต่เมื่อไหร่? Apple ยืนยันยังพัฒนารถ EV อัจฉริยะ เจอกัน 2028

ยังจำกันได้ไหม? บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Apple เองก็เคยประกาศเข้าร่วมศึกในสมรภูมิยานยนต์อันดุเดือดด้วยเช่นกัน กับโครงการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติสุดล้ำสมัย “Project Titan” ที่เริ่มต้นในปี 2014 ก่อนข่าวคราวจะค่อยๆ เงียบหายไปตามกาล จนหลายคนอาจลืมไปแล้ว


    หรือ Apple จะพับโครงการ?

    คำตอบคือไม่ใช่ อ้างอิงรายงานข่าวโดย Bloomberg เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2024 ที่ผ่านมา พวกเขาเพียงแค่เลื่อนวันเปิดตัวออกไป จากกำหนดการเก่าคือปี 2026 ไปเป็นปี 2028 แทน เรื่องด้วยต้องปรับเปลี่ยนแบบรถยนต์ในหลายส่วน โดยหลักๆ แล้วคือการลดสมรรถนะของรถลงจากที่เคยวางแผนการไว้ในตอนแรก


เลื่อนแล้ว เลื่อนอีก จะหยุดเลื่อนเมื่อไหร่?

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Apple ประกาศเลื่อนวันเปิดตัวรถ EV อัจฉริยะแห่งอนาคต หลังเผย Project Titan ในปี 2014 ซึ่งได้รวบรวมบรรดาวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 คนมาร่วมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าล้ำสมัย ก็มีข่าวคราวว่าทางบริษัทปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการครั้งแล้วครั้งเล่า จนปี 2016 ลือกันว่า Apple ถอดใจยุบโปรเจ็กต์ไปแล้ว แต่ก็มีรายงานว่าพวกเขาเลื่อนวันเปิดตัวไปยังปี 2019-2020 แทน

    กระทั่งในปี 2018 นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo ก็บอกว่า Apple ขยับวันที่เผยโฉม Apple Car อีกครั้ง กำหนดการใหม่อยู่ระหว่างปี 2023-2025 แต่พอเข้าปี 2019 ก็มีข่าวว่าบริษัทเทครายใหญ่ลดพนักงานในส่วนของการพัฒนารถยนต์อัตโนมัติออก 200 คน โครงการนี้จึงยิ่งดูเหมือนฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

    อย่างไรก็ตาม ในรายงานของ Mark Gurban ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ Bloomberg ล่าสุด Apple กลับมาเตรียมเดินหน้าโปรเจ็กต์นี้อย่างจริงจัง โดย Kevin Lynch หัวหน้าโครงการ, Tim Cook ซีอีโอ Apple พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัทได้มีการประชุมกันหลายต่อหลายครั้งตลอดปี 2023 ที่ผ่านมาเพื่อหาแนวทางกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของบริษัท

    น่าเสียดายที่ต้องบอกว่า พวกเขาลดสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะคันนี้ลงไปไกลจากจุดเริ่มต้นมากทีเดียว


ไปต่อแน่ แต่ต้องดาวน์เกรด

    ก่อนอื่นต้องอธิบายการแบ่งระดับรถยนต์อัตโนมัติเสียก่อน โดยจะมีการแบ่งออกเป็น 6 ระดับ ได้แก่

    ระดับ 0 : No Driving Automation คือไม่มีการนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้งานเลย ผู้ขับต้องบังคับรถยนต์ด้วยตนเองเท่านั้น

    ระดับ 1 : Driver Assistance ผู้ขับต้องบังคับรถยนต์ด้วยตนเอง แต่จะมีระบบผู้ช่วยขับที่ทำงานเฉพาะเพียงอย่างเดียว เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)

    ระดับ 2 : Partial Driving Automation มีระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น แต่คนขับต้องคอยดูระบบตลอดเวลา และหากจำเป็นก็ต้องเข้าควบคุมรถเองเดี๋ยวนั้น

    ระดับ 3 : Conditional Driving Automation รถยนต์ขับเคลื่อนและตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ผู้ขับไม่ต้องคอยเฝ้าจอ แต่ต้องตื่นตัวพร้อมเข้าควบคุมระบบแทนเสมอหากระบบถึงขีดจำกัด หรือมีเหตุจำเป็น

    ระดับ 4 : High Driving Automation คล้ายระดับ 3 แต่ระบบจะมีความฉลาดกว่า และสามารถตัดสินใจหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น โดยมากแล้วผู้ขับไม่จำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทมาก แต่ยังเลือกจะเข้าควบคุมรถยนต์ได้เช่นกัน

    ระดับ 5 : Full Driving Automation คือขั้นสูงสุดที่มนุษย์ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย รถอาจไม่จำเป็นต้องมีคันเร่งหรือเบรกให้เหยียบด้วยซ้ำ แต่ยังไม่มีการผลิตรถยนต์ในระดับนี้สำเร็จ

    สำหรับ Project Titan เดิม Apple ตั้งไว้ที่ระดับ 5 เตรียมนำ Siri ประกาศศักดาในตลาดเทคโนโลยีและรถยนต์ล้ำสมัย แต่จากรายงานข่าวล่าสุด พวกเขาตัดสินใจดาวน์เกรดรถยนต์ไฟฟ้านี้ลงมาที่ระดับ 2+ เท่านั้น เทียบเคียงได้กับระบบ Autopilot ของ Tesla ในปัจจุบัน

    แม้ Apple จะคาดหวังเพิ่มขีดความสามารถของระบบอัตโนมัติสู่ระดับ 4 หลังเปิดตัว แต่ ณ ตอนนี้ Project Titan ฟังดูเป็นเพียงรถยนต์ไฟฟ้าธรรมดาๆ คันหนึ่งเท่านั้น โดย Gurman เผยว่า Apple ตั้งใจจะ “ทำให้รถยนต์โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบหรูทันสมัย ระบบความปลอดภัยต่างๆ และ User Interface ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว”


อนาคตกับความท้าทายนานัปการ

    ทั้งนี้ทั้งนั้น รถยนต์ขับขี่อัตโนมัติดูจะไม่ได้เสียงตอบรับที่ดีนักในปี 2023 เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Cruise ฝ่ายพัฒนารถรับส่งไร้คนขับ (Robotaxi) ของ General Motors เพิ่งหั่นลดจำนวนคนทำงานลงราว 24% หลังมีข่าวว่ารถไร้คนขับคันหนึ่งชนคนเดินถนนจนบาดเจ็บสาหัส

    เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กรมการขนส่งทางบกรัฐแคลิฟอร์เนีย (California Department of Motor Vehicles) ประกาศระงับใบอนุญาตให้บริการยานยนต์ไร้คนขับของ GM ทันทีในวันถัดมา

    นอกเหนือจากนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ก่อนถึงปี 2028 ทั้งกฎหมายควบคุมและคู่แข่งในตลาดที่ไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีของตนเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่มาแรงในระยะหลังนี้ เช่น BYD ที่เพิ่งชิงบัลลังก์รถยอดขายสูงสุดในไตรมาส 4/2023 จาก Tesla ไปหมาดๆ และ Xiaomi ที่เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อปีที่ผ่านมาเป็นการประกาศว่าพวกเขาได้กระโจนเข้าร่วมศึก EV นี้ด้วยเช่น


แหล่งที่มา:

Apple Car Launch Date Reportedly Pushed Back To 2028—What We Know About The Electric Vehicle Project

Autonomous Driving: The Steps to Self-Driving Vehicles

The 6 Levels of Vehicle Autonomy Explained

The Apple car apparently still exists, could debut in 2028 with reduced autonomy

Apple Dials Back Car’s Self-Driving Features and Delays Launch to 2028

Apple Car may be coming much, much later than we hoped

Apple's Car Project: Everything We Know

Apple Car


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 11 แนวทางใช้ชีวิตอย่างมหาเศรษฐี ฉบับ Warren Buffett

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine