สยายปีกแบบฉายเดี่ยว - Forbes Thailand

สยายปีกแบบฉายเดี่ยว

Steve Anderson ทาเล็บเท้าสีฟ้าและทำงานคนเดียวในสำนักงานที่อดีตเคยเป็นสตูดิโอถ่ายภาพเด็ก การที่เขาสามารถตอบโจทย์ช่องว่างระหว่างนักลงทุนส่วนบุคคลและกองทุนขนาดใหญ่ ทำให้เขาก้าวขึ้นเป็นนักลงทุน Venture Capital ที่มีผลงานที่ดีที่สุดอันดับ 2 ของโลก

การตัดสินใจภายในเสี้ยววินาทีเป็นเอกลักษณ์ของ Anderson นักลงทุนวัย 47 ปีผู้อยู่เบื้องหลังหนึ่งในธุรกิจร่วมลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุดของ Silicon Valley ในฐานะผู้ครองอันดับ 2 ใน Midas List ซึ่งเป็นการจัดอันดับ 100 นักลงทุนด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลกประจำปีของ Forbes เขาสามารถเทียบชั้นกับธุรกิจเงินร่วมทุนหรือ VC ระดับโลกได้อย่างไร้ข้อกังขา แต่บริษัท Baseline Ventures ของเขามีผู้ตัดสินใจเพียงคนเดียว และเป็นคนที่มีความสามารถอันโดดเด่นในการเสาะหาและสนับสนุนเงินทุนให้กับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการสร้างธุรกิจที่อาจเขย่าวงการ กองทุนของเขาถือหุ้นใน Instagram จำนวน 12% เมื่อ Facebook เข้าซื้อด้วยมูลค่า 1 พันล้านเหรียญทำให้ Anderson กลายเป็นที่จับตามอง รวมถึงการลงทุนที่ทำกำไรทะลุเป้าอย่าง Twitter และ Heroku ซึ่งขายกิจการให้ Salesforce ด้วยราคา 250 ล้านเหรียญในปี 2010 คำถามก็คือ ทำไมเขายังต้องออกแรงทำงานให้คนอื่นหรือร่วมงานกับคนอื่นเมื่อเขามีทรัพย์สินสุทธิไม่ต่ำกว่า 150 ล้านเหรียญตามการประเมินของ Forbes ตอกย้ำภาพการรักความสันโดษเมื่อ Anderson หลีกหนีจาก San Francisco ซึ่งเป็นย่านการเงินการธนาคารและศูนย์กลางธุรกิจ VC อย่าง Sand Hill Road ใน Menlo Park รัฐแคลิฟอร์เนีย ไปนั่งบริหารกองทุนที่ได้ลงทุนในธุรกิจปีละหลายสิบแห่งจากสำนักงานที่เคยเป็นสตูดิโอสำหรับถ่ายภาพเด็กใน Cow Hollow เมืองซานฟรานซิสโกอันเป็นย่านที่เหมาะกับการกินอาหารมื้อกลางวันหรือเล่นโยคะร้อนมากกว่า Anderson กล่าวว่าการฉายเดี่ยวเป็นเรื่องเกี่ยวกับความอิสระมากกว่าความยึดมั่นในอัตตา เขาสามารถตัดสินใจเขียนเช็คจ่ายเงิน 500,000 เหรียญหลังใช้เวลา 30 นาทีประชุมกับผู้ก่อตั้งบริษัทโดยไม่ต้องปรึกษาใคร เขาเปิดเพลงแนวแดนซ์เสียงดังลั่นระหว่างเจรจาธุรกิจทางโทรศัพท์และเข้าประชุมกับนักลงทุนที่สวมสูทสุดเนี้ยบในชุดเสื้อกันหนาวแบบฮู้ดดี้กับกางเกงยีนส์ เขาทาเล็บเท้าสีฟ้าเวลาไปเต้นอย่างสุดเหวี่ยงในงานปาร์ตี้ เขาสามารถเลือกบินไป Las Vegas หรือหายตัวไปปั่นจักรยานคนเดียวที่ Lake Tahoe เป็นเวลา 3 วันประจำทุกปี เขามีสิทธิ์เต็มที่ที่จะทำเช่นนี้ด้วยความสามารถในการสร้างผลตอบแทนอันไม่ธรรมดา Anderson ทำให้เงิน 70 ล้านเหรียญจากการระดมทุนผ่าน 3 กองทุนแรกงอกเงยเป็น 700 ล้านเหรียญ และเผยว่าการตัดการลงทุนที่ไม่ประสบความสำเร็จคิดเป็นอัตราเพียง 1 ใน 4 ของการลงทุนทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวเลขความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง มีธุรกิจมากกว่า 20 แห่งที่เขาขายการลงทุนด้วยมูลค่ามากกว่า 100 ล้านเหรียญ Baseline ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 ได้ก่อให้เกิดบทบาทใหม่ในธุรกิจ VC ก่อนหน้านั้นการระดมทุนให้กับธุรกิจระยะแรกเริ่มมูลค่าราว 25,000 เหรียญมักมาจากกลุ่มนักลงทุนส่วนบุคคลที่มีความมั่งคั่ง ส่วนการระดมทุน 1 ล้านเหรียญหรือมากกว่านั้นจะมาจากการลงทุนของ VC หรือการระดมทุนสำหรับขยายธุรกิจรอบ Series A ขณะที่ Baseline จะสนับสนุนเงินทุนขนาด 250,000 ไปจนถึง 1 ล้านเหรียญเพื่อเข้าถือหุ้น 5%-15% และให้เวลาเจ้าของธุรกิจประมาณ 1 ปีไปจนถึง 18 เดือนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกดดันอย่างน้อยที่สุด หนทางสู่ Silicon Valley ของ Steve Anderson เริ่มต้นขึ้นจากบ้านเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ซึ่งจอดอยู่บนสนามหลังบ้านตากับยายของเขาใน Issaquah ริมชนบทติดกับ Seattle เขาและน้องสาวอาศัยอยู่ในบ้างหลังดังกล่าวกับแม่ซึ่งเลี้ยงดูพวกเขามาด้วยตัวคนเดียว แม่ของเขาทำอาชีพเลขา ในบางช่วงครอบครัวของเขาต้องพึ่งสวัสดิการคูปองอาหารเพื่อประทังชีวิต Anderson จึงทำงานทุกอย่างไม่เกี่ยงว่างานหนักหรือต่ำต้อยเพื่อหาเงินสำหรับใช้จ่ายด้วยความช่วยเหลือของพ่ออุปการะที่เขาเจอผ่านโครงการ United Way Big Brothers ทำให้ Anderson ได้เข้าศึกษาที่ University of Washington ในสาขาฟิสิกส์และบริหารธุรกิจ ในปี 1997 เขาได้เข้าฝึกงานในฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ของ eBay เว็บไซต์ซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่กำลังเติบโต และได้รับข้อเสนอให้เข้าทำงานกับบริษัท แม้ว่าตอนนั้น eBay กำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และเขาได้พูดคุยปรึกษากับ Meg Whitman ซึ่งนั่งตำแหน่ง CEO แต่สุดท้ายเขาปฏิเสธข้อเสนอเพื่อกลับไปเรียนต่อ ทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านในชั่วข้ามคืน หลังเรียนจบเขาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้งกับ Kleiner Perkins Caufield & Byers เขาเริ่มงานกับ KPCB ในช่วงที่ธุรกิจดอทคอมกำลังก้าวกระโดดในปี 1999 ซึ่งบริษัทกำลังเติบโตถึงขีดสุด แม้ Anderson เป็นคนที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เข้าทำงานกับ Kleiner Perkins แต่เขาก็สามารถทำให้เหล่าผู้บริหารประทับใจในตัวเขาได้อย่างรวดเร็ว Ray Lane อดีตประธานบริษัท Oracle ซึ่งเข้าร่วมงานกับบริษัทเมื่อปี 2000 ยังจำได้ว่าเขา “มีความขยันมุมานะมากกว่าคนอื่นๆ” เพราะ CEO เปิดโอกาสให้กับเขา งานเอกสารของ Anderson ช่วยให้บริษัทรอดพ้นจากหายนะหากเข้าลงทุนใน Kozmo ผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าเร่งด่วนซึ่งสุดท้ายไปไม่รอด “เพื่อนนักลงทุนที่ Amazon ของเราตัดสินใจลงทุน” Doerr ซึ่งตอนแรกเห็นด้วยกับแนวคิดของธุรกิจกล่าว “เขาอยู่กับเราตั้งแต่ธุรกิจเริ่มเติบโตจนถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด” ย้อนไปในช่วงต้นปี 2006 เขาย้ายจาก Seattle กลับมายัง Silicon Valley อันเป็นเวลาที่ตลาดหุ้นฟื้นเต็มที่และเหล่าผู้มีความสามารถหลั่งไหลกลับเข้าสู่ธุรกิจเทคโนโลยี โทรศัพท์เคลื่อนที่กลายเป็นธุรกิจมาแรงที่ทุกคนหวังครองตลาด เขาโน้มน้าวเพื่อนร่วมงานที่ Microsoft สองสามคนให้ออกจากงานมาก่อตั้งบริษัทด้านระบบรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์และเขาจะเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนให้ ทว่า เขาไม่สามารถหากองทุน VC ที่พร้อมลงทุนในขนาดประมาณ 25,000 เหรียญได้ Anderson ทิ้งแผนเกี่ยวกับธุรกิจรักษาความปลอดภัยออนไลน์และตัดสินใจคว้าโอกาสจากช่องว่างที่เห็นโดยระดมทุนจัดตั้งกองทุนขึ้นเอง ซึ่งเขาจะมีอำนาจเขียนเช็คลงทุนคราวละประมาณ 250,000 เหรียญ ซึ่งมีขนาดการลงทุนสูงกว่าที่ “นักลงทุนส่วนบุคคล” จะยอมเสี่ยง แต่ก็เล็กเกินไปสำหรับธุรกิจร่วมลงทุนขนาด 500 ล้านเหรียญ ธุรกิจร่วมลงทุนขนาดใหญ่ ในช่วงปลายปี 2006 Anderson พร้อมทุกอย่างสำหรับการนำเสนอแผนลงทุนต่อหุ้นส่วนเป้าหมาย ยกเว้นสิ่งสำคัญที่สุด นั่นก็คือ บริษัทเป้าหมายเพื่อเข้าลงทุน หนึ่งในคนแรกๆ ที่เขายกหูโทรหาคือ Ron Conway นักลงทุนส่วนบุคคลชื่อดังผู้มีสายตาแหลมคมมองเห็นธุรกิจดีๆ ที่ผ่านเข้ามา เขาสนับสนุนเงินทุนให้กับ Google และ PayPal และเคยช่วยเหลือให้คำปรึกษา Anderson ช่วงที่ทำงานอยู่กับ Kleinerผลปรากฏว่า Conway ซึ่งกำลังหยุดพักจากการลงทุนเชิงรุกยินดีอย่างยิ่งและตอบรับความต้องการของ Anderson ที่กำลังมองหาบริษัทเพื่อเข้าลงทุน เขากลายเป็นนักลงทุนคนสำคัญในกองทุนแรกที่ Baseline Ventures จัดตั้งขึ้นและแนะนำให้ Anderson รู้จักกับ Ev Williams และ Jack Dorsey จาก Twitter ซึ่งได้กลายเป็นการลงทุนที่ประสบความครั้งใหญ่ของบริษัท แต่เมื่อชื่อเสียงของ Anderson โด่งดังขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ Conway ก็เริ่มผุกร่อน ด้วยความเห็นที่ไม่ค่อยตรงกันเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุน Conway มีความสนใจธุรกิจด้านสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้นและต้องการยึดกลยุทธ์เดิมอย่างที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน ประเด็นน่าสนใจก็คือ Conwayแยกตัวไปจากบริษัทเพื่อหันไปมุ่งลงทุนในธุรกิจสื่อสังคมออนไลน์ แต่กลับพลาดบริษัทที่ Baseline ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จมากที่สุดในธุรกิจประเภทนี้ Anderson เพิ่งจัดตั้งกองทุนขนาด 55 ล้านเหรียญในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำและเข้าลงทุนใน Instagram ของ Systrom ในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 เมื่อเข้าสู่เดือนเมษายน 2012 เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าแอพพลิเคชั่นแบ่งปันรูปภาพของเขาจะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามและ Zuckerberg พยายามติดต่อ Systrom อย่างไม่ลดละเพื่อชักชวนให้บริษัทเข้ามาร่วมอาณาจักรของ Facebook ในตอนนั้น Anderson บอกกับ CEO วัยหนุ่มให้เขาไตร่ตรองให้ดีเพราะ Instagram มีศักยภาพที่จะเติบโตจนมีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านเหรียญ ทว่า Systrom ต้องการขายธุรกิจรับเงินสดและหุ้นมูลค่า 1 พันล้านเหรียญ Anderson สามารถหยุดการซื้อขายกิจการได้ในฐานะกรรมการบริหาร แต่เขาไม่เคยแสดงอำนาจขวางสิ่งที่ CEO ของเขาต้องการ “ด้วยตัวเลขที่เราขายกิจการไปก็พลิกชีวิตหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว” Anderson กล่าว “ผมไม่ได้ลงทุนเพื่อหวังทำกำไรให้มากที่สุด แต่ผมลงทุนเพราะผมเชื่อมั่นใน Kevin” มีสิ่งใดที่จะห้าม Anderson ได้หากเขาต้องการยุติบทบาทการลงทุน เขาประสบความสำเร็จในการสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองและมีบทบาทสำคัญในบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่งของยุคนี้ และที่แตกต่างจากธุรกิจร่วมลงทุนขนาดใหญ่ก็คือเขาไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอธิบายถ้าเขาต้องการเลิก “ในสมองของผมคิดว่า Baseline ไม่จำเป็นต้องคงอยู่ตลอดไปหากมันหมดความน่าสนใจ” เขากล่าว “ผมไม่จำเป็นต้องก่อร่างสร้างสถาบันขนาดใหญ่” เขาแม้กระทั่งตัดสินใจจะย้ายออกจากสำนักงานใน Cow Hollow ค่าเช่าที่ซานฟรานซิสโกแพงเกินไปสำหรับเขาดังนั้นเขาจะย้ายไปใช้บริการพื้นที่ให้เช่าทำงานร่วมกัน (co-working space) ย่านใจกลางเมืองที่มีราคาถูกกว่า สำหรับตอนนี้ Anderson ยังคงรู้สึกตื่นเต้นท้าทายเกินกว่าจะชะลอฝีเท้า ในการถ่ายภาพประกอบบทความในคอลัมน์นี้เขาสนุกสนานกับแนวคิดช่างภาพที่จะทามือของเขาเป็นสีทอง ซึ่งเป็นการสื่อถึงการติดอันดับต้นๆ ใน Midas List ของเขา หลังจากใช้เวลา 3 ชั่วโมงกว่าจะได้ภาพที่ดีที่สุด Anderson ก็ออกไปล้างไม้ล้างมือก่อนโทรศัพท์หาผู้ประกอบการรายหนึ่ง สบู่และน้ำอุ่นค่อยๆ ชะล้างสีทองอร่ามจากมือที่ผิวเป็นตกกระของเขา มันเป็นสัญญาณอะไรหรือเปล่า? “ให้ตายเถอะ ผมหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นนะ” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม   เรื่อง: Alex Konrad และ Ryan Mac เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา ภาพประกอบ: Timothy Archibald สำหรับ Forbes
คลิ๊กอ่าน "สยายปีกแบบฉายเดี่ยว" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ June 2016 ในรูปแบบ E-Magazine