สานต่อธุรกิจหลังการจากไปของ Walter Kwok เศรษฐีอสังหาฯ ฮ่องกง - Forbes Thailand

สานต่อธุรกิจหลังการจากไปของ Walter Kwok เศรษฐีอสังหาฯ ฮ่องกง

FORBES THAILAND / ADMIN
18 May 2019 | 11:00 AM
READ 4433

ภายหลังการเสียชีวิตด้วยวัย 68 ปี ของ Walter Kwok มหาเศรษฐีเจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์แห่งฮ่องกงเมื่อเดือนตุลาคม Geoffrey และ Jonathan ลูกชายทั้งสองคนของเขารับมรดกจากพ่อซึ่งรวมถึงหุ้นในบริษัท Sun Hung Kai Properties ที่นำพาให้พวกเขามาอยู่ในอันดับที่ 12 ประจำปีนี้

ขณะที่ Kwong Siu-hing คุณย่าวัย 89 ปีของพวกเขามารดาของ Walter และภรรยาม่ายของ Kwok Tak-seng ผู้ร่วมก่อตั้ง Sun Hung Kai ได้เข้าทำเนียบมาเป็นครั้งแรกในลำดับที่ 5 สองพี่น้องได้รับมรดกเป็นหุ้นร้อยละ 7.3 ในบริษัท Sun Hung Kai ซึ่งเป็นธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง เมื่อวัดด้วยมูลค่าตามราคาตลาด (market capitalization) Geoffrey พี่ชายคนโตวัย 33 ปี ดำรงตำแหน่งกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารของบริษัท (nonexecutive director) ข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ของบริษัทระบุว่า Kwong ครอบครองหุ้น Sun Hung Kai ร้อยละ 27 ผ่านบริษัททรัสต์หลายแห่ง
Kwong Siu-hing วัย 89 ปี มารดาของ Walter Kwok ติดอันดับ 5 ในการจัดอันดับมหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2019
การผงาดขึ้นมาของ Geoffrey เท่ากับเป็นการยุติข้อพิพาทระหว่างพ่อและอา 2 คนของเขา คือ Thomas และ Raymond ที่ดำเนินมานานร่วมสิบปีจากความขัดแย้งในเรื่องการบริหารจัดการ Sun Hung Kai และสินทรัพย์ของครอบครัว Geoffrey เริ่มเข้ามาทำงานที่ Sun Hung Kai เมื่อปี 2008 โดยรับตำแหน่งผู้อำนวยการบริษัทย่อยที่ทำหน้าที่บริหารโรงแรมและเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ของกลุ่มบริษัททั้งในฮ่องกงและจีน ลูกพี่ลูกน้อง 3 คนของเขายังมีรายชื่อในคณะกรรมการบริษัทในฐานะกรรมการบริหารด้วย Walter Kwok เกิดเมื่อปี 1950 เป็นลูกชายคนโตของผู้ร่วมก่อตั้ง Sun Hung Kai เมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตในปี 1990 เขาจึงรับตำแหน่งประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Thomas และ Raymond น้องชายของเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานกรรมการร่วม ทั้งสามคนช่วยกันบริหารบริษัทจนเติบโตอย่างรวดเร็วและได้สร้างอาคารระฟ้าที่สูงเป็นลำดับต้นๆ ของฮ่องกงหลายแห่ง แม้ Walter จะมีชื่อเสียงในด้านการใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก แต่ผู้คนจดจำเขาได้ดีที่สุดจากเหตุลักพาตัวในปี 1997 โดย Cheung Tzekeung มาเฟียท้องถิ่นซึ่งจับตัวเขาไปขังไว้ในลังไม้เป็นเวลา 1 สัปดาห์จนกระทั่งมีการจ่ายเงินค่าไถ่ราว 77 ล้านเหรียญ หลังจากนั้น Walter ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
Thomas และ Raymond Kwok สองน้องชายของ Water Kwok
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและน้องชายทั้งสองมีอันต้องร้าวฉาน Thomas และ Raymond ขับ Walter ออกจากบริษัทในปี 2008 โดยอ้างว่าอาการป่วยทำให้เขาไม่อยู่กับร่องกับรอยและไม่เหมาะจะเป็นผู้นำบริษัท ในปีเดียวกันนั้น คณะกรรมการของ Sun Hung Kai มีมติให้แม่ของเขาทำหน้าที่ประธานกรรมการแทน พร้อมทั้งแต่งตั้ง Thomas และ Raymond เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Walter ดำเนินคดีทางกฎหมายกับ Thomas และ Raymond เป็นการตอบโต้ ในที่สุดทั้งสามสามารถตกลงกันได้ในคดีหมิ่นประมาทที่ Walter เป็นผู้ยื่นฟ้องเมื่อปี 2008 แต่ก็หลังจากที่ทางการฮ่องกงดำเนินการสอบสวนการทุจริตติดสินบนกับน้องชายทั้งสองของ Walter ในปี 2012 Thomas ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงฐานให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐ ในปี 2014 ก็ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี และขณะนี้ยังคงรับโทษอยู่ ส่วน Raymond ได้รับการตัดสินว่าไม่มีความผิด ในปี 2017 Walter ล้มเหลวในการฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของครอบครัวมูลค่า 5 พันล้านเหรียญ เดือนพฤษภาคม ปี 2018 เขาระงับการยื่นอุทธรณ์และหันไปประนีประนอมยอมความกับน้องชาย แต่แล้วในเดือนสิงหาคม เขามีอาการหัวใจวายและเสียชีวิตในอีกไม่ถึง 2 เดือนต่อมา นอกจากลูกชายแล้ว Walter ยังมี Wendy ภรรยาและ Lesley ลูกสาวที่ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ Geoffrey และ Jonathan เป็นผู้ดูแลกิจการ Empire Group Holdings บริษัทอสังหาริมทรัพย์เอกชนที่พ่อของพวกเขาสร้างขึ้นในปี 2014 เรื่องโดย– Joyce Huang
คลิกเพื่ออ่านฉบับเต็ม "ทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2019" ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ เมษายน 2562 ในรูปแบบ e-Magazine