หุ้นไอพีโอที่เซ็กซี่ที่สุดของ Silicon Valley ตอนนี้ไม่ใช่หุ้นบริการเรียกรถหรือโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่คือหุ้นของ Zoom แอพวิดีโอแชทธรรมดา ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะได้เพราะใช้งานดีกว่า เมื่อบวกกับตัวเลขการเงินที่สวยจนใช้เป็นหนังสือวางโชว์บนโต๊ะรับแขกได้ หุ้นใหม่ตัวนี้จึงร้อนแรงที่สุดใน Wall Street
การได้เห็น Eric Yuan ซีอีโอของ Zoom พูดกับคนกลุ่มใหญ่ที่มาเชียร์ในนาทีก่อนจะเริ่มตีระฆังเปิดขายหุ้นที่ Nasdaq เป็นภาพที่ไม่ธรรมดา รอยยิ้มเขินๆ ของเขาเปลี่ยนเป็นสายตามุ่งมั่นเมื่อเขาพูดว่า “เกมใหม่จะเริ่มวันนี้” แน่นอนว่าสตาร์ทอัพของเขาไม่เป็นที่รู้จักมากเท่า Lyft หรือ Pinterest ใครที่คุ้นเคยกับ Yuan คงไม่ตกใจเรื่องที่เขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร แต่ที่น่าจะตกใจคือเขายอมเดินทางมาร่วมพิธีเปิดขายหุ้นมากกว่า
ผู้ก่อตั้ง Zoom ซึ่งให้บริการซอฟต์แวร์เพื่อการประชุมผ่านวิดีโอทางอินเทอร์เน็ตทำตัวสมกับที่เขาขายระบบนี้เมื่อครั้งที่เขาระดมทุนจากนักลงทุน ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนชั้นนำ เขาปรากฏตัวแค่หนเดียวเพื่อดูให้แน่ใจว่า นักลงทุนทุกคนในห้องนั้นดาวน์โหลดแอพ Zoom แล้ว และสำหรับงานเดินสายโรดโชว์เพื่อจะขายหุ้นไอพีโอ เขายอมเดินทาง 50 ไมล์จากสำนักงานใหญ่ของเขาในเมือง San Jose รัฐ California ไปถึงเมือง San Francisco เพื่อรับประทานมื้อกลางวันกับนักลงทุนแค่ครั้งเดียว จากนั้นก็เผ่นกลับไปทำงานต่อ ดังนั้น เมื่อ Yuan ยอมบินไป New York เพื่อภารกิจขายหุ้นไอพีโอ จึงนับเป็นการเดินทางเพื่อการทำงานครั้งที่ 8 ของเขาในรอบ 5 ปี
Wall Street รับได้กับวิธีการนี้ และความต้องการใช้ Zoom (เดิมชื่อ Zoom Video Communications) ก็ส่งให้บริษัทสามารถขายหุ้นไอพีโอได้ด้วยราคา 36 เหรียญสหรัฐฯต่อหุ้น ทำให้บริษัทมีมูลค่าประเมิน 9.2 พันล้านเหรียญ ส่งผลให้ Yuan กลายเป็นเศรษฐีพันล้านในวัย 49 ปี ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้น 72% ในวันแรกของการซื้อขาย ยังส่งให้มูลค่าตามราคาตลาด (market cap) ของ Zoom พุ่งขึ้นเป็น 1.59 หมื่นล้านเหรียญ และสินทรัพย์รวมของ Yuan ซึ่งเขาถือหุ้น 20% เพิ่มเป็น 3.2 พันล้านเหรียญ
ทั้งหมดนี้มาจากเครื่องมือจัดประชุมผ่านวิดีโอ ซึ่งไม่ใช่การปฏิวัติวงการแต่อย่างใด แต่แค่ทำให้การใช้งานง่ายขึ้น วิศวกรผู้ผันตัวเองมาเป็นผู้ก่อตั้งกิจการคนนี้เคยทำงานให้กับ Cisco ซึ่งมี Webex เป็นธุรกิจระบบจัดประชุมผ่านวิดีโอของบริษัท โดย Yuan ตั้งใจจะสร้างเครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ดีทั้งในห้องประชุมคณะกรรมการบริษัทที่ Manhattan และบนโต๊ะกินข้าวในครัวที่จีน เครื่องมือนี้ใช้ระบบคลาวด์และตั้งราคาตามโมเดลธุรกิจแบบ “ฟรีเมียม” โดยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดประชุมผ่านระบบได้ฟรีไม่เกิน 40 นาที
ด้วยรายได้ 331 ล้านเหรียญต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้น 118% และลูกค้าบริษัท 50,000 ราย ซึ่งรวมถึง Samsung, Uber, Walmart และ Capital One ทำให้ Zoom เป็นเทคสตาร์ทอัพกลุ่มยูนิคอร์นแบบที่หายากสุดๆ ที่สามารถทำกำไรได้ตั้งแต่ก่อนจะเริ่มเปิดขายหุ้นต่อสาธารณชน
การเติบโตเร็วมากย่อมมาพร้อมความเสี่ยง Zoom ยังต้องพิสูจน์ว่า บริษัทจะอยู่เหนือคู่แข่งอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร ซึ่งคู่แข่งของ Zoom มีทั้งยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Microsoft ที่เคยทำให้นักร่วมลงทุนผวา ไม่กล้าลงทุนกับ Zoom ในช่วงแรกเมื่อ 8 ปีก่อน รวมทั้ง Cisco อดีตนายจ้างของ Yuan ซึ่งอาจจะแอบเสียดายที่ปล่อยให้เขาลาออกแต่ก็ไม่ถอยจากศึกนี้เหมือนกัน
Yuan เป็นลูกของวิศวกรเหมืองแร่ในมณฑล Shandong ทางตะวันออกของจีน เขาเข้าเรียนที่ Shandong University of Science & Technology ฤดูร้อนปี 1997 Yuan ได้เข้าทำงานใน Webex ซึ่งก่อตั้งมาได้ 2 ปีในเมือง Milpitas รัฐ California กระแสฟองสบู่ดอทคอมอันคึกคักและเครื่องมือจัดประชุมผ่านวิดีโอ เป็นผลพวงจากอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น ช่วยให้ Webex ขายหุ้นไอพีโอได้ในเดือนกรกฎาคมในปี 2000 และ Cisco เข้ามาซื้อกิจการด้วยมูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญในปี 2007
จากนั้นไม่นาน Cisco ก็เลือก Yuan ให้เป็นหัวหน้ากลุ่มงานวิศวกรรมของ Webex แต่เมื่อถึงปี 2010 เขากลับไม่มีความสุขแล้ว ซึ่ง Yuan เล่าว่า ปัญหาเกิดจากบริการของ Webex ไม่ค่อยดีนัก ทุกครั้งที่ผู้ใช้งานเข้าใช้ระบบการประชุมของ Webex ระบบจะต้องระบุว่า จะสั่งให้ผลิตภัณฑ์รุ่นไหนทำงาน (ไอโฟน แอนดรอยด์ พีซี หรือแมค) ซึ่งถ่วงให้การทำงานช้าลง และเมื่อในสายมีจำนวนคนมากเกินไป การเชื่อมต่อสัญญาณจะทำงานหนักจนภาพและเสียงกระตุก อีกทั้งยังขาดรูปแบบการใช้งานสมัยใหม่หลายอย่าง เช่น การแชร์หน้าจอสำหรับอุปกรณ์พกพา
หลังจาก Yuan ตื๊อเจ้านายอยู่ 1 ปีเพื่อขออนุญาตรื้อ Webex แล้วสร้างใหม่ Yuan ก็ยอมแพ้และตัดสินใจลาออกจาก Cisco ในปี 2011 ก่อนอื่น Yuan ขอให้เพื่อนๆ ซึ่งรวมถึงนักลงทุนที่ลงทุนกับแอพวิดีโอสำหรับผู้บริโภคทั่วไปชื่อ Tango เขียนเช็คให้เขา 250,000 เหรียญ เพื่อจะได้ว่าจ้างวิศวกร 30 คน (บางส่วนอยู่ในจีน) ให้ร่วมกันพัฒนาไอเดียใหม่คือ การสร้างเทคโนโลยีที่ดีขึ้นสำหรับการสื่อสารผ่านวิดีโอ จากนั้นค่อยคิดว่าจะสร้างแอพแบบไหนมาใช้ร่วมกัน เหล่านักลงทุนผู้มีศรัทธาในตัว Yuan ซึ่งรวมถึง Subrah Iyar อดีตซีอีโอของ Webex ควักเงินลงทุน 3 ล้านเหรียญให้สตาร์ทอัพของเขาซึ่งในตอนนั้นใช้ชื่อว่า Saasbee
Jim Mercer หัวหน้าฝ่ายงานบริการลูกค้าของ Zoom เล่าว่า ตอนเขาทำงานอยู่กับ GoToMeeting ซึ่งเป็นคู่แข่ง เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งลองเปิดบัญชีผู้ใช้ Zoom เพื่อดูว่าทำไมคนในวงการถึงตื่นเต้นกันนัก “คลิกเดียวเข้าได้เลย และรองรับผู้ร่วมประชุมได้ 25 สายพร้อมกัน” เขาเล่า “เรางงกันว่า ‘นี่มันคาถาวูดูอะไร เขาทำได้ยังไง’”
หลังจากได้ทุนมาอีก 6.5 ล้านเหรียญจาก Horizons Ventures ของ Li Ka-shing จากนั้น Zoom ระดมทุนได้อีก 30 ล้านเหรียญจาก Emergence Capital ในปี 2015 จากนั้นไม่นาน Zoom ก็เริ่มจับเป้าหมายลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และเมื่อมีบริษัทใหญ่หลายแห่งติดต่อเข้ามา แต่เขากลับเตือนบริษัทที่อยากมาเป็นลูกค้าว่า การใช้งานของ Zoom อาจยังไม่พร้อมสำหรับบริษัทเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากโกยลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทโตเร็วอย่าง Box, Slack และ Uber จากสนามหลังบ้านใน Silicon Valley ไปมากแล้ว Zoom ก็ขยายไปสู่ฐานลูกค้านอกวงการเทคในปี 2016 และดูแลบัญชีการใช้งานให้บริษัทอย่าง Gap Inc. และ Williams-Sonoma ด้วย
Sequoia เข้ามาร่วมลงทุนกับ Zoom ในการระดมทุนซีรีส์ D ซึ่งได้เงินไป 115 ล้านเหรียญเมื่อต้นปี 2017 โดยประเมินมูลค่าของบริษัทไว้ที่ 1 พันล้านเหรียญ บริษัทร่วมลงทุนชื่อดังแห่งนี้พยายามจะร่วมลงทุนกับ Zoom มากกว่า 2 ปีแล้ว
เมื่อ Zoom เพิ่มรูปแบบการใช้งานและมีจำนวนบัญชีผู้ใช้มากขึ้น โดยมีบริษัทหลายแห่งจัดประชุมให้คนหลายพันคนพร้อมกันผ่านช่องทางแชทหลายช่อง Zoom ก็ต้องไม่ทำงานแบบสุกเอาเผากินจนส่งผลเสียต่อผลิตภัณฑ์ ในเดือนมกราคม Zoom ประสบปัญหาระบบล่มครั้งสำคัญ ซึ่ง Zoom โทษว่าเป็นความผิดของ Amazon Web Services แต่คนทั่วไปมองว่าเป็นเพราะแอพของ Zoom ไม่ทำงาน
แต่เมื่อมีเสีย ก็ย่อมมีได้ เมื่อ Facebook ระบบล่มในเดือนมีนาคม รัฐสภานิวซีแลนด์เปลี่ยนมาสตรีมการประชุมคณะกรรมการผ่านระบบของ Zoom แทน Facebook Live และในเอกสารที่ Zoom ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐฯ มีข้อบังคับระบุว่า กว่าครึ่งของบริษัทใหญ่ที่สุด 500 แห่งในอเมริกามีบัญชีผู้ใช้ของ Zoom แบบจ่ายเงินอย่างน้อย 1 บัญชี แต่มีบริษัทไม่กี่แห่งที่เซ็นสัญญาเปิดบัญชีใช้งานขนาดใหญ่ ซึ่งหมายความว่า Zoom ยังมีทางเพิ่มยอดขายได้อีกมากในอนาคต
ถ้า Zoom อยากจะยิ่งใหญ่เท่ากับ Cisco ซึ่งเป็นบริษัทจาก San Jose ที่มียอดขาย 4.9 หมื่นล้านเหรียญในปีแล้ว มีราคาหุ้นปัจจุบันเกือบสูงที่สุดในรอบ 20 ปี และมีมูลค่าตามราคาตลาดประมาณ 2.5 แสนล้านเหรียญ Zoom ก็ต้องเพิ่มผลิตภัณฑ์อื่นให้มากขึ้นนอกเหนือจากระบบวิดีโอ ในช่วงหลายปีนับจากนี้ บริการโทรด้วยเสียงน่าจะเป็นเพียงหนึ่งในบรรดาบริการที่ Zoom จะเพิ่มได้อีกในอนาคต รวมถึงการส่งข้อความและการแชร์ไฟล์ โดยเปิดเป็นบริการแยกต่างหาก และอีกธุรกิจที่น่าจะผลักดันให้มากขึ้นคืองานด้านข้อมูล
ในระหว่างนี้ อย่าคิดว่า Yuan จะเหลิงไปกับสถานะมหาเศรษฐีใหม่ของเขา ถึงเขาจะขับรถ Tesla แต่นั่นก็เพราะเขามองว่า Tesla เป็นบริษัทที่มีความคล้าย Zoom ตรงที่ออกแบบให้แตกต่าง และมีเครื่องยนต์ที่แรงกว่ารายอื่นอยู่ใต้ฝากระโปรง (แถม Tesla ยังเป็นลูกค้าของเขาด้วย)
ในวันจันทร์หลังจากขายหุ้นไอพีโอแล้ว Yuan จะกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วไล่ดูบัญชีจาก Twitter ของ Zoom เพื่อนำคำชมจากลูกค้ามารีทวิต และเขาหวังว่าพนักงานจากอีกซีกโลกจะเข้าร่วมพิธีการเปิดขายหุ้นไอพีโอเพื่อโบกมือทักทายเจ้านายผ่านระบบถ่ายทอดสดที่ Times Square โดยใช้ (จะใช้ระบบอะไรได้นอกจาก) Zoom เหมือนที่เขาชอบทำ ครั้งหนึ่งคนที่ Yuan ถือเป็นอาจารย์เคยบอกเขาว่า ไอพีโอก็เหมือนการเรียนจบมัธยมปลาย “คุณฉลองได้ 1 วัน แต่แค่นั้นพอ” Yuan กล่าว “คุณคงไม่อยากให้ม.ปลายเป็นจุดพีคของชีวิตคุณ ใช่ไหมล่ะ”
อ่านเรื่องราวน่าสนใจเพิ่มเติม- TuSimple ยูนิคอร์นเต็งหนึ่งแห่งวงการ “รถบรรทุกหุ่นยนต์”
- “Lemonade” ประกันภัยยุคใหม่นำ AI ประเมินค่าสินไหม
คลิกอ่านฉบับเต็ม แชมเปี้ยนแห่งการประชุม ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2562 ได้ในรูปแบบ e-Magazine