Micromax จากประเทศอินเดียอยากได้ส่วนแบ่งตลาดมือถือทุกแห่งในโลกตั้งแต่ระดับบนสุดจนถึงระดับล่างสุด เพราะการติดอันดับแค่ใน Top 10 ยังถือว่าไม่พอ
ทุกๆ เดือน Rahul Sharma ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารคนสำคัญของ Micromax บริษัทผลิตมือถืออันดับสองในอินเดียที่มียอดขาย 1.8 พันล้านเหรียญ สลัดคราบผู้บริหารในชุดสูทออกแล้วทำตัวเป็นพนักงานขายสักสองสามชั่วโมง ด้วยการขายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ พร้อมกับสอบถามผู้ซื้อเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งานของพวกเขา การกระทำเช่นนี้ทำให้ Sharma ได้อัพเดตและรับรู้ถึงความรู้สึกของลูกค้าในตลาด “ยังไม่มีบริษัทไหนในอินเดียที่สามารถผลิตสินค้าเทคโนโลยีชั้นเยี่ยมได้ ผมต้องการทำให้ Micromax เป็นบริษัทระดับโลกแห่งแรกที่ให้บริการนอกประเทศอินเดีย” Sharma บอกกับเราในขณะที่เขานั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำที่สำนักงานใหญ่ของ Micromax ใน Gurgaon ซึ่งอยู่ในแถบชานเมืองของ New Delhi บนโต๊ะที่ข้างตัวเขามีโทรศัพท์ Micromax รุ่นและขนาดต่างๆ วางเกลื่อนอยู่เป็นร้อยเครื่อง การจะที่เขาจะบรรลุเป้าหมายได้นั้น ก้าวแรกของชายหนุ่มวัย 37 ปีผู้นี้คือต้องผลักดันให้ Micromax เจ้าตลาดมือถือของอินเดียที่เพิ่งติดอันดับหนึ่งในสิบของตลาดมือถือโลกสามารถขยับอันดับขึ้นไปเป็นหนึ่งในห้าของโลกให้ได้ก่อน โดยศึกษาบทเรียนจากผู้เล่นระดับโลกอย่าง Motorola และ BlackBerry ขณะที่คุยกับเรา มือของ Sharma ก็ง่วนเล่นอยู่กับ Micromax Canvas Silver ราคา 300 เหรียญ ที่ได้ Hugh Jackman ดารานำจากหนัง Wolverine มารับบทนำในหนังโฆษณาให้ ซึ่งในเรื่อง Hugh Jackman สามารถแหกคุกที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดได้โดยใช้แค่สมาร์ทโฟนที่หนาแค่ 5.1 มม. และมีน้ำหนักเพียงแค่ 97 กรัม ที่บางและเบาที่สุดในโลก Micromax ต้องครองตลาดอินเดียให้ได้ก่อน ในไตรมาสที่สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2015 มีโทรศัพท์มือถือถูกส่งไปที่อินเดียกว่า 56.6 ล้านเครื่อง ซึ่งในจำนวนนี้ 12.3% เป็นโทรศัพท์ของ Micromax จากข้อมูลของ Cyber Media Research พบว่า บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มของสมาร์ทโฟนสูงกว่าอยู่ที่ 15% ในขณะที่ Samsung มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่าอยู่ 8-9% โดยอินเดียมีตลาดมือถือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากจีน Sharma กับผู้ร่วมก่อตั้ง Micromax อีกสามคนซึ่งได้แก่ Vikas Jain, Sumeet Arora และ Rajesh Agarwal ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นต่างถือหุ้นใน Micromax คนละ 20% “ผมต้องเข้าไปในตลาดใหม่อีกห้าประเทศเพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าอีก 1 พันล้านคนได้ หรือไม่อย่างนั้นผมก็ต้องเข้าไปรุกตลาดจีน ถ้าบริษัทจีนยังเข้ามาแข่งในอินเดียได้ ทำไมบริษัทจากอินเดียจะไปแข่งที่จีนบ้างไม่ได้ล่ะ?”Micromax เพิ่งเปิดตัวในรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้มีส่วนแบ่งในตลาดรัสเซีย 4.5% แล้ว ตอนนี้ Micromax ไม่ได้มองแค่ตลาดจีนเท่านั้น แต่มองไปถึงสหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซียด้วย จุดเริ่มต้นของ Micromax นั้นไม่ได้หวือหวาอะไร Sharma และผู้ร่วมก่อตั้ง Micromax อีกคนหนึ่งเป็นลูกของครูสอนหนังสือในโรงเรียน เขาเริ่มทำงานด้วยการเป็นนักออกแบบเบรคของอุปกรณ์เครื่องกล ซึ่งมันทำให้เขาเบื่อและอยากออกจากงานประจำ เมื่อพ่อของเขาให้ของขวัญกับเขาเป็นคอมพิวเตอร์ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาออกมาก่อตั้งกิจการ Micromax Software ร่วมกับเพื่อนอีกสามคน ซึ่งปรากฏว่ากิจการของพวกเขาก้าวหน้า โดยปัจจุบัน Sharma กับผู้ร่วมก่อตั้ง Micromax คนอื่นๆ ต่างก็มีสินทรัพย์กันเฉียดๆ พันล้านเหรียญแล้ว Sharma เริ่มฉายแววการเป็นเจ้าของกิจการยักษ์ใหญ่ในปี 2007 เมื่อเขาเดินทางไปยังชนบทของรัฐ Bihar ทางตอนกลางของประเทศอินเดีย และเห็นว่ามีคนเข้าคิวอย่างอดทนข้างถนนเพื่อรอชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่าย 25 รูปี (40 เซ็นต์) เพราะแบตโทรศัพท์ไม่มีประสิทธิภาพทำให้หมดเร็ว และไฟฟ้าก็ยังเข้าไม่ถึงในหมู่บ้าน Micromax Informatics ซึ่งเป็นชื่อที่บริษัทใช้มาตั้งแต่ตอนนั้นได้นำโทรศัพท์รุ่นแรกซึ่งแบตเตอรี่สามารถใช้ในโหมด standby ได้นานถึงหนึ่งเดือนเต็มๆ ออกวางจำหน่ายในปี 2008 และโทรศัพท์รุ่น Xtreme ล็อตแรกที่ผลิตขึ้นมา 10,000 เครื่องก็ขายหมดเกลี้ยงภายในระยะเวลาแค่ 10 วัน ต่อจากนั้นบริษัทก็พัฒนานวัตกรรมอื่นๆ ตามมาอย่างรวดเร็ว “ใครก็ตามที่สามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟนจากฉลาดให้กลายเป็นอัจฉริยะได้ สามารถบอกคุณได้ว่าคุณต้องกินอะไร ต้องออกกำลังแค่ไหนและเมื่อไหร่ ต้องใส่เสื้อผ้าแบบไหน ต้องดูอะไร จะกลายเป็นผู้ชนะในเกมนี้”Sharma กล่าว เขาประทับใจกับรถหรูคันแรกที่เขาเป็นเจ้าของ และเปรียบเทียบสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของ Micromax ว่าเป็นเหมือนกับ BMW series 3 ในขณะที่รุ่นปัจจุบันที่ทั้งบางและเบาเป็นเหมือนกับ series 5 “จับตาดูให้ดี series 7 กำลังจะมา” เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยาคลิ๊กเพื่ออ่าน "Series 7 รุกตลาดมือถือโลก" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ DECEMBER 2015
