ถ้าไม่เปลี่ยนเป็นดิจิทัลก็ตาย - Forbes Thailand

ถ้าไม่เปลี่ยนเป็นดิจิทัลก็ตาย

Pat Gelsinger ซีอีโอของ VMWare กล่าวว่าเทคโนโลยีไม่เคยก้าวหน้าด้วยอัตราเร่งเท่านี้มาก่อน และซีอีโอทุกคนในอเมริกาต้องรีบคว้าโอกาสนี้ เทคโนโลยีกำลังก้าวหน้าเร็วขึ้นหรือช้าลงทั้งสองอย่าง กฎของ Moore ยังคงดำเนินต่อ เพียงแต่คลาดเคลื่อนไป ก่อนหน้านี้เป็นช่วงที่จำนวนทรานซิสเตอร์บนชิปประมวลผลเพิ่มขึ้นสองเท่าทุก 2 ปี ส่วนตอนนี้เปลี่ยนเป็นเพิ่มขึ้นสองเท่าทุก 3 ปี

ทำไม เพราะการเปลี่ยนชิปขนาด 14 นาโนเมตรให้เป็น 7 นาโนเมตรเป็นเรื่องยาก เรากำลังเข้าใกล้ขีดจำกัดทางกายภาพ และต้องใช้เงินทุนมหาศาลถ้าจะผลิตชิปแบบนั้น แต่คุณบอกว่าเทคโนโลยีก็ก้าวหน้าเร็วขึ้นด้วย ในยุค cloud อย่างตอนนี้ ถ้าคุณให้เงินผมพันเหรียญสหรัฐฯ กับบัตรเครดิตใบหนึ่ง ผมจะให้คุณได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกภายใน 2 นาที ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่กว่าเครื่องไหนๆ ที่เคยสร้างมา และผู้ประกอบการทั่วโลกก็ใช้ประโยชน์จากมันได้ สิ่งที่คุณเรียกว่า “4 มหาอำนาจแห่งเทคโนโลยี” หมายถึงอะไร 4 มหาอำนาจคือ คลาวด์ (cloud) อุปกรณ์พกพา (mobile) อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI ) ซึ่ง cloud คือพลังระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ประมวลผลข้อมูลได้ไม่จำกัด, mobile คือการเข้าถึงผู้ใช้งานอย่างไม่จำกัด, IoT คือการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างไม่จำกัด และ AI คือสติปัญญาที่ไม่มีใครเทียบผลจากทั้งสี่อย่างนี้รวมกันทำให้เกิดวิวัฒนาการด้านเทคนิคอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ AI ทำให้ผู้คนทั้งทึ่งและกลัว ทำไม AI จึงพัฒนาเร็วขนาดนี้ รากฐานของ AI เปลี่ยนแปลงไปน้อยมากในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเร็วเป็นพิเศษคือเดี๋ยวนี้เรามีข้อมูลจำนวนมากและประมวลผลได้ในจำนวนมาก แต่ไอเดียที่เป็นแกนสำหรับอัลกอริทึมของ AI ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักสิ่งสำคัญจริงๆ คือฮาร์ดแวร์ผมสามารถนำอัลกอริทึมกระจอกแบบเก่าไปรันบนคอมพิวเตอร์จำนวนมากเพื่อคำนวณชุดข้อมูลที่เยอะเป็นพิเศษ แล้วเริ่มได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจออกมา นี่แหละคือสิ่งที่เปลี่ยนไป ผู้นำในธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจเทคโนโลยีเริ่มคิดเรื่องนี้บ้างหรือยังหวังว่าจะคิดกันนะ เพราะมันเกี่ยวกับความอยู่รอดของธุรกิจทุกประเภท บริษัทรถเช่าใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Uber ไม่มีรถยนต์ของตัวเอง บริษัทโรงแรมใหญ่ที่สุดอย่าง Airbnb ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงแรมสักแห่ง ความสามารถในการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากได้เข้ามาเปลี่ยนทุกอย่างซีอีโอกับบอร์ดต้องถามกันแล้วว่า “เอาล่ะ ฉันจะใช้สินทรัพย์ของฉัน ตำแหน่งในอุตสาหกรรม และมหาอำนาจใหม่เหล่านี้อย่างไร”  ถ้าใครไม่ถาม ก็โชคดีแล้วกัน เพราะโดนคนอื่นเขี่ยตกขอบแน่นอน มีแต่ซีอีโอใจแข็งเท่านั้นถึงจะกล้าพูดกับบอร์ดว่า “เรากำลังจะเปลี่ยนแปลง แต่พวกคุณต้องเกลียดผลลัพธ์ในระยะสั้นแน่ๆ” คุณต้องพูดแบบนี้ “เราจะเดินผ่านหุบเขามรณะกันเป็นเวลา 3 ปีแต่ถ้าไม่ไป มีหวังถูกจับกินทั้งเป็นแน่” ซึ่งถ้าซีอีโอเข้าไปคุยแล้วบอร์ดยังไม่สนับสนุน ซีอีโอคนนั้นก็ควรคิดเรื่องลาออกไว้ให้ดี ก่อนมาอยู่กับ VMWare คุณเคยทำงานที่ Intel มา 30 ปี ได้เรียนรู้อะไรจากผู้ก่อตั้ง Intel อย่าง Bob Noyce, Gordon Moore และ Andy Grove บ้าง Gordon เป็นเศรษฐีพันล้านที่ติดดินที่สุดเท่าที่เคยมีมา ครั้งหนึ่งผมกับภรรยาไปห้าง Macy’s แล้วมองไปเห็น Betty ภรรยาของ Gordon กำลังคุ้ยกระบะสินค้าราคา 1 เหรียญอยู่เลย (หัวเราะ) ส่วนอีก 2 คนคือ Noyce กับ Grove ทะเลาะกันบ่อยมาก พวกเขาปล่อยวางความขัดแย้งอย่างไร ถ้าคุณเห็น Andy กับ Bob เถียงกัน คุณจะนึกว่า “สองคนนี้ฆ่ากันแน่ พวกเขาเกลียดกัน” แต่ Andy ชอบการโต้เถียงมากเขาอยากเถียงกับคนที่มีมุมมองแตกต่าง มีข้อมูลมาโต้แย้งและพร้อมจะปกป้องมุมมองของตัวเอง   Pat Gelsinger ให้สัมภาษณ์กับ Rich Karlgaard นักเขียนบทความและนักอนาคตศาสตร์โลก ของ FORBES บทสัมภาษณ์ฉบับนี้ผ่านการเรียบเรียงและสรุปย่อแล้ว เชิญอ่านบทสนทนาฉบับเต็มได้ที่ FORBES.COM/SIT ES/RICHKARLGAARD
คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ มิถุนายน 2561 ในรูปแบบ e-Magazine