Alice Chang กับธุรกิจซอฟต์แวร์เปิดโลกความงามเสมือนจริง - Forbes Thailand

Alice Chang กับธุรกิจซอฟต์แวร์เปิดโลกความงามเสมือนจริง

FORBES THAILAND / ADMIN
07 Jun 2023 | 08:15 AM
READ 8883

Alice Chang ผู้ประกอบการธุรกิจซอฟต์แวร์สร้างความมั่นใจให้กับโลกแห่งความงามด้วยเทคโนโลยีทดลองแต่งหน้าเสมือนจริง เวลานี้บริษัทที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งนี้กำลังไขว่คว้าโอกาสในธุรกิจเครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย และแม้กระทั่งศัลยกรรมตกแต่งและทันตกรรม


    Alice Chang เจ้าแม่แห่งวงการแต่งหน้าเสมือนจริงวัย 60 ปี เธอคือผู้สร้างเทคโนโลยีทดลองแต่งหน้าเสมือนจริงที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านความงามเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น Estee Lauder, Shiseido, Chanel และ Revlon ลูกค้าที่เคยต้องเดาว่าเฉดสีลิปสติก รองพื้น หรืออายแชโดว์ เมื่อแต่งออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร สามารถทดลองตัวเลือกต่างๆ ได้มากขึ้นทั้งทางออนไลน์และในร้านค้าก่อนตัดสินใจซื้อ

    “เราทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ใดเหมาะกับพวกเขามากที่สุด” Chang กล่าว “แทนที่จะต้องลองแล้วลองอีก หรือซื้อไปแล้วต้องส่งคืน”
Perfect Corp. กลายเป็นผู้ครองตลาดเทคโนโลยีทดลองแต่งหน้าเสมือนจริง ซึ่งเป็นสาขาที่ร้านค้าปลีกหันมาสนใจลงทุนกันมากขึ้น ด้วยความต้องการเพิ่มยอดขายและลดการส่งคืนสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสั่งซื้อออนไลน์ 

    บริษัทอายุ 7 ปีแห่งนี้ได้รับเงินทุน 130 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากบรรดานักลงทุนอย่าง Goldman Sachs, Snap, Alibaba และ Chanel ฝึกอบรมเทคโนโลยีของตนเองให้กับบรรดาผู้ใช้งานไปแล้วนับร้อยล้านคน คิดเป็นการทดลองแต่งหน้าเสมือนจริงรวมกันนับพันล้านครั้ง

    ในบรรดาบริษัทความงามรายใหญ่ที่สุดในโลก 20 แห่งเป็นลูกค้าของ Perfect Corp. ไปแล้ว 17 แห่ง ครอบคลุมแบรนด์ต่าง ๆ กว่า 450 แบรนด์ “เห็นได้ชัดว่าเธอมีบริษัทชั้นนำที่มีความสำคัญไว้ในมือถึง 85%” Clarke Jeffries นักวิเคราะห์ประจำ Piper Sandler กล่าว “ปกติแล้วคุณจะไม่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดระดับนี้ได้เร็วขนาดนี้”

    ยักษ์ใหญ่สายเทคโนโลยีอย่าง Meta, Google และ Snap ต่างก็อนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีของเธอเพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองและซื้อผลิตภัณฑ์ทางแพลตฟอร์มของตน ปัจจุบันมีผู้บริโภค 19 ล้านคน (และมีเพียงส่วนน้อยที่จ่ายเงินค่าสมาชิก) ที่ใช้แอปทดลองแต่งหน้าเสมือนจริงและแอปตกแต่งรูปภาพของบริษัท ค่าบริการสมาชิกรวมกันแล้วผลักดันรายได้ประจำปีของบริษัทแตะ 47 ล้านเหรียญในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 85%

    หลังจากที่ลุยบุกตลาดด้วยความยากลำบากและเข้าร่วมลงทุนกับบริษัท SPAC แห่งหนึ่งไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา (ซึ่งหุ้น 14% ที่ Chang ถือมีมูลค่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เธอเห็นโอกาสที่กว้างไกลกว่าเพียงการแต่งหน้า เธอวางแผนจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับช่างทำผม แบรนด์เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งและหมอฟัน

    Chang เกิดที่ไต้หวันเมื่อปี 1961 ท่ามกลางกฎอัยการศึกที่ใช้บังคับมานานหลายทศวรรษ พ่อและแม่ของเธอทำงานให้กับกองทัพก่อนจะเข้ารับราชการ “เราเป็นครอบครัวธรรมดา” พ่อแม่ของ Chang อยากให้เธอเป็นครู แต่เธอกลับเลือกเรียนการบริหารธุรกิจที่ National Taiwan University ก่อนจะได้งานทำในธนาคารแห่งหนึ่ง 

    การแต่งตัวให้เหมาะสมกับงานในธนาคารทำให้เธอต้องใส่สูทและทดลองแต่งหน้าเป็นครั้งแรกในชีวิต สมัยที่ยังไม่มี YouTube ในเวลานั้น เธอจึงต้องฝึกเอง ขณะที่แม่ของเธอก็ไม่แต่งหน้าจึงไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

    เธอเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนธุรกิจของ UCLA ในปี 1986 ที่แห่งนั้นเองทำให้เธอได้พบกับสามี Jau Huang ทั้งคู่เดินทางกลับมาไต้หวันด้วยกัน Chang ได้งานสายวาณิชธนกิจที่ Citibank ขณะที่ Huang สอนวิชาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ 

    หลังจากนั้น 2 ปี Chang ย้ายไปร่วมงานกับ Trend Micro บริษัทซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส เพื่อช่วยปรับโครงสร้างและเตรียมพร้อมสำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ท้ายที่สุดแล้วเธอไม่เพียงแต่ได้ดำรงตำแหน่งด้านการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสายปฏิบัติการและการตลาดด้วย

    ในปี 1997 Chang ยอมให้บริษัทเฉือนค่าจ้างของตนออก 80% เพื่อเริ่มธุรกิจกับสามี โดยใช้ชื่อว่า CyberLink ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้มีมากนักบนเกาะที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตชิปคอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์อื่นๆ มากกว่า สองสามีภรรยาสร้างโปรแกรม PowerDVD สำหรับใช้ดูภาพยนตร์จากดีวีดีได้ทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งกลายเป็นซอฟต์แวร์มาตรฐานที่ใช้งานกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก 

    ทั้งสองร่วมธุรกิจกับบรรดาบริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Dell, HP, Lenovo และอื่นๆ กระทั่งซอฟต์แวร์ของทั้งคู่ได้รับการติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ถึง 90% จากบรรดาคอมพิวเตอร์ที่มีการส่งมอบกันทั่วโลก Chang ดำรงตำแหน่งซีอีโอยาวนานถึง 18 ปี และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2000 พร้อมกับการพัฒนาซอฟแวร์มัลติมีเดียประเภทอื่นๆ เป็นต้นว่าการเบิร์นซีดีและการปรับแต่งรูปภาพ จนสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 150 ล้านเหรียญในปี 2010

    เมื่อยอดขายคอมพิวเตอร์เริ่มชะลอตัว Chang จึงเริ่มหาวิธีขยายกิจการเข้าสู่โทรศัพท์สมาร์ทโฟน จนกระทั่งเธอเริ่มหลงใหลการถ่ายภาพเซลฟี่ส่งต่อให้กับเพื่อนๆ และครอบครัว แต่ในเวลานั้นก็ยังไม่มีวิธีการแต่งภาพดีๆ ในปี 2014 เธอจึงสร้าง YouCam Perfect แอปฟรีที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแต่งภาพเซลฟี่ให้ออกมา “เพอร์เฟกต์” ไม่ว่าจะเป็นการทำสีฟันขาว ลบสิวและรอยคล้ำรอบดวงตา เพียงปีแรก YouCam Perfect มียอดดาวน์โหลด 17 ล้านครั้งแม้จะไม่มีการทำการตลาดเลย

    ความต้องการแอปพิสูจน์ตัวเองได้เป็นอย่างดี “ฉันเชื่อว่าการดูดีคือความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน” Chang กล่าว เธอเปิดตัวแอปที่ 2 ที่มีชื่อว่า YouCam Makeup แอปที่ผู้ใช้สามารถเติมลิปสติก ปัดขนตา ลงสีเปลือกตา และแต่งหน้าในรูปแบบเสมือนจริงลงบนภาพถ่าย
แม้จะประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บริษัทน้องใหม่แห่งนี้ยังคงต้องดิ้นรนหาทางสร้างรายได้ 

    ในปี 2015 Chang พร้อมกับพนักงาน 80 คน (โดยมากเป็นวิศวกร) แยกกิจการออกจากจาก CyberLink มาจัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า Perfect Corp. จากนั้นเธอจึงเริ่มนำเสนอเทคโนโลยีต่อแบรนด์ความงามต่างๆ เธอตระเวนเดินทางไปยัง New York, Paris, Tokyo และ Shanghai รวม 19 ครั้งในเวลา 1 ปี โดยให้คำยืนยันว่า เธอจะช่วยผลักดันยอดขายได้หากลูกค้ามีความมั่นใจที่จะซื้อ

    เพียงไม่กี่อึดใจเครื่องมือเสนอเฉดสีที่เหมาะกับสีผิวของฉันมากที่สุด (bone) และลิปสติกอีก 2 สี (สีแดง “blush” และสีแดง “red hot”) ฉันตรวจสอบภาพก่อนและหลังแต่งหน้าเสมือนจริงบนจอภาพ และกดเลือกสินค้าทั้งสองอย่างลงตะกร้าโดยไม่ต้องคิดมาก

    นักช็อปจำนวนมากได้รับอิทธิพลจากเครื่องมือนี้ Clinique บอกว่า ลูกค้าที่ใช้เครื่องมือทดลองแต่งหน้าเสมือนจริงจะใช้เวลาในเว็บไซต์เพิ่มขึ้น 4-5 เท่า และมีแนวโน้มซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ส่งผลให้มูลค่าการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นถึง 30%

    ในกรณีศึกษาของบริษัทซึ่งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ Jeremy Harris หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีประจำ Clinique บอกว่า เครื่องมือดังกล่าวมี “ความสมจริงสูง” และลูกค้าใช้งานได้อย่างสนุก

    กระแสตอบรับเช่นนี้เองที่ทำให้แบรนด์ต่างๆ เพิ่มลูกเล่นการทดลองแต่งหน้าเสมือนจริงทั้งในร้านค้าและเว็บไซต์ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา Nars พบว่า ลูกค้าที่ใช้เครื่องมือจะมีการทดลองลิปสติก 27 แท่ง คิดเป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจ 4 เท่าตัว ขณะเดียวกัน Benefit Cosmetics รายงานว่า จำนวนผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ตกแต่งคิ้วเพิ่มขึ้น 113% หลังจากที่เปิดให้ลูกค้าทดลองใช้เครื่องมือแต่งคิ้ว

    Perfect Corp. มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีการติดตามใบหน้าที่สามารถสร้างรายละเอียดในรูปแบบ 3 มิติจากการระบุลักษณะของใบหน้าได้ถึง 200 จุดแบบเรียลไทม์ เท่ากับว่า แม้ผู้ใช้จะขยับใบหน้า แต่ภาพแสดงการแต่งหน้าจะยังคงอยู่ 

    Perfect Corp. บอกว่า เทคโนโลยีของพวกเขาสามารถระบุโทนสีผิวได้ครอบคลุมมากที่สุดในอุตสาหกรรมถึงกว่า 90,000 โทนสี มีฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์กว่า 500,000 รายการ สามารถแสดงลักษณะเนื้อผิวต่างๆ เช่น เนื้อฉ่ำวาวหรือเนื้อแมตต์

    อย่างไรก็ตามบริษัทต้องเผชิญการแข่งขันเล็กๆ อยู่บ้าง คู่แข่งที่ใกล้เคียงกับ Perfect Corp. มากที่สุดคือ ModiFace ที่ LOreal เลือกใช้งานเมื่อปี 2018 ขณะที่ Ulta Beauty พัฒนาเครื่องมือทดลองแต่งหน้าของตนเองชื่อว่า GlamLab ที่เหมือนจะอยู่ในระยะเริ่มต้นมากกว่า
ความวิตกกังวลก่อตัวขึ้นเงียบๆ เกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว เนื่องจากบริษัทมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับใบหน้าของบุคคล

    เทคโนโลยีของ Perfect Corp. ตกเป็นประเด็นฟ้องร้องหลายคดี โดยมีการกล่าวหาว่า ลูกค้าของพวกเขาเก็บรวบรวมข้อมูลชีวภาพจากผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอมก่อน โฆษก Perfect Corp. บอกว่า ด้วยนโยบายของบริษัททำให้ไม่สามารถแสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีความที่อยู่ระหว่างดำเนินการได้ แต่บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและไม่เคยขายข้อมูลให้กับบุคคลภายนอกใดๆ

    นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรคทางเศรษฐกิจที่กำลังคืบคลานเข้ามา บริษัทจำนวนมากอยู่ระหว่างการปรับลดต้นทุนก่อนความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจทำให้ Perfect Corp. มีปัญหาในการชี้ชวนลูกค้าทั้งรายใหม่และลูกค้าปัจจุบันให้ตกลงซื้อเทคโนโลยีของตน

    Jeffries นักวิเคราะห์จาก Piper Sandler มองว่า หุ้นของ Perfect Corp. น่าจะขายได้ยาก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการเติบโตของบริษัทจะชะลอตัว ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายลง การช็อปปิ้งออนไลน์จะกลับคืนสู่สภาวะปกติ ขณะที่ผู้บริโภคจะลดการจับจ่าย ซึ่งล้วนแต่เป็นแรงกดดันหุ้นของบริษัท สำหรับหุ้น Perfect Corp. มีมูลค่าลดลง 1 ใน 3 นับตั้งแต่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)

    อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าจะทำยอดขายแตะ 100 ล้านเหรียญภายในปี 2024 บนข้อสันนิษฐานว่า ลูกค้าปัจจุบันจะซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ในเครือเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทจะพยายามดึงดูดแบรนด์ความงามอิสระรายย่อยมากขึ้น

    Chang บอกด้วยว่า การเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เห็นภาพเสมือนจริงก่อนซื้อจะช่วยขับเคลื่อนยอดขายและจะกลายเป็นส่วนประกอบปกติของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในภายภาคหน้า โดยลูกค้าไม่ต้องคาดเดา เดินทางมาถึงหน้าร้าน หรือต้องปรึกษาพนักงานขายอีกต่อไป “มันคือความเป็นประชาธิปไตยในกระบวนการตัดสินใจ” Chang กล่าว “ลูกค้าจะได้ลองและตัดสินใจด้วยตนเอง”


เรื่อง: LAUREN DEBTER เรียบเรียง: รัน-รัน 

ภาพ: COURTESY OF PERFECT CORP, JENLINFIELD PHOTOGRAPHY/GETTY IMAGES 



อ่านเพิ่มเติม: เจาะลึก MrBeast เจ้าแห่ง YouTube


คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine