ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวที่เบื่อค่าธรรมเนียมแพงกระฉูด และบริการแย่ๆ ผู้ก่อตั้ง Nubank ธนาคารไร้ค่าธรรมเนียมกลายเป็นธนาคารดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก และลูกค้า 35 ล้านรายของเขาก็เบื่อพอๆ กัน
David Velez ตั้งใจที่จะยกเลิกค่าธรรมเนียมราคาแพงกับบริการแย่ๆ ของธนาคารรายใหญ่ในบราซิล โดยเขาได้ก่อตั้ง Nubank ขึ้นมา ซึ่ง Nubank นี้ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าความฝันซะอีก
แต่ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ เมื่อฤดูร้อนปี 2012 David Velez ย้ายไปยัง Sao Paulo ด้วยดีกรี MBA จาก Stanford ที่เขาเพิ่งได้รับมาหมาดๆ พร้อมกับตำแหน่งงานอันเลิศเลอในฐานะหุ้นส่วนของ Sequoia Capital หลังจากที่ Douglas Leone นายใหญ่ Sequoia ตัดสินใจว่าจ้างหนุ่มโคลอมเบียวัย 30 ปีมาทวงตำแหน่งยักษ์ใหญ่แห่งธุรกิจร่วมลงทุนในประเทศบราซิล ประเทศในวัยเยาว์ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรและประชากร 200 ล้านคน มีเศรษฐกิจเติบโตปีละ 4% มานับทศวรรษจนกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 7 ของโลก
แต่เมื่อถึงวันที่ 1 ตุลาคม Leone มีข่าวร้ายจะแจ้งให้ Velez ทราบ โดยหลังจากที่พิจารณาข้อเสนออันไร้ชีวิตชีวาจากบรรดาผู้ประกอบการชาวบราซิล อีกทั้งยังได้ยินมาว่า มหาวิทยาลัยอันดับ 1 อย่าง University of Sao Paulo ผลิตบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ได้ปีละเพียง 42 คน เขาก็ยอมแพ้ การผจญภัยในประเทศบราซิลของ Sequoia สิ้นสุดลงแค่นั้น
“ก่อนถึงวันเกิดผมพอดี ถึงกับตกใจไปเหมือนกัน” Velez ยอมรับ อย่างไรก็ตามเขาใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพของตนเอง และมองเห็นโอกาสจากความขาดแคลนนักนวัตกรรมชาวบราซิล ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้บรรดาผู้ร่วมลงทุนคนอื่นๆ ในประเทศยอมยกธงขาว “คุณต้องวางตำแหน่งของตัวเองในส่วนตลาดที่ยังขาดแคลน” Velez อธิบาย “ในสหรัฐฯ มีผู้ประกอบการดีๆ เหลือเฟือ คนที่มีประวัติการทำงานและประสบการณ์อย่างผมมีให้เห็นทั่วไปหมด ต่างจากในลาตินอเมริกาซึ่งขาดแคลนมากๆ”
ต่อมาไม่นานเขาวางเป้าหมายได้อย่างหนึ่งคือ ธนาคารขนาดใหญ่ที่ชาวบราซิลเรียกมันว่า ธนาคารไร้คนต่อกร แต่ Velez เห็นว่า ธนาคารเหล่านี้ซึ่งมีชื่อเสียงฉาวโฉด้านการเก็บค่าธรรมเนียมที่แพงลิบลิ่ว มีบริการที่ย่ำแย่ และดูเหมือนว่ายังขาดความใส่ใจเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังเป็นเป้าให้ถูกโจมตี
เพียงไม่ถึง 10 ปีหลังจากธนาคาร Nubank ของ Velez ก่อตั้งใน Sao Paulo ก็มีฐานลูกค้า 35 ล้านคน และได้รับการประเมินมูลค่าสูงถึง 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ Velez ซึ่งดำรงตำแหน่งซีอีโอ นั้นถือหุ้น 23% ซึ่ง Forbes ประเมินว่า มีมูลค่า 5.2 พันล้านเหรียญ
“สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในบราซิลไม่ต่างอะไรกับการปฏิวัติโดยแท้จริง นับเป็นสัญญาณเตือนไปยังธนาคารที่ครองตลาดในเวลานี้ว่า พวกเขาอยู่เฉยๆ มานานเกินไปแล้ว” Nigel Morris ผู้ร่วมก่อตั้ง Capital One และเป็นนักลงทุนใน Nubank กล่าว
“David กำลังจะสร้างมหาอำนาจแห่งการเงินในลาตินอเมริกาที่มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านเหรียญ” คือคำทำนายของ Woody Marshall หุ้นส่วนของ TCV และ เป็นนักลงทุนอีกคนหนึ่งใน Nubank ด้วยเงินลงทุน 1.2 พันล้านเหรียญ ในบรรดาบริษัทที่ได้ทุนสนับสนุนจากเศรษฐีพันล้านและยินดีวางเดิมพันข้าง Velez ประกอบไปด้วย DST Global ของ Yuri Milner, Founders Fund ของ Peter Thiel, Tiger Global ของ Chase Coleman และที่ขาดไม่ได้คือ Leone และ Sequoia
สิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจไม่แพ้กันคือ Velez สร้างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านฟินเทคขึ้นมาในช่วงเวลาที่บราซิลซึ่งเคยรุ่งเรืองมาก่อนนั้นประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และการระบาดของโควิด-19 พอดี ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงเตือนจากชาวบราซิลว่า พวกธุรกิจธนาคารจะต้องพยายามขัดขวางเขาแน่ๆ หรือหากเลวร้ายกว่านั้น “พวกมันจะฆ่าคุณ และลักพาตัวลูกๆ ของคุณไป” Velez บอกเล่าคำพูดของเพื่อนคนหนึ่ง
ก่อนจะมาเป็นเพชรฆาต
ในวัยเด็ก Velez ได้เห็นบรรดาผู้ประกอบการต้องฝ่าฟันความยากลำบาก เขาเกิดที่ประเทศโคลอมเบียในปี 1981 ครอบครัวของเขาเหมือนเป็นชุมชนนักธุรกิจย่อมๆ (พี่น้อง 11 คนของพ่อเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ) เขาเห็น Medellín บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองได้รับความเสียหายจากสงครามยาเสพติด และจำได้ว่าครั้งหนึ่งเขากับครอบครัวออกจากห้างสรรพสินค้าเพียงไม่กี่นาทีก่อนเกิดเหตุระเบิด
หลังจากที่คุณลุงของเขาถูกลักพาตัวและได้รับความช่วยเหลือออกมาได้สำเร็จ Velez วัย 9 ขวบในเวลานั้น พร้อมกับพ่อแม่และพี่น้อง 2 คน (ปัจจุบันทั้งคู่ก็เป็นผู้ประกอบการ) จึงย้ายไปยังคอสตาริกา คุณพ่อของ Velez ซึ่งเคยเป็นเจ้าของร่วมโรงงานกระดุมเล็กๆ แห่งหนึ่งกับพี่น้องอีก 2 คนในโคลอมเบียสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นที่นั่น
Velez เข้าเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาภาษาเยอรมันในท้องถิ่น และจบการศึกษาด้วยคะแนนสูงสุดของรุ่น พร้อมคว้าโอกาสเข้าศึกษาต่อที่ Stanford เขาเรียนวิชาเอกวิศวกรรมศาสตร์ และปรารถนาที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสธุรกิจสตาร์ทอัพใน Silicon Valley แต่เมื่อ Google ถือกำเนิดขึ้นมาในหอพักของ Stanford นักศึกษาอย่าง Velez กลับไม่สามารถคิดไอเดียเจ๋งๆ ออกมาได้
หลังจบการศึกษาเขาจึงเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยกว่าคือ เข้ารับงานวาณิชธนกิจที่ Morgan Stanley 2 ปีต่อมาเขาย้ายไปร่วมงานกับ General Atlantic บริษัทลงทุนในหุ้นนอกตลาดเพื่อขยายการลงทุนในลาตินอเมริกา
ในปี 2010 เขาย้ายกลับมาศึกษาต่อ MBA ที่ Stanford ในเวลานั้นเขาหวังว่าจะได้พัฒนาแนวคิดสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพของตนเอง พร้อมบริหารงานด้วยสัญชาตญาณนักล่า อย่างไรก็ตามขณะที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่นั้น เขาได้รับการว่าจ้างจาก Leone ให้มาพัฒนากิจการของ Sequoia ในลาตินอเมริกา แต่เมื่อโอกาสนั้นสลายไป เขาจึงกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ที่คอสตาริกาเพื่อวางแผนต่อ
Velez ไม่มีแววเป็นเพชฌฆาตแม้แต่น้อย เขาเป็นคนนิ่งๆ ก่อนเกิดโรคระบาดเขาจะเริ่มต้นการประชุมด้วยการทำสมาธิเป็นเวลา 1 นาที ในเวลาว่างเขาชอบอ่านหนังสือนวนิยาย โดยมีนิยายเล่มโปรดคือ One Hundred Years of Solitude ของ García Marquez นอกจากนี้ เขายังเป็นแฟนหนังสือเรื่อง Atlas Shrugged ของ Ayn Rand ด้วย
เขาได้เรียนรู้สมัยอยู่ในแวดวงร่วมลงทุนและที่ Stanford ว่าผู้ประกอบการสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยิ่งใหญ่ หากรู้จักใช้เทคโนโลยีกำจัดตำแหน่งงานส่วนเกินที่ขาดการพัฒนา “อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศบราซิลคืออะไร ธนาคารยังไงเล่า และอุตสาหกรรมที่ทำกำไรได้มากที่สุดก็คือ ธนาคารเช่นกัน” Velez กล่าว
สนามรบแห่งวงการธนาคาร
เมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าธนาคาร 5 แห่งคือ Itau, Bradesco, Santander, Banco do Brasil และ Caixa ครองตลาดในบราซิลไปแล้ว 80% พร้อมกับทำกำไรมหาศาลจากการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยสูง คิดค่าธรรมเนียมสุดโต่ง สวนทางกับการบริการอันย่ำแย่ “ธนาคารบราซิลแย่มาก เป็นอย่างนี้มานานแล้วและคงจะเป็นอย่างนี้ต่อไป” Velez เล่าให้ฟังว่า เพื่อนชาวบราซิลคนหนึ่งบอกเขามา
แต่เมื่อเริ่มต้นยุค 2010 Velez เห็นความนิยมอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์และโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วประเทศอันกว้างใหญ่แห่งนี้ “เป็นโอกาสดีมากๆ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอย่างธนาคารซึ่งไม่มีใครสนใจมาก่อน เพราะคิดว่า มันเป็นไปไม่ได้”
เขากล่าวเสริมด้วยว่า “นูแบงก์อาจจะไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้นมาจากผลงานของคนในประเทศเลยด้วยซ้ำ ต้องเป็นระดับนักลงทุนจาก Silicon Valley ที่เคยเห็นเรื่องราวของมดผู้ล้มช้างได้สำเร็จ เพราะถ้าเป็นนักลงทุนจากลาตินอเมริกามาเห็นเข้าก็คงจะบอกว่า ทำไม่ได้หรอก คงจะโดนช้างขยี้ตายเสียมากกว่า”
Velez ใช้เวลาหลายเดือนพูดคุยกับคนในอุตสาหกรรมธนาคาร พร้อมกับศึกษาธนาคารดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Capital One ในสหรัฐฯ และ ING Direct ในยุโรป และเริ่มวางเส้นทางของตนเอง โดยจะให้ Nubank เริ่มต้นจากบัตรเครดิต จากนั้นจะขยายสู่บริการอื่นๆ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดค่าธรรมเนียมให้ต่ำกว่าบรรดาธนาคารยักษ์ใหญ่
ต่อมาจะใช้การอำนวยความสะดวกโค่นพวกนั้นลงให้ได้ Velez เดินทางกลับไปยังสำนักงานที่ Menlo Park ของ Sequoia ใน California ได้ทุน 1 ล้านเหรียญมาจาก Leone ผู้เป็นคนให้คำปรึกษากับเขา รวมถึงบรรดาอดีตหุ้นส่วนในธุรกิจร่วมลงทุน ขณะที่ Kaszek บริษัทจากอาร์เจนตินาร่วมสมทบทุนอีก 1 ล้านเหรียญ
Roelof Botha หุ้นส่วนใน Sequoia บอกกับ Velez ว่า เขาจำเป็นต้องมีผู้ร่วมก่อตั้งที่มีประสบการณ์ในธุรกิจธนาคาร Velez จึงได้พบและตัดสินใจว่าจ้าง Cristina Junqueira วิศวกรชาวบราซิลวัย 30 ปีผ่านเพื่อนคนหนึ่ง เธอจบการศึกษาหลักสูตร MBA จากสถาบัน Kellogg ของ Northwestern และเพิ่งลาออกจากงานบริหารส่วนธุรกิจบัตรเครดิตที่ Itau
นอกจากนี้ ยังคว้าตัว Edward Wible บัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จาก Princeton ชาวอเมริกันวัย 30 ปี ที่เขารู้จักสมัยร่วมงานกันที่ Sequoia เข้ามาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งคนที่ 3 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของธนาคารดิจิทัลแห่งใหม่นี้
ทั้ง 3 เปิดสาขาขึ้นในบ้านเช่าที่ Sao Paulo ซึ่ง Wible พักอาศัยอยู่ชั้นบน ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 พวกเขาระดมทุนได้ 15 ล้านเหรียญในรอบ Series A โดยมี Sequoia เป็นผู้นำ มี Nigel Morris เข้าร่วมลงทุนผ่าน QED บริษัทร่วมลงทุนในธุรกิจฟินเทคที่มีความชำนาญเฉพาะทาง
เดือนต่อมา พวกเขาก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกคือบัตรเครดิต เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเริ่มต้นกิจการด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นบัญชีธนาคารได้ เพราะมีอุปสรรคสำคัญคือ ต้องมีใบอนุญาตตามกฎบัตรธนาคาร ซึ่งเป็นบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญบราซิลที่ห้ามชาวต่างชาติเป็นเจ้าของธนาคาร แต่สำหรับบริการบัตรเครดิตไม่จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาต
นอกจากนี้ บัตรเครดิตในบราซิลยังมีอัตราดอกเบี้ยสูงสิบลิ่วถึง 200-400% ต่อปีในเวลานั้น เท่ากับว่าลูกค้าจะต้องเลือกว่าจะชำระเต็มจำนวนแต่ในละเดือนหรือจ่ายกำไรเล็กๆ ให้กับ Nubank
แม้ว่าหลักๆ แล้ว Velez ตั้งเป้าที่จะทำเงินจากค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตในส่วนของร้านค้า (ร้านค้าต้องแบ่งยอดขายจากการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตให้แก่ผู้ออกบัตรเครดิตและธนาคารในอัตรา 5%) แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการเรียกเก็บค่าปรับและดอกเบี้ยจากผู้ชำระเงินล่าช้าเช่นกัน
พวกเขาเลือกใช้กลยุทธ์ “เชือกกำมะหยี่” ที่ใช้กันบ่อยใน Silicon Valley แทนการเจียดเงินอันน้อยนิดมาลงทุนด้านการตลาด โดยกลยุทธ์นี้จะเริ่มต้นจากการได้รับคำเชิญจากเพื่อนเพื่อสมัครบัตรเครดิต ซึ่งนอกจากจะเพิ่ม “ความรู้สึกพิเศษ” ให้แก่ลูกค้าแล้ว ดูเหมือนว่า ชาวบราซิลจะถูกใจกลยุทธ์นี้มากๆ
อีกทั้งยังไม่คิดค่าธรรมเนียมรายปี และรับหน้าที่ดำเนินขั้นตอนการสมัครผ่านแอปอีกด้วย โดยผู้ที่มีคุณสมบัติผ่านจะได้รับการแจ้งเตือนภายในเวลาไม่กี่นาที และในอีก 2 วันถัดมาบัตรเครดิตสีม่วงก็จะส่งไปให้ถึงที่ นอกจากนี้ ทุกอย่างตั้งแต่การขอเพิ่มวงเงินไปจนถึงการชำระเงิน และการรายงานการทุจริตสามารถดำเนินการผ่านแอปได้ทั้งหมด
ในทางตรงกันข้าม ธนาคารเกือบทั้งหมดในบราซิลมักจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายปีขั้นต่ำก็ 20 เหรียญ แม้กระทั่งกับบัตรเครดิตพื้นฐานที่สุด และนั่นแค่เริ่มต้นเท่านั้น
ธนาคารยังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการทุจริตไปจนถึงการส่งข้อความแจ้งเตือน จากบทวิเคราะห์ของ JPMorgan ระบุว่า ในปี 2019 ธนาคารในบราซิลมีรายได้จากค่าธรรมเนียมคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40% ของรายได้ทั้งหมด เมื่อเปรียบเทียบกับ 15-20% ในเม็กซิโก อาร์เจนตินา เปรู และชิลี
ในเวลานี้ Nubank กำลังสร้างความกดดันให้กับบรรดาธนาคารที่กินค่าธรรมเนียมจนอ้วนพี ขณะที่ธนาคารขนาดใหญ่พยายามต้านทานอย่างสุดกำลัง
บราซิล ประเทศแห่งอนาคตที่ไม่มีวันมาถึง
ในอดีตมักจะพูดกันว่า “บราซิลเป็นประเทศแห่งอนาคตและจะเป็นเช่นนั้นเสมอ” ซึ่งหมายถึงประเทศที่เศรษฐกิจมีการพึ่งพาทรัพยากรและมีวัฏจักรแห่งความรุ่งเรืองและล่มสลายสลับกันไป อีกทั้งยังหมายถึงการผลาญศักยภาพอันมากมายมหาศาลครั้งแล้วครั้งเล่า
“หากทุกคนมองเห็นภาพรวมเศรษฐกิจมหภาค และเกือบทุกคนรู้สึกหวาดกลัว แปลว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้สร้างสรรค์สิ่งตรงข้ามกันนั้นขึ้นมา เรามองว่า ในระยะเวลาอีก 10, 20 หรือ 30 ปี บราซิลจะพบทางออก” Velez กล่าว
ปลายปี 2014 บราซิลประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง แต่อีกเพียง 12 เดือนให้หลังก็มีผู้ลงชื่อในรายการรอสมัครบัตรเครดิตของ Nubank ถึงกว่า 1 ล้านคน ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสียหายของตนเอง ทางธนาคารทำการอนุมัติผู้สมัครไปเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น พร้อมจำกัดวงเงินต่ำสุดๆ ซึ่งมีวงเงินให้เพียง 14 เหรียญเท่านั้น โดยจะเพิ่มวงเงินบัตรให้หากชำระเงินตรงเวลา
นอกจากนี้ Nubank ยังทดสอบวิธีการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในการใช้ข้อมูลประเมินความเสี่ยง เช่น พิจารณาประวัติการชำระเงินของลูกค้าที่เป็นผู้แนะนำผู้สมัครบัตรเครดิตประกอบข้อมูลเครดิตของตัวผู้สมัครเองด้วย
ในปี 2016 ธนาคารดิจิทัลแห่งนี้มีลูกค้าที่ได้รับอนุมัติบัตรเครดิตจำนวน 1 ล้านคน เกือบทั้งหมดมาจากการบอกเล่าปากต่อปากและลูกค้าอ้างอิง ทำให้ Velez รู้สึกว่าเขาพร้อมที่จะเร่งเครื่องแล้ว
เดือนธันวาคมปีเดียวกันนั้นเอง ในรอบการระดมทุนที่นำโดยบริษัทร่วมลงทุนของ Yuri Milner นั้น Velez ปิดรอบการระดมทุนได้มา 80 ล้านเหรียญ ทั้งนี้เพื่อให้เห็นภาพที่แท้จริง PitchBook คำนวณว่า ธุรกิจสตาร์ทอัพรายอื่นๆ ในบราซิลมีมูลค่าการระดมทุนจากการร่วมลงทุนรวมกันแล้วเพียง 340 ล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา
Velez จัดสรรเงินส่วนหนึ่งมาว่าจ้างพนักงานสายเทคโนโลยี โดยเปิดสำนักงานในเยอรมนีเพื่อที่จะเข้าถึงคนเก่งๆ ได้มากขึ้น
ธนาคารแบบเต็มตัว
ในที่สุดพอถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2017 เมื่อประธานาธิบดีมีคำสั่งยกเว้นระเบียบว่าด้วยการเป็นเจ้าของโดยชาวต่างชาติ Nubank จึงได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคาร ทำให้พวกเขาสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์เช็คและบัญชีเงินฝากได้ ซึ่งทั้งหมดให้บริการในรูปแบบดิจิทัล
ในขณะที่ธนาคารอื่นๆ ที่มีอยู่คิดค่าธรรมเนียมสูงถึงเดือนละ 10 เหรียญต่อบัญชี และคิดค่าธรรมเนียมพิเศษหากถอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม หรือมีการใช้บริการพื้นฐานอื่นๆ แต่ ธนาคารแห่งนี้ให้บริการบัญชีเงินฝากแบบไม่มีค่าธรรมเนียม ยกเว้นแต่เพียงค่าธรรมเนียม 1.20 เหรียญจากการใช้งานผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารอื่น ภายในเวลาเพียง 5 เดือนลูกค้าบัตรเครดิตของ Nubank จำนวน 1.5 ล้านคนจากทั้งสิ้น 4 ล้านคนก็หันมาเปิดบัญชี
Nubank เติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2019 ซึ่งมีโรคระบาดพวกเขาทำรายได้ 523 ล้านเหรียญ และมีผลขาดทุน 78 ล้านเหรียญ จากนั้นกลับเติบโตเร็วยิ่งขึ้นด้วยอานิสงส์จากการประกาศล็อกดาวน์และความหวาดกลัวของผู้คน เช่นเดียวกับบริษัทฟินเทคผู้ให้บริการลูกค้ารายอื่นๆ แม้กระทั่งผู้สูงวัยชาวบราซิลยังหันมาใช้บริการธนาคารผ่านโทรศัพท์มือถือและเว็บไซต์
ในปี 2020 รายได้ของ Nubank เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเป็น 963 ล้านเหรียญ ขณะที่ผลขาดทุนลดลงเหลือ 44 ล้านเหรียญ
ไม่น่าประหลาดใจเลยที่ธนาคารดิจิทัลหลายแห่งในบราซิลเดินตามกันมาติดๆ ขณะที่ธนาคารในรูปแบบเดิมๆ หันไปทุ่มเงินลงทุนมหาศาลด้านเทคโนโลยีบางแห่งถึงกับเปิดตัวบริการดิจิทัลล้วนๆ ขึ้นมาเป็นของตัวเอง ซึ่ง Vélez ตอบโต้ด้วยการสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ
ในปีที่แล้ว Nubank ไปคว้าแพลตฟอร์มบุกเบิกด้านการลงทุนดิจิทัลมาได้สำเร็จ พร้อมกับเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันภัย และสามารถขายกรมธรรม์ได้ 100,000 ฉบับในช่วง 2 เดือนแรก
แม้ว่าความหลากหลายดังกล่าวจะเป็นคุณสมบัติสำคัญของธนาคารดิจิทัล แต่มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ “นูแบงก์คือข้อยกเว้น และเป็นผู้พิสูจน์หลักการนี้” Morris แห่ง QED กล่าว นอกจากนี้ ยังสามารถรักษาความพึงพอใจของลูกค้าในระดับที่แข็งแกร่งอีกด้วย
จากการสำรวจของ JPMorgan เมื่อไม่นานมานี้พบว่า คะแนน Net Promoter Score ของ Nubank (เกณฑ์วัดความพึงพอใจของลูกค้า) อยู่ที่ 86 เมื่อเปรียบเทียบกับ Itau ซึ่งได้ 53 คะแนน และ Bradesco 43 คะแนน “ที่นูแบงก์พวกเขาจะแสดงให้เห็นว่าคุณทำอะไรได้บ้าง คุณกดปุ่มแค่นี้ก็ได้แล้ว” Bruno Alves ลูกค้าวัย 28 ปีจาก Salvador เมืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิลกล่าว
Nubank ขยายกิจการไปยังอาร์เจนตินาและเม็กซิโกในปี 2019 ก่อนรุกเข้าสู่โคลอมเบีย ประเทศบ้านเกิดของเขาในปีที่ผ่านมา แม้ว่าการประชุมส่วนใหญ่จะจัดขึ้นเป็นภาษาอังกฤษเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานที่มาจากนานาประเทศ แต่ Velez ไม่มีแผนที่จะขยายกิจการข้ามไปยังตอนเหนือ
Velez พบกับภรรยา Mariel Reyes Milk ในปี 2013 ในงานชุมนุมธุรกิจระหว่างประเทศที่บาร์แห่งหนึ่งใน Sao Paulo ทั้งสองเป็นคู่รักที่มีอิทธิพลระดับนานาชาติ โดยฝ่ายหญิงมีคุณแม่เป็นชาวอเมริกันและคุณพ่อเป็นชาวเปรู แต่เธออาศัยทั้งที่อุรุกวัย สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ขณะทำงานให้กับ World Bank
ลูกๆ ทั้ง 3 คนเป็นพลเมืองบราซิล ขณะที่ Velez เองเป็นพลเมืองของทั้งโคลอมเบียและคอสตาริกา “ภรรยากับผมมักจะพูดอยู่เสมอว่า เราไม่มีประเทศ ไม่มีรากเหง้า” เขาให้สัมภาษณ์อย่างติดตลกกับนิตยสารฉบับหนึ่งในบราซิลเมื่อปี 2019 “เราอยู่มาหลายประเทศ ไปที่ไหนก็เป็นชาวต่างชาติที่นั่น”
แม้ว่า Velez ไม่มีแผนที่จะเปิดสาขาในสหรัฐฯ แต่เขากำลังพิจารณาจะนำ Nubank เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่นั่น หลักๆ แล้วเรียกว่า เป็น “กิจกรรมทางการตลาดมากกว่า” แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร “เรายังอยู่ในวินาทีแรกของนาทีแรกของช่วงครึ่งแรกในการแข่งขันฟุตบอลเท่านั้นเอง” พ่อเพชฌฆาตใจดีกล่าว “ในลาตินอเมริกาพวกเขาเปรียบเทียบทุกอย่างกับฟุตบอล”
เรื่อง: Jeff Kauflin, Maria Abreu และ Antoine Gara เรียบเรียง: รัน-รัน ภาพ: Gabriel Rinaldi อ่านเพิ่มเติม:- ดิจิทัลปรับเทรนด์การเงิน ซิตี้แบงก์ขยายพอร์ตลูกค้าสถาบัน
- Epic Systems บริษัทผู้กุมข้อมูลคุณ
- '10 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก' ประจำปี 2021
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine