ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแสความสนใจในพลังงานสะอาดที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมรยานยนต์ไฟฟ้าของประธานาธิบดี Joe Biden ที่มูลค่า 1.74 แสนล้านเหรียญ และการเดินหน้าสู่เป้าหมาย “ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์” ภายในปี 2035 ได้มีส่วนผลักดันให้มหาเศรษฐีจากธุรกิจพลังงานสีเขียวสะสมความมั่งคั่งมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน จาก 34 มหาเศรษฐีพันล้านที่ร่ำรวยจากผลิตภัณฑ์ธุรกิจพลังงานสะอาด ตั้งแต่สกู๊ตเตอร์และรถกระบะไฟฟ้า ไปจนถึงแผงโซล่าเซลล์และกังหันลม มีมหาเศรษฐีหน้าใหม่มากถึง 19 รายที่เพิ่งเข้าสู่ทำเนียบภายในปีเดียว ซึ่งได้รับอานิสงส์มาจากความร้อนแรงของตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา
โดยมหาเศรษฐีพลังงานสะอาดที่ร่ำรวยที่สุด ได้แก่
Elon Musk ซีอีโอ Tesla ที่เคยคว้าตำแหน่งมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของโลกในช่วงต้นปี 2021 มาแล้วหลังหุ้นธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าของเขาปรับตัวสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ แต่ล่าสุดบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการถูกสอบสวนข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่รถยนต์ Tesla Model S ที่คาดว่าเปิดระบบ Autopilot ให้ขับขี่อัตโนมัติจนเกิดอุบัติเหตุในรัฐเท็กซัส (และ Musk ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตนเป็นที่เรียบร้อย)
อย่างไรก็ดี Musk ยังคงครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก โดยเป็นรองเพียง Jeff Bezos แห่ง Amazon และ Bernard Arnault จาก LVMH ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.806 แสนล้านเหรียญ
ทั้งนี้ นอกจาก Musk แล้ว ยังมีอีก 7 มหาเศรษฐีจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่นำบริษัทระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปีที่ผ่านมา รายล่าสุด คือ
Denis Sverdlov ที่นำ Arrival เข้าซื้อขายใน Nasdaq เมื่อเดือนมีนาคม ด้วยวิธีการ SPAC
Sverdlov เกิดที่จอร์เจีย ถือสัญชาติรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในลอนดอน ก่อตั้ง Arrival ขึ้นในปี 2015 ประกอบธุรกิจพัฒนารถตู้และรถบัสที่ปลอดมลพิษอย่างแท้จริง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มกระบวนการผลิตรถคันแรกในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021
ด้าน
RJ Scaringe จาก Rivian Automative คือ อีกหนึ่งมหาเศรษฐีธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่เตรียมผลิตรถ SUV ช่วงกลางปีนี้เช่นกัน
ขณะที่ 2 ใน 3 ของมหาเศรษฐีพลังงานสะอาดเป็นพลเมืองชาวจีน (ในที่นี้หมายรวมถึงฮ่องกงด้วย) โดยจีน ประเทศที่มีประชามากที่สุดในโลก เริ่มเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทดแทนภายในประเทศมาเป็นระยะเวลานาน โดยมีเป้าหมายที่จะมุ่งไปสู่ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” หรือลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2060
ในปี 2018
William Li นำ Nio เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา
He Xiaopeng ก็ได้นำ Xpeng ดำเนินการเช่นเดียวกัน ขณะที่คู่สามีภรรยาอย่าง
Dong Jinggui (ทรัพย์สินสุทธิ 3.1 พันล้านเหรียญ) และ
Qian Jinghong (ทรัพย์สินสุทธิ 1.3 พันล้านเหรียญ) ผู้ก่อตั้ง Yadea Group ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าประเภท 2 ล้อขึ้นในปี 2001 ได้จัดจำหน่ายจักรยานและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามากกว่า 80 ประเทศทั่วโลกแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้ มหาเศรษฐีจีนจำนวนมากยังมาจากตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยแค่ Contemporary Amperex Technology Co., Limited (CATL) ในมณฑล Fujian เพียงแห่งเดียวก็สามารถสร้างมหาเศรษฐีพันล้านในธุรกิจพลังงานสะอาดได้มากถึง 4 ใน 10 รายด้วยกัน
CATL หนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีลูกค้ารายใหญ่อย่าง BMW, Volkswagen และ
Geely ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 โดยมี
Robin Zeng มหาเศรษฐีอันดับ 2 จากธุรกิจพลังงานสีเขียว ดำรงตำแหน่งประธาน ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.15 หมื่นล้านเหรียญ ขณะที่รองประธาน
Huang Shilin ซึ่งครองอันดับ 3 มีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 1.42 หมื่นล้านเหรียญ
ทั้งนี้ อีกกว่าครึ่งหนึ่งของทำเนียบเศรษฐีพลังงานสะอาดมีแหล่งที่มาทรัพย์สินมาจากผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับแสงอาทิตย์ อาทิ
Dean Solon จากรัฐ Tennessee ผู้ก่อตั้ง Shoals Technologies ธุรกิจอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับการติดตั้งแผงโซล่าร์ขึ้นในปี 1996 ได้นำบริษัทเข้าระดมทุนจากสาธารณะไปเมื่อเดือนมกราคม 2021 ที่ผ่านมา
ด้านศาตราจารย์มหาวิทยาลัยชาวจีน
Cao Renxian ก้าวสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีหน้าใหม่เมื่อปีที่แล้ว โดยได้รับอานิสงส์มาจาก Sungrow Power Supply ซึ่งเขาก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เพื่อผลิตอินเวอร์เตอร์ที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรงจากแผงโซล่าร์เป็นกระแสสลับสำหรับโครงข่ายไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังมีมหาเศรษฐีอีกหลายรายที่สะสมความมั่งคั่งจากอุตสาหกรรมพลังงานลม อาทิ
Aloys Wobben ชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “Mr. Wind” ผู้ก่อตั้ง Wobben’s Enercon หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตกังหันลมรายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยยอดขายต่อปีเฉลี่ยอยู่ราว 4 พันล้านเหรียญ ขณะที่ Jose Elias ก่อตั้ง Audax Renovalbles ธุรกิจกังหันลมในสเปน ฝรั่งเศส และโปแลนด์ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในสเปน โปรตุเกส และอิตาลี
พบกับ
10 มหาเศรษฐีธุรกิจพลังงานสีเขียว ประจำปี 2021 จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 21 เมษายน 2021
อันดับ 1
Elon Musk
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.806 แสนล้านเหรียญ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Tesla, SpaceX
สัญชาติ: อเมริกัน
บริษัท: Tesla, Inc.
อันดับ 2
Robin Zeng
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 3.15 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
สัญชาติ: ฮ่องกง
บริษัท: Contemporary Amperex Technology
อันดับ 3
Huang Shilin
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.42 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
สัญชาติ: จีน
บริษัท: Contemporary Amperex Technology
อันดับ 4
Li Zhenguo
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 9.7 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: แผงโซล่าร์
สัญชาติ: จีน
บริษัท: Longi Green Energy Technology
อันดับ 5
Pei Zhenhua
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 8.3 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
สัญชาติ: จีน
บริษัท: Contemporary Amperex Technology
อันดับ 6
Aloys Robben
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 6.9 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: กังหันลม
สัญชาติ: เยอรมัน
บริษัท: Enercon
อันดับ 7
Denis Sverdlov
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 6.8 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: ยานยนต์ไฟฟ้า
สัญชาติ: รัสเซีย
บริษัท: Arrival
อันดับ 8 (ร่วม)
He Xiaopeng
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 6.4 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: ยานยนต์ไฟฟ้า
สัญชาติ: จีน
บริษัท: Xpeng Inc.
Li Ping
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 6.4 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
สัญชาติ: ฮ่องกง
บริษัท: Contemporary Amperex Technology
อันดับ 10
Lin Jianhua
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 6 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: ยานยนต์ไฟฟ้า
สัญชาติ: จีน
บริษัท: Hangzhou First Applied Material
แปลและเรียบเรียงจากบทความ The 10 Richest Green Energy Billionaires In 2021 โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม:
การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ประจำปี 2021