'Sanjiv Lamba' ราชาแห่งก๊าซสีเขียว - Forbes Thailand

'Sanjiv Lamba' ราชาแห่งก๊าซสีเขียว

FORBES THAILAND / ADMIN
19 Sep 2024 | 09:01 AM
READ 170

Sanjiv Lamba ราชาแห่งก๊าซสีเขียว เขาคือคนบาปที่กลับใจ เพราะบริษัท Linde PLC ของเขาที่คอยจัดหาก๊าซอุตสาหกรรมให้ปล่องควันของโลก ได้แก่ โรงงานปุ๋ย โรงงานเหล็กกล้า โรงงานแก้ว โรงกลั่นน้ำมัน และบริษัทปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 38 ล้านตันต่อปีสู่ชั้นบรรยากาศ กำลังปรับเปลี่ยนองค์กรให้การดำเนินงานเหลือคาร์บอนป็นศูนย์ให้ได้ในท้ายที่สุด


    Linde PLC สวมบทบาทหนักในอุตสาหกรรมหนัก บริษัทนี้จัดหาก๊าซอุตสาหกรรมให้ปล่องควันของโลก ได้แก่ โรงงานปุ๋ย โรงงานเหล็กกล้า โรงงานแก้ว โรงกลั่นน้ำมัน และบริษัทปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 38 ล้านตันต่อปีสู่ชั้นบรรยากาศ

    นี่คือคนบาปที่กลับใจ Sanjiv Lamba ซึ่งบริหารบริษัทจากสำนักงานในเมือง Danbury รัฐ Connecticut ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ร่ายยาวถึงสิ่งที่ Linde กำลังทำเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เขาบอกว่า บริษัทกำลังปรับให้การดำเนินงานเหลือคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (ในท้ายที่สุด) และในขณะเดียวกันก๊าซเรือนกระจกทุกปอนด์ที่บริษัทปล่อยออกมาจะกลายไปเป็นผลิตภัณฑ์และองค์ความรู้ที่ช่วยให้ลูกค้าเลี่ยงการปล่อยก๊าซได้กว่า 2 ปอนด์ เขาเล่าถึงเงิน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ Linde จะใช้ลงทุนในโรงงานผลิตไฮโดรเจนที่เมือง Beaumont รัฐ Texas ซึ่งจะกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นไว้ในดิน

    “พลังงานไฮโดรเจนคืออนาคตของเรา และ Linde คือผู้นำทาง” บริษัทประกาศบนเว็บไซต์ เมื่อรถบรรทุก รถโดยสาร และเรือต้องใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน Linde จะเป็นตัวเลือกที่พร้อมที่สุด เพราะรู้วิธีจัดการกับก๊าซภายใต้ความดัน 10,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

    การปฏิวัติเพื่อพลังงานสีเขียวเจอปัญหาต่อเนื่อง ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากองทุน Invesco Wilder Hill Clean Energy ทำเงินของนักลงทุนหายวับไป 72% ยอดขายต่อหน่วยของ Tesla ลดลง ผู้ผลิตกังหันลมรายใหญ่ (Vestas และบริษัทที่แยกจาก GE และ Siemens) แทบจะไม่ได้กำไรหรือกำลังขาดทุนกัน Wall Street เต็มไปด้วยบริษัทผลิตไฮโดรเจนที่ขาดทุน

    ในสภาวการณ์เช่นนี้ Linde เป็นเหมือนตัวประหลาด บริษัทมีรายได้สุทธิ 6.2 พันล้านเหรียญจากรายได้ 3.3 หมื่นล้านเหรียญในปีที่แล้ว ไม่ว่า Lamba จะชื่นชม Greta Thunberg มากแค่ไหน แต่อัตรากำไรจากการดำเนินงานของเขาก็ยังสำคัญกว่า (27.6% ถ้าหักค่าธรรมเนียมทางบัญชีที่ใช้ในการควบรวมกิจการ)

    Lamba วัย 59 ปี เติบโตมาในสายการเงิน โดยเริ่มจากอินเดียบ้านเกิดของเขา บทสนทนาอันฉับไวมีแต่ตัวเลข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตรากำไรหรือสูตรเคมี ลองดูที่ตัวเลขด้านการผลิตไฮโดรเจนที่เขาประเมินไว้สิ ทั้งนี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency) มองในแง่ดีสุดๆ ว่า ในปี 2050 จะมีแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำจะเพิ่มขึ้น 420 เท่า

    มี 2 วิธีดีๆ ในการจัดการกับธาตุที่มีอยู่ล้นเหลือนี้ วิธีแรกคือ การส่งผ่านกระแสไฟฟ้าในน้ำ ซึ่งเป็นวิธีที่นักสิ่งแวดล้อมช่างฝันชื่นชอบถ้าไฟฟ้านั้นมาจากแผงโซลาร์เซลล์หรือกังหันลม อีกวิธีหนึ่งคือ การให้ความร้อนก๊าซมีเทนซึ่งมักใช้ไอน้ำร่วมด้วย นั่นคือเทคนิคที่ Linde ใช้ผลิตไฮโดรเจนส่วนใหญ่ ปฏิกิริยาเคมีนี้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 10 ปอนด์ต่อก๊าซไฮโดรเจน 1 ปอนด์

    ก๊าซไฮโดรเจนสามารถผลิตได้จากก๊าซมีเทนด้วยราคาไม่เกิน 1 เหรียญต่อกิโลกรัม และเพิ่มเป็นเท่าตัวหากต้องกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาไว้ใต้ดิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ Linde ตั้งใจจะทำที่เมือง Beaumont โดยเริ่มตั้งแต่ปลายปีหน้า การกักเก็บคาร์บอนจะทำให้ Linde ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางประมาณ 80 เซ็นต์ต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ต้นทุนสุทธิในการผลิตไฮโดรเจนสะอาดอยู่ที่ราวๆ 1.10 เหรียญ ซึ่งแพงกว่าต้นทุนของไฮโดรเจนสกปรกเล็กน้อย แต่ไฮโดรเจนที่ดีก็ควรได้เงินเพิ่มจากลูกค้าอุตสาหกรรมที่ต้องการโฆษณาความดีของตนเองนะ ถ้าทุกอย่างไปได้สวยไฮโดรเจนที่ผลิตที่ Beaumont จะทำกำไรให้ Linde พอๆ กับที่ไฮโดรเจนสกปรกทำได้ตอนนี้เลย ส่วนตัวเลขของไฮโดรเจนที่ผลิตจากไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอาจจะดูไม่ดีนัก โดยมีต้นทุน 5-8 เหรียญต่อกิโลกรัม เงินช่วยจากรัฐบาลกลาง 3 เหรียญนั้นไม่เพียงพอที่จะช่วยประหยัด อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ วายร้ายคือรายจ่ายฝ่ายทุน

    นี่เป็นอีกจุดที่ต้องเช็กเรื่องความสมเหตุสมผล Lamba บอกว่า เครื่องแยกน้ำด้วยกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส หรืออิเล็กโทรไลเซอร์ กินพื้นที่ถึง  5 เท่าเทียบกับโรงงานผลิตไฮโดรเจนที่เริ่มจากก๊าซมีเทนและกักเก็บคาร์บอนทีหลัง และถ้าอิเล็กโทรไลเซอร์ของคุณใช้พลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ให้เพิ่มพื้นที่อีก 500 เท่า

    Linde บูชาเทพที่หมุนเวียนได้ตามความสมเหตุสมผล และกำลังลงทุนกับอิเล็กโทรไลเซอร์ ซึ่งรวมถึงรุ่นไฮเทคที่ใช้เมมเบรนแลกเปลี่ยนโปรตอนเพื่อทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อไรสิ่งเหล่านี้จะมีต้นทุนที่ถูกลงล่ะ? Lamba ตอบว่า บางทีในอีก 5-7 ปี ซึ่งอาจเป็นการพูดให้น่าฟังแทนคำว่า “รอจนรากงอก” ก็เป็นได้

    สิ่งสำคัญในสวรรค์แห่งเชื้อเพลิงจากน้ำคือ การหาไฟฟ้าให้ได้ Linde ไม่ได้คุยโวมากนักในเรื่องนี้ แต่อธิบายถึงผลผลิตจากอิเล็กโทรไลเซอร์ที่กำลังสร้างอยู่ใกล้น้ำตกไนแอการาว่าเป็น “ไฮโดรเจนสีเขียว” แม้ว่าไฟฟ้าพลังน้ำที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงจะถูกผันมาจากการใช้งานส่วนอื่นก็ตาม    

    ความเฟื่องฟูทางสิ่งแวดล้อมซึ่งเกิดขึ้นได้จากการแยกโมเลกุลน้ำดูเหมือนอยู่ใกล้แค่เอื้อมมาตลอด ในปี 2005 รัฐบาลของ George W. Bush วาดภาพไว้ว่า ภายในปี 2015 กระบวนการอิเล็กโทรลิซิสที่ใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นเชื้อเพลิงจะผลิตไฮโดรเจนได้ในราคา 2.75 เหรียญต่อกิโลกรัม

    แต่เป้าหมายนั้นยังคงเลื่อนลอย บางทีอาจต้องรอการค้นพบทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่หรือการลดลงอย่างมหาศาลของต้นทุนการผลิตเมื่ออิเล็กโทรไลเซอร์มีวางขายเต็มท้องตลาด Linde กำลังเล่นเกมรับอย่างชาญฉลาดเพื่อแก้ปัญหาเรื่องอิเล็กโทรไลเซอร์ บริษัทได้จ้างคู่ค้ารายหนึ่งทำงานวิจัยล้ำสมัยนั่นคือ บริษัท ITM Power ของอังกฤษซึ่งกำลังขาดทุนอยู่พอดี

    ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของ Linde จากอุปกรณ์ด้านอุณหพลศาสตร์ในปลายศตวรรษที่ 19 วิศวกรชาวเยอรมันชื่อ Carl von Linde คิดหาวิธีทำให้อากาศเย็นจนกลายเป็นของเหลวด้วยการบีบอัดแล้วค่อยปล่อยให้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากทำให้เป็นของเหลวแล้วก็นำมากลั่น ซึ่งจะแยกออกซิเจนและไนโตรเจนที่มีจุดเดือดต่างกันได้ 

    ครอบครัว Von Linde ถือหุ้นในธุรกิจแยกอากาศในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ซึ่งในเวลาต่อมาก็ล้มหายไปจากการยึดทรัพย์สินของรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 (ไนเตรตใช้ทำวัตถุระเบิดได้) ทั้งสามส่วนของ Linde กลับมารวมกันอีกครั้งได้สำเร็จจากการควบรวมกิจการในปี 2018 

    ออกซิเจนและไนโตรเจนยังคงเป็นตัวหลักในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Linde แต่บริษัทก็เอาชนะสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ได้ บริษัทคิดค้นเทคโนโลยีที่ช่วยผลิตสแตนเลสได้ด้วยต้นทุนประหยัดจากการใช้ก๊าซเฉื่อยอย่างอาร์กอนซึ่งมีอยู่ 1% ในอากาศ โดยอากาศจะถูกใส่เข้าไปในเครื่องคัดแยกอากาศสูง 250 ฟุต คุณสมบัติของก๊าซเหลวถูกนำไปใช้การแช่เยือกแข็งพิซซ่าถึง 2 พันล้านถาดต่อปี บริษัทยังจำหน่ายก๊าซผสมที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งจำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัทรับจ้างผลิตชิป บางครั้งก็มีเรื่องล้ำเส้นเหมือนกันอย่างแผนกเครื่องผลิตออกซิเจนก็ต้องจ่าย 29 ล้านเหรียญในปีที่แล้วเพื่อไกล่เกลี่ยคดีฉ้อโกงกับ Medicare

    “เราเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้วยจิตวิญญาณ” Lamba บอก “ใน iPhone มีก๊าซและสารเคมีของเราอยู่ 3.70 เหรียญนะ” Linde มีพนักงานจบปริญญาเอก 435 คน มีสัญญาออกแบบวิศวกรรมมูลค่ารวม 3.6 พันล้านเหรียญอยู่ในมือ พวกที่ชอบหั่นราคาจะเจาะอุตสาหกรรมนี้ไม่ได้เลยหากไม่รู้วิธีจัดการผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้หายใจไม่ออก ติดไฟได้ ระเบิดได้ หรือมีประโยชน์เฉพาะที่ความบริสุทธิ์ 99.999% เท่านั้น

    คู่แข่งหลักของ Linde คือ Air Products & Chemicals ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ใน Allentown รัฐ Pennsylvania ซึ่งอยู่ในสายงานเดียวกันและมีเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมแบบเดียวกัน แต่ออกตัวแรงกว่าแบบสุดๆ ในงานแถลงข่าว คู่แข่งรายนี้คุยโตถึงการร่วมทุนมูลค่า 8.4 พันล้านเหรียญเพื่อผลิตไฮโดรเจนสีเขียว

    แต่ Wall Street มี 2 ลูกรักอยู่ในใจ มูลค่ากิจการของ Linde ซึ่งก็คือ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดบวกหนี้ลบด้วยเงินสดอยู่ที่ 6.7 เท่าของรายได้ เทียบกับ 5.5 เท่าของ Air Products นับตั้งแต่การรวมบัญชีในปี 2018 ราคาหุ้นของ Linde เพิ่มขึ้น 157% สูงกว่าของ Air Products ที่ขึ้นแค่ 60% (ซึ่ง Air Products ไม่ตอบกลับจากการขอสัมภาษณ์) การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะส่งผลดีวันหนึ่งแน่ๆ แต่สิ่งสำคัญคือ อย่าไปเร็วกว่าระยะเวลาที่วางไว้

    แผนงานของ Lamba รวมเป้าหมายนี้ด้วย นั่นคือการเพิ่มอัตรากำไรจากการดำเนินงานอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยอัตรา 0.3-0.5% ทุกปี อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ก็ไม่ได้เหลือเชื่อไปกว่าความคิดที่ว่าโลกจะบรรลุเป้าหมายศูนย์สุทธิในปี 2050


เรื่อง: William Baldwin เรียบเรียง: พินน์นรา วงศ์วิริยะ ภาพ: Guerin Blask 




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เทหน้าตัก เดิมพันคริปโต จากธุรกิจกาสิโนสู่เศรษฐีพันล้าน

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine