Brendan P. Keegan ประธานและซีอีโอแห่ง Merchants Fleet ได้พูดคุยเกี่ยวกับความจำเป็นสำหรับผู้นำในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) ด้วยเหตุผลต่างๆ โดยผู้นำที่มี EQ สูงจะก่อให้เกิดประสิทธิผล ได้แก่ ยกระดับการมีส่วนร่วมในหมู่พนักงาน อัตราการที่พนักงานไม่ลาออกเพิ่มขึ้น และบรรลุเป้าหมายรายได้ประจำปีสูงขึ้นถึง 20%
แน่นอนว่า ความฉลาดทางสติปัญญา (Intelligence Quotient หรือ IQ) ก็มีความจำเป็นด้วยเช่นกัน ในขณะที่ EQ จะช่วยให้สามารถเข้าใจและจัดการอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งของตัวคุณเองและผู้คนที่คุณต้องคอยนำ IQ จะเสริมทักษะด้านการคิดและแก้ไขปัญหาต่างๆ
ประเด็นที่ว่า EQ และ IQ สำคัญเทียบเท่ากันหรือไม่ยังคงเป็นที่ถกเถียง สำหรับตอนนี้มาดูกันดีกว่าว่าผู้นำที่ยอดเยี่ยมประสบความสำเร็จในการผสมผสานและสร้างสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้อย่างไร
EQ ในการเป็นผู้นำ
การตระหนักรู้ตนเอง (Self-awareness): ผู้นำที่มี EQ สูงจะเข้าถึงอารมณ์ของตัวเองและสามารถจัดการมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน และเปิดรับการพัฒนาตนเอง
การรู้ซึ้งถึงความรู้สึกของผู้อื่น (Empathy): ผู้นำที่มีคุณสมบติข้อนี้สามารถเข้าใจและเข้าถึงอารมณ์ของสมาชิกทีม นำไปสู่สภาพแวดล้อมการทำงานที่เกื้อกูลกันและเปี่ยมด้วยพลังบวก
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (Effective Communication): ผู้นำ EQ สูงมักให้ความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ (Constructive Feedback) และรับมือความขัดแย้งอย่างมีชั้นเชิง
อิทธิพล (Influence): ความฉลาดทางอารมณ์ยังช่วยให้ผู้นำสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจแก่ทีม ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันแข็งแกร่ง ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความภักดีในองค์กร
IQ ในการเป็นผู้นำ
การคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking): ผู้นำ IQ สูงสามารถพัฒนาและตัดสินแผนการเชิงกลยุทธ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถวิเคราะห์ข้อมูล จดจำรูปแบบ และตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่เพียงพอ
การแก้ไขปัญหา (Problem Solving): ความฉลาดทางสติปัญญาช่วยให้ผู้นำแก้ไขปัญหาซับซ้อนผ่านทักษะการวิเคราะห์ พวกเขาสามารถชี้ชัดซึ่งความท้าทายและหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ได้
ความชำนาญ (Expertise): ผู้นำมักต้องมีความชำนาญในสาขาของตัวเอง ซึ่งเป็นผลมาจาก IQ ทำให้ได้รับความเคารพและเชื่อถือจากสมาชิกในทีม
จะใช้ IQ และ EQ สร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไร?
การตัดสินใจ: ใช้ IQ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและข้อเท็จจริงขณะต้องตัดสินใจเรื่องยากๆ จากนั้นจึงใช้ EQ พิจารณาผลกระทบด้านอารมณ์ที่การตัดสินใจนั้นจะมีผลต่อสมาชิกในทีม
คลี่คลายความขัดแย้ง: ไกล่เกลี่ยปัญหาภายในทีมด้วยความเข้าใจอารมณ์แท้จริงและค้นหาหนทางแก้ไขปัญหา (IQ) และอารมณ์ที่เกี่ยวข้อง (EQ)
แรงจูงใจ: จูงใจสมาชิกทีมของคุณด้วยความเข้าใจความจำเป็นของแต่ละคน ให้การสนับสนุนด้านอารมณ์ที่เหมาะสม (EQ) ขณะเดียวกันก็ใช้ IQ เพื่อพัฒนากลยุทธ์เปี่ยมประสิทธิภาพในการบรรลุเป้าหมายไปพร้อมกับทีม
จัดการความเปลี่ยนแปลง: วางแผนและลงมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ (IQ) พร้อมกับนำทีมผ่านช่วงเวลาที่อารมณ์อาจขึ้นๆ ลงๆ ไปด้วยกัน (EQ)
ผู้นำที่กล้าหาญสร้างสมดุลระหว่าง EQ และ IQ เพื่อบรรลุความสำเร็จ สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น และองค์กรที่เติบโตอย่างงดงาม
แปลและเรียบเรียงจากบทความ How Leaders Engage IQ And EQ ซึ่งเผยแพร่บน Forbes
อ่านเพิ่มเติม : วิน-เมธวิน นักแสดงหนุ่มผู้ใช้ “หัวใจนำทาง” สร้างชื่อเสียงและธุรกิจให้เติบโต
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine