นับตั้งแต่ปี 1943 จนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลากว่า 80 ปีมาแล้วที่ ‘เจ้าชายน้อย’ (Le Petit Prince หรือ The Little Prince) จากปลายปากกาของ Antoine de Saint-Exupery ได้รับการตีพิมพ์ จากต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสสู่การแปลเป็นภาษาอื่นๆ อีกนับร้อยภาษาทั่วโลก รวมถึงได้รับการดัดแปลงเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่น ภาพยนตร์ ละครเวที และอื่นๆ อีกมากมาย
ล่าสุด ประเทศไทยก็เพิ่งมีการเปิดตัวนิทรรศการ The Little Prince Universe - An Immersive Journey ครั้งแรกที่ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ ให้แฟนๆ และผู้ที่สนใจได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางเสมือนจริงไปในโลกของเจ้าชายน้อย เพื่อปลุกความเป็นเด็กที่หลับใหลอยู่ในตัวของทุกคน
ทว่านอกจากการผจญภัยไปยังดวงดาวต่างๆ หวนรำลึกถึงช่วงเวลาวัยเด็กอันแสนงดงาม และเสียดสีผู้ใหญ่ไร้จินตนาการแล้ว วรรณกรรมเรื่องเจ้าชายน้อยยังฝากข้อคิดรวมไปถึงคุณค่าที่สามารถจุดประกายแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านได้ทุกเพศทุกวัย แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนผ่านไปแล้วก็ตาม
ในโอกาสนี้จะขอหยิบยกบทเรียนอันน่าประทับใจ 7 ข้อจากเจ้าชายน้อยมาแบ่งปันผู้อ่าน ดังนี้
1) อย่าชื่นชอบตัวเลขมากเกินไป
ผู้ใหญ่ต่างชื่นชอบตัวเลขกันอย่างมาก เมื่อคุณบอกเขาเกี่ยวกับเพื่อนใหม่ พวกเขาไม่เคยถามคำถามที่ควรถาม เช่น “เสียงของเขาเป็นอย่างไร?” “เขาชอบเล่นเกมแบบไหน?” “เขาสะสมผีเสื้อหรือเปล่า?” พวกเขากลับถามว่า “เขาอายุเท่าไหร่? แล้วพ่อของเขามีรายได้มากแค่ไหน?” พวกเขาเชื่อจริงๆ ว่านี่คือวิธีการทำความรู้จักคนคนหนึ่งได้อย่างดีที่สุด!
ยิ่งโตขึ้น ผู้ใหญ่จำนวนมากต่างให้ความสำคัญกับตัวเลขต่างๆ จนนำมาสู่ค่านิยมที่ทำให้หลายๆ คนต้องเจ็บปวดอย่างความคิดที่ว่า ‘อายุเท่านี้ ควรมีเงินเก็บเท่านี้’ ทั้งที่ความสุขของชีวิตและความสัมพันธ์แท้จริงไม่สามารถกำหนดได้ด้วยตัวเลข
2) ดูแลดวงดาว
“มันเป็นเรื่องของการมีระเบียบวินัย” เจ้าชายน้อยอธิบายในภายหลัง “สิ่งแรกที่ทำในตอนเช้าคือการดูแลตัวเอง เธอแปรงฟันและล้างหน้าใช่ไหม? สิ่งต่อมาที่เธอต้องทำคือการดูแลดวงดาว”
ข้อความนี้มาจากบทที่ 5 ของหนังสือเจ้าชายน้อย บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับดวงดาวที่เจ้าชายน้อยพำนักและกิจวัตรประจำวันของเขา ซึ่งสามารถตีความได้หลายแง่มุม อาจหมายถึงการดูแลที่อยู่อาศัยหรือสุขภาพกายใจของตัวเอง แต่ก็อาจสื่อถึงการใส่ใจโลกและสิ่งแวดล้อมได้ด้วยเช่นกัน
3) อย่าตัดสินคนอื่นจากคำพูด แต่ให้ดูที่การกระทำ
“กุหลาบของฉันเติมเต็มฉันด้วยกลิ่นหอมหวน เธอนำความปีติยินดีมาสู่ฉัน ฉันไม่ควรทิ้งเธอมาเลย ฉันควรตระหนักถึงจิตวิญญาณอันละเอียดอ่อนหวานที่ซ่อนอยู่ใต้ความงี่เง่าของเธอ”
กุหลาบของเจ้าชายน้อยอาจเอาแต่ใจและปากร้ายในบางครั้ง ทั้งยังมีหนามแหลมคม แต่กุหลาบก็สวยงามและทำให้เขามีความสุข เปรียบได้กับผู้คนที่ต่างมีด้านที่น่ารัก เพียงแค่พวกเขาอาจมีเหตุผลที่ทำให้ไม่ได้แสดงออกอย่างอ่อนหวาน และการตัดสินพวกเขาจากที่รับรู้เพียงผิวเผินก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำ
4) ความสัมพันธ์ทำให้ชีวิตมีคุณค่า
“ให้ฉันอธิบายเถอะ สำหรับฉันเธอก็เป็นเพียงเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เหมือนๆ กับเด็กผู้ชายอีกมากมาย ฉันไม่จำเป็นต้องมีเธอและเธอก็ไม่จำเป็นต้องมีฉัน สำหรับเธอฉันก็แค่จิ้งจอกทั่วไป ไม่ต่างอะไรจิ้งจอกตัวอื่นๆ แต่หากเธอทำให้ฉันเชื่อง เธอและฉัน เราจะสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมา เราจะต้องการกันและกัน เธอจะกลายเป็นคนพิเศษเพียงหนึ่งเดียวในโลกสำหรับฉัน”
เมื่อเจ้าชายน้อยถามจิ้งจอกถึง ‘ความสัมพันธ์’ และจิ้งจอกก็อธิบายว่าสิ่งนั้นมีความหมายว่าอย่างไร มอบข้อคิดแก่ผู้อ่านถึงความสำคัญของการมีความสัมพันธ์ การได้ทำความรู้จักผู้คนรอบข้างมอบบทเรียนต่างๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงความรัก ความเมตตา และความมีมนุษยธรรม
5) สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา ต้องใช้หัวใจเท่านั้น
เมื่อเจ้าชายน้อยผล็อยหลับ ผมจึงอุ้มเขาขึ้นมาและเริ่มออกเดินอีกครั้ง ผมรู้สึกสะเทือนใจในทุกย่างก้าว ราวกับราวผมกำลังประคองสมบัติล้ำค่าแสนบอบบางไว้ในอ้อมแขน ไม่อาจหาสิ่งใดในโลกเปราะบางได้เท่านี้อีกแล้ว ใต้แสงจันทร์ ผมมองดูหน้าผากขาวซีด ดวงตาที่ปิดสนิท และปอยผมที่ขยับไหวไปตามแรงลม “สิ่งที่ผมเห็น” ผมคิด “ไม่ต่างอะไรจากเปลือกนอก สิ่งสำคัญที่แท้จริงไม่อาจมองเห็นด้วยตา”
การได้ทำความรู้จักและแลกเปลี่ยนเรื่องราวจากเจ้าชายน้อย ทำให้นักบิน (ผู้เล่าเรื่อง) ตระหนักว่า ‘สิ่งสำคัญที่แท้จริงไม่อาจมองเห็นด้วยตา’ บางครั้งผู้คนเลือกเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น โดยมองข้ามอารมณ์ ความรู้สึก ความเห็นอกเห็นใจ หรือมุมมองด้านอื่นๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ของสิ่งต่างๆ ทำให้พวกเขาพลาดที่จะเข้าถึงสิ่งคัญที่แท้จริงไปโดยปริยาย
6) เวลาที่ทุ่มเททำให้สิ่งนั้นมีความหมาย
ผมยกถังน้ำขึ้นจรดริมฝีปากเขา เขาดื่มน้ำ หลับตาพริ้ม แล้วผมก็ดื่มบ้าง น้ำนี้ราวกับมาจากงานเฉลิมฉลอง นี่ไม่ใช่อาหารธรรมดา แม้ว่ามันอาจจะเป็นน้ำธรรมดา ความหวานล้ำของน้ำนี้มาจากการเดินทางแสนไกลใต้หมู่ดาว มาจากการออกแรงชักรอก และความพยายามดึงถังใบนั้นขึ้นมาจากบ่อน้ำ มันทำให้ผมรู้สึกดี มีความสุข เสมือนได้รับของขวัญ
เวลาคือของขวัญที่มีค่าที่สุด และเพราะเวลานั้นมีจำกัด การเลือกทุ่มเทเวลาให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจึงนำพาความหมายของสิ่งนั้นมาสู่เรา ดังเช่นที่เจ้าชายน้อยทุ่มเทเวลาเพื่อกุหลาบของเขา ทำให้กุหลาบดอกนั้นสำคัญสำหรับเขามากกว่ากุหลาบดอกอื่น หรือการที่นักบิน (ผู้เล่าเรื่อง) ตั้งใจตักน้ำจากบ่อหลังจากการเดินทางยาวไกลในทะเลทราย ทำให้เขารู้สึกว่าน้ำนั้นเลิศรส เป็นดั่งของขวัญแห่งความพยายามของเขา
7) และสุดท้าย อย่าลืมแหงนหน้ามองดวงดาว
“ดวงดาวมีความหมายแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคน กับนักเดินทาง ดวงดาวช่วยบอกตำแหน่งที่พวกเขาอยู่และทิศทางที่พวกเขาจะไป สำหรับคนอื่นๆ ดวงดาวอาจเป็นเพียงแสงบนท้องฟ้า สำหรับนักวิชาการ ดวงดาวคือโลกที่พวกเขาไม่รู้จัก ยังไม่ได้ค้นพบและทำความเข้าใจ สำหรับนักธุรกิจ ดวงดาวอาจเป็นทองคำ แต่ดวงดาวทั้งหมดต่างนิ่งเงียบ แล้วคุณล่ะ? ไม่มีใครในโลกมองเห็นดวงดาวแบบที่คุณเห็น…”
ดวงดาวไม่เคยบอกว่าพวกมันคืออะไรสำหรับใคร เสมือนเป้าหมายในชีวิตของแต่ละคนที่แตกต่างกัน มีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่สามารถรู้ได้ว่าเป้าหมายของเราคืออะไร สิ่งใดคือความหมายในชีวิตของเรา บทเรียนจากเจ้าชายน้อยข้อนี้ย้ำเตือนให้เราตระหนักถึงสิ่งสำคัญในชีวิตของเรา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ตัดสินความคิดเห็นของคนอื่น เพราะต่างคนต่างก็มีมุมมองต่อดวงดาวในแบบของตัวเอง
แหล่งที่มา: 7 timeless life lessons from The Little Prince
Photo by betul akyurek, Olga Kalinina และ cottonbro studio on Pexels
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘เวลา’ คือทรัพย์ล้ำค่า เปิด 4 วิธีบริหารเวลา แบบฉบับนักธุรกิจระดับโลก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine