ในปี 2021 นี้ Forbes แกะรอย เศรษฐีพันล้านหน้าใหม่ ด้วยจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ถึง 493 คน หรือคิดคร่าวๆ คือมีเศรษฐีพันล้านเกิดใหม่ 1 คนทุก 17 ชั่วโมง กว่า 40% เศษๆ มาจากจีน 20% จากสหรัฐฯ และหนทางรวยที่ชัดเจนที่สุดของพวกเขาเหล่านี้ คือมาจาก IPO, SPAC, สกุลเงินคริปโต และกิจการสาธารณสุขที่เกี่ยวกับโควิด เราคัดเลือก 5 มหาเศรษฐีพันล้านใหม่ที่น่าสนใจร่วมติดตาม
Whitney Wolfe Herd 1.3 พันล้านเหรียญ • แอปหาคู่ • สหรัฐฯ Wolfe Herd วัย 31 ปี นำ Bumble แอปหาคู่ที่ให้ผู้หญิงเป็นศูนย์กลางเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และเธอกลายเป็นเศรษฐีนีพันล้านจากการสร้างตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก บริษัทที่มีรายได้ 582 ล้านเหรียญแห่งนี้มีลูกค้า 42 ล้านรายใน 150 ประเทศ เธอร่วมก่อตั้งแอปหาคู่ Tinder เมื่อปี 2012 แต่ความสัมพันธ์ครั้งนั้นไปไม่รอด และเธอยอมรับค่าเสียหายเพื่อยุติคดีล่วงละเมิดทางเพศกับ Tinder ในปี 2014 ต่อมา Andrey Andreev ผู้ก่อตั้งชาวรัสเซียของเว็บไซต์หาคู่ Badoo เสนอเงินลงทุน 10 ล้านเหรียญ ให้ Wolfe Herd และให้ใช้โครงสร้างพื้นฐานของ Badoo ได้ ทั้งคู่จึงเปิดตัว Bumble ในปี 2014 และเมื่อปลายปี 2019 Andreev ขายหุ้นส่วนใหญ่ของเขาให้บริษัทลงทุน Blackstone 4 เดือนหลังจาก Forbes เปิดเผยผลการสืบสวนเรื่องวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษในสำนักงานของบริษัทแห่งนี้ที่ London ซึ่ง Badoo ปฏิเสธข้อกล่าวหา Austin Russell 2.4 พันล้านเหรียญ • เซนเซอร์ • สหรัฐฯ Russell วัย 26 ปี ใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นไปกับการวิจัยที่ Beckman Laser Institute ของ University of California ในเมือง Irvine ผู้ประกอบการร่างโย่งสูง 6 ฟุต 4 นิ้วคนนี้ยุติการเรียนกลางคันในรั้ว Stanford เมื่อปี 2012 เพื่อก่อตั้งสตาร์ทอัพด้าน LiDAR แสงเลเซอร์ (ย่อมาจาก light, detection and ranging คือ ระบบตรวจจับและวัดระยะทางด้วยแสง) ภายใต้ชื่อ Luminar Technologies หลังจากได้ทุนวิจัย 100,000 เหรียญมาจากเศรษฐีพันล้าน นักลงทุนด้านเทค Peter Thiel ปัจจุบันเซนเซอร์ของบริษัทนี้ช่วยให้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในรถยนต์ของลูกค้าอย่าง Volvo, Toyota และ Mobileye ของ Intel มองเห็นภาพ 3 มิติได้โดยการยิงเลเซอร์ไปกระทบวัตถุและยานพาหนะอื่นๆ รอบรถแล้วสะท้อนกลับมา และเมื่อบริษัทนี้เข้าตลาด Nasdaq ผ่านการควบรวมกิจการกับ SPAC ชื่อ Gores Metropoulos ในเดือนธันวาคม ปี 2020 ก็ทำให้ Russell ซึ่งถือหุ้นประมาณ 1 ใน 3 กลายเป็นเศรษฐีพันล้านสร้างตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลกในชั่วข้ามคืน Kate Wang 5 พันล้านเหรียญ • บุหรี่ไฟฟ้า • จีน Wang วัย 39 ปี เป็นหนึ่งในเศรษฐีนีพันล้านจากการสร้างตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก เธอเป็นซีอีโอของบริษัทบุหรี่ไฟฟ้าจากจีน RLX Technology ศิษย์เก่า Columbia Business School คนนี้ได้ไอเดียตั้งบริษัทในปี 2017 เมื่อเธอพยายามกล่อมพ่อให้เลิกบุหรี่ เธอเล่าให้ Forbes ฟังว่า “ฉันลองผลิตภัณฑ์ [สูบไอระเหย] มาทุกยี่ห้อแล้วส่วนใหญ่แย่มาก” RLX มียอดขาย 324 ล้านเหรียญในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2020 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ New York เมื่อเดือนมกราคม Wang ถือหุ้น 20% ในบริษัท แต่ราคาหุ้นก็ตกไป 54% ภายใน 3 วันเมื่อปลายเดือนมีนาคม (หลังจาก Forbes ประเมินทรัพย์สินสุทธิเพื่อจัดทำทำเนียบรายชื่อมหาเศรษฐีพันล้าน) เนื่องจากหน่วยงานรัฐของจีนออกร่างกฎระเบียบใหม่เพื่อควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในฐานะผลิตภัณฑ์ยาสูบ Sam Bankman-Fried 8.7 พันล้านเหรียญ • ซื้อขายเงินคริปโต FTX • สหรัฐฯ Bankman-Fried วัย 29 ปี ศิษย์เก่า MIT และอดีตนักเทรดหุ้นจาก Wall Street เป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Alameda บริษัทซื้อขายเงินคริปโตที่ใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณเข้ามาช่วยบริหารบิตคอยน์และเงินคริปโตสกุลใหญ่อื่นๆ กับอนุพันธ์รวม 3.2 หมื่นล้านเหรียญ นอกจากนี้ เขายังก่อตั้งบริษัทซื้อขายเงินคริปโต FTX ในฮ่องกง ซึ่งได้สถานะยูนิคอร์นไปเมื่อเดือนมกราคม ปี 2020 ไม่ถึงปีหลังจากเปิดบริษัทในเดือนพฤษภาคม ปี 2019 และอีกไม่นานบริษัทแห่งนี้จะได้เป็นนักลงทุนที่มีชื่ออยู่ในสนามเหย้าของทีม Miami Heat ของ NBA แทนที่ American Airlines ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของ Bankman-Fried อยู่ในหุ้น FTX และเงินสกุล FTT ซึ่งเป็นเงินคริปโตของ FTX เอง ในปี 2020 เขาบริจาคเงิน 5 ล้านเหรียญให้คณะกรรมการกิจกรรมด้านการเมืองที่สนับสนุน Biden เขาจึงเป็นหนึ่งในผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของประธานาธิบดี Sergio Stevanato 1.9 พันล้านเหรียญ • บรรจุภัณฑ์ทางการแพทย์ • อิตาลี วัคซีนโควิด-19 ต้องบรรจุในหลอดแก้วเล็กๆ ซึ่งหลอดเหล่านี้จำนวนมากผลิตโดย Stevanato Group กิจการครอบครัวที่มี Stevanato วัย 78 ปี เป็นประธานกิตติคุณ จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า Stevanato Group ผลิตหลอดแก้ว 15% ที่ใช้บรรจุวัคซีนโควิด-19 ซึ่งรวมถึงวัคซีน 100 ล้านหลอดที่ถูกส่งไปให้กลุ่มผู้ผลิตวัคซีนกลุ่มหนึ่งซึ่งสนับสนุนโดยมูลนิธิ Gates เพื่อให้ช่วยเพิ่มผลิตวัคซีนต้านโควิดต่างๆ อีก 10 ตัว ซึ่งรวมถึงวัคซีนของ Moderna และ AstraZeneca ด้วย Stevanato Group ก่อตั้งเมื่อปี 1949 ที่ชานเมือง Venice โดย Giovanni พ่อของ Sergio และเริ่มต้นจากการผลิตขวดไวน์ ก่อนจะผันตัวเข้าสู่วงการเภสัชกรรมในทศวรรษ 1960 Sergio ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอเมื่อปี 2010 แต่ยังถือหุ้น 68% ในบริษัท ส่วน Franco ลูกชายเป็นประธานกรรมการ เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง ภาพ: JAMEL TOPPIN, MICHAEL PRINCE, STEFEN CHOW, VIRGILE SIMON BERTRAND, STEVANATO GROUPคลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine