10 อันดับ มหาเศรษฐีผู้ถือครองเงินดิจิทัลมากที่สุดในโลก - Forbes Thailand

10 อันดับ มหาเศรษฐีผู้ถือครองเงินดิจิทัลมากที่สุดในโลก

FORBES THAILAND / ADMIN
10 Apr 2018 | 02:56 PM
READ 21963

ในโลกของเงินคริปโต (Cryptocurrency) หรือเงินดิจิทัลความร่ำรวยนับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ สามารถสร้างขึ้นได้ภายในชั่วข้ามคืนและความรวดเร็วเป็นคำตอบของทุกสิ่งทุกอย่าง พบ 10 อันดับมหาเศรษฐีผู้สร้างความรวยจากเงินดิจิทัล

Chris Larsen วัย 57 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง RIPPLE มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 7.5-8 พันล้านเหรียญ บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในแวดวงเงินดิจิทัลก็คือ Chris Larsen ชายผู้มีดีกรี MBA จาก Stanford และเป็นนักธุรกิจผู้คร่ำหวอดใน Silicon Valley ซึ่งเคยมีทรัพย์สินราว 2 หมื่นล้านเหรียญในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดมีมูลค่าสูงที่สุด โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากกรรมสิทธิ์ของเขาซึ่งเทียบเท่ากับ 5.2 พันล้าน XRP ซึ่งเป็นเหรียญเงินดิจิทัลสกุล Ripple ของบริษัทที่เขากับ Jed McCaleb ร่วมกันก่อตั้งขึ้นในปี 2012 เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินระหว่างประเทศสำหรับธนาคารที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน บริษัทของเขาควบคุม XRP จำนวน 6.1 หมื่นล้าน XRP จากทั้งหมด 1 แสนล้าน XRP ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด Joseph Lubin วัย 53 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง ETHEREUM และ ผู้ก่อตั้ง CONSENSYS มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 1-5 พันล้านเหรียญ Joseph Lubin ผู้ก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีพนักงานจำนวน 600 คนอย่าง ConsenSys ซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือน “สตูดิโอฝ่ายผลิตกิจการ” สำหรับระบบ Ethereum เริ่มต้นชีวิตการทำงานในวงการออกแบบหุ่นยนต์ ระบบตรวจสอบอัตโนมัติด้วยเครื่องจักรกล (machine vision) เครือข่ายคอมพิวเตอร์นิวรัลเน็ตเวิร์ก และวิศวกรรมซอฟต์แวร์ จากนั้น เขาก็เปลี่ยนสายอาชีพไปทำงานในแวดวงการเงิน โดยทำหน้าที่สร้างระบบซื้อขายแลกเปลี่ยนต่างๆ บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์และทำงานในฝ่ายบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลของ Goldman Sachs เขายังเคยเดินทางอ้อมโลกไปประเทศจาไมกาเพื่อศึกษาด้านการบริหารธุรกิจดนตรีอยู่ช่วงหนึ่งด้วย หลังจากที่มีโอกาสได้อ่านสมุดปกขาวเกี่ยวกับ Bitcoin ของ Satoshi Nakamoto เขาก็มองเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชน และมองเห็นถึงความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์โครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเป็น “หลักเกณฑ์ในการจัดระเบียบใน 3 โลก” Lubin กล่าว Changpeng “CZ” Zhao วัย 41 ปี ซีอีโอ BINANCE มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 1.1-2 พันล้านเหรียญ Changpeng Zho หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ CZ ผู้ก่อตั้ง Binance กล่าว ตลาดดูเหมือนจะให้การตอบรับเป็นอย่างดีนับตั้งแต่ที่ Binance เริ่มเสนอขายเงินดิจิทัลเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมราคา Binance 1 โทเคนหรือ 1 เหรียญได้ทะยานขึ้นจากประมาณ 10 เซนต์ เป็น 13 เหรียญ ทำให้ Binance มีมาร์เก็ตแคปเท่ากับ 1.3 พันล้านเหรียญ Zhao ซึ่งสวมใส่เสื้อมีฮู้ดสีดำและเป็นส่วนผสมระหว่าง Mark Zuckerberg กับ Steve Jobs ยังถือครองส่วนแบ่งที่มากที่สุดของ Binance อีกด้วย Tyler แ ละ Cameron Winklevoss ผู้ร่วมก่อตั้ง, WINKLEVOSS CAPITAL, 36 ปี มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 900 ล้าน - 1.1 พันล้านเหรียญต่อคน Tyler และ Cameron Winklevoss พี่น้องฝาแฝดของเขาได้มีส่วนร่วมในตำนานเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในภาคธุรกิจของอเมริกาจวบจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลานานหลายปีทีเดียวที่พี่น้องคู่นี้เป็นเหมือนบทสรุปอันน่าขัน เป็นที่รู้กันดีว่าคู่แฝดตระกูล Winklevoss ได้กล่าวหา Zuckerberg ว่าเป็นผู้ขโมยแนวคิดเกี่ยวกับโซเชียลเน็ตเวิร์กของตน ขู่จะฟ้อง Facebook และยอมความด้วยการได้รับหุ้น Facebook และเงินสดมูลค่า 65 ล้านเหรียญเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนทั้งคู่นำเงินทุนที่ได้จากการนี้มาใช้เพื่อเริ่มลงทุนครั้งใหญ่ใน Bitcoin ในปี 2012 ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เรียกเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากผู้คน เนื่องจากหุ้น Facebook มีราคาพุ่งขึ้นเหมือนกับพลุแตก อย่างไรก็ตาม อดีตนักกีฬาเรือพายโอลิมปิคทั้งสองก็ถือครอง Bitcoin ผ่านช่วงการปรับราคาขึ้นและลงอย่างรุนแรงของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงการตกต่ำของมูลค่ามากถึง 80% นับตั้งแต่ปี 2013-2015 และทุ่มเงินจำนวนมากกว่านั้นลงทุนในสินทรัพย์เงินดิจิทัลอื่นๆ อีก ปัจจุบัน Gemini ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับ Coinbase ในฐานะแพลตฟอร์มเพียงไม่กี่ระบบที่พลเมืองสหรัฐฯ สามารถขายเงินคริปโตแลกกับเงินดอลลาร์ได้อย่างง่ายดาย เมื่อเร็วๆ นี้ Gemini ได้จัดการกับธุรกรรมมูลค่ามากถึง 300 ล้านเหรียญต่อวัน และอาจมีมูลค่าในระยะยาวมากกว่าเงินที่คู่แฝดถือครองอยู่ เมื่อ Gemini ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการทางการเงินเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Gemini ได้ ทำลายอุปสรรคอันยิ่งใหญ่เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Stan Miroshnik ซีอีโอ Element ธนาคารเพื่อการลงทุนสำหรับการซื้อขายเงินดิจิทัลกล่าว “การขออนุญาตเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่กินเวลายาวนานหลายปีและต้องใช้เงินมาก” Matthew Mellon วัย 54 ปี มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 900 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ ทายาทของตระกูลนายธนาคารที่ยิ่งใหญ่ตระกูลหนึ่งของอเมริกา และอดีตประธานคณะกรรมการด้านการเงินของพรรครีพับลิกันต้องต่อสู้กับภาวะติดสารเสพติดดังนั้นเมื่อเขาเริ่มจดจ่ออย่างหนักกับเงินดิจิทัลเมื่อหลายปีก่อน เพื่อนและครอบครัวของเขาก็ได้พยายามห้ามปรามโดยคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งความหมกมุ่นที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาทิ้งสิ่งที่ตัวเขาเลือกลงทุนในระยะแรกๆ บางอย่าง และขาย Bitcoin ในส่วนของตนเองในอีก 2-3 ปีที่ผ่านมา XRP ของ Mellon มีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญ หลังผ่านการหย่าร้างมาหมาดๆ เขาฉลองในบ้านพักสุดหรูใน Los Angeles ซึ่งมีสนนราคาค่าเช่าอยู่ที่ 150,000 เหรียญต่อเดือน “มันเป็นเหมือนกับเงิน 1 พันล้านเหรียญที่ได้มาฟรีๆ ผมได้เงินส่วนนี้มาก็เพราะว่าผมเป็นเพียงคนเดียวที่ยกมือขึ้นด้วยความเต็มใจ” Mellon กล่าว “ครอบครัวของผมคิดว่าผมเป็นบ้าไปแล้ว แต่ตัวผมรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสในการทำโฮมรัน” Brian Armstrong วัย 35 ปี ซีอีโอ COINBASE มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 900 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ หากนี่เป็นการตื่นทอง Armstrong คือชายที่ทำเงินมหาศาลจากการขายกระทะร่อนทอง เขาก่อตั้ง Coinbase ศูนย์รวมและจุดเข้าร่วมอันโด่งดังในการเทรดเงินคริปโตในสหรัฐฯ เมื่อปี 2012 องค์ประกอบหลักของธุรกิจมี 2 ส่วนคือการเป็นนายหน้าซื้อขาย ซึ่งบรรดาลูกค้ารายย่อยสามารถซื้อสกุลเงินคริปโตต่างๆ เช่น Bitcoin, Bitcoin Cash, Ether และ Litecoin ด้วยบัญชีธนาคารและการเป็นตลาดแลกเปลี่ยนที่เทรดเดอร์รายใหญ่สามารถยื่นราคาเสนอซื้อขายเงินคริปโตต่างๆ ได้ บริษัทเผชิญปัญหาบางประการตลอดช่วงขยายธุรกิจ โดยเกิดปัญหาระบบล่มและความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ทางกฎหมายกับกรมสรรพากรสหรัฐฯ ซึ่งทำสำเร็จในการขอดูประวัติลูกค้า เพื่อให้รัฐบาลรับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ของลูกค้า Coinbase แต่ตลอดทุกอย่างที่ผ่านมาฐานลูกค้าของ Coinbase ยังทะยานขึ้นต่อเนื่อง และบริษัทก็ยังเก็บค่าธรรมเนียมสูงต่อ อย่างน้อยเมื่อเทียบกับมาตรฐานโบรกเกอร์ทั่วไป ในเดือนสิงหาคม Coinbase ระดมทุนได้ 100 ล้านเหรียญ ตามการประเมินมูลค่าบริษัทที่ 1.6 พันล้านเหรียญ จาก 6 บริษัทที่รวมถึง Greylock Partners อันมีชื่อเสียงบริษัทเสนอซื้อหุ้นคืน และแทบไม่มีลูกจ้างคนใดรับข้อเสนอที่ว่า ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกือบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใน Silicon Valley ความเคลื่อนไหวอันชาญฉลาดเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนต่อมา Coinbase บอกเหล่านักลงทุนของบริษัทว่ากำลังทำรายได้รายปีได้ 600 ล้านเหรียญตามระดับการดำเนินงานในปัจจุบัน ขณะที่ความคลั่งไคล้ Bitcoin ยังอยู่ต่อเนื่อง Coinbase กลายเป็นแอพพลิเคชั่นบนไอโฟนที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดในสหรัฐฯ และผู้ใช้รายเดือนเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 4.3 ล้านคน ตามข้อมูลของ Verto Analytics โดย Coinbase มีรายได้ 1 พันล้านเหรียญเมื่อปี 2017 Matthew Roszak วัย 45 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง  BLOQ และ ผู้ก่อตั้ง TALLY CAPITAL มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 900 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ Roszak เข้าร่วมการเสนอขายเหรียญครั้งแรก ซึ่งเริ่มต้นในปี 2013 ก่อนที่คำจำกัดความดังกล่าวปรากฏขึ้นด้วยซ้ำแล้วซื้อสกุลเงินต่างๆ เช่น Mastercoin, Factom และ Maidsafe “ผมโชคดีมากๆ และนั่นเป็นช่วงแรกเริ่มมากๆ” Matt Roszak กล่าว ซึ่งก่อนหน้าเงินคริปโตเขาทำงานเป็นผู้ประกอบการบริษัทเทคโนโลยีมาก่อน ร่วมก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ต่างๆ ในฐานะนักลงทุนจากบริษัทร่วมลงทุนที่หลายบริษัท เช่น SilkRoad Equity (ซึ่งเขาจัดการจบข้อกล่าวหาของ ก.ล.ต. สหรัฐฯ กรณีการใช้ข้อมูลวงใน) และในบริษัทการลงทุนส่วนบุคคล สำหรับ Advent International ในสหราชอาณาจักรเขาคือผู้เชื่อมั่นอย่างแท้จริง แล้วเดินหน้าต่อไปในปี 2013 เพื่อกลายเป็นหุ้นส่วนจำกัดในกองทุนแรกของบริษัท Blockchain Capital ใน San Francisco ส่วน Tally Capital ซึ่งประกอบด้วยเงินทุนของเขาเองนั้น ลงทุนในสตาร์ทอัพ 20 แห่งที่รวมถึงตลาดแลกเปลี่ยนบางแห่งซึ่งประสบความสำเร็จที่สุดในแวดวงอย่าง Coinbase, Kraken และ BTCC ลองคิดว่าเขาเป็นเหมือน Katherine Graham แห่งแวดวงเงินคริปโต ซึ่งเป็นสปอนเซอร์มื้อค่ำกว่า 40 ครั้งสำหรับชุมชนบล็อกเชน ใช้เงิน “หลายแสนเหรียญไปกับสเต็กและไวน์สำหรับผู้คนในวงการเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้” Roszak กล่าวว่า “ส่วนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ได้เป็นการที่ผมมาก่อน และทำกำไรได้ก่อนแต่เป็นชุมชนที่ผมสร้างขึ้นมา” เขามองหาผู้มีอิทธิพลทางความคิดคนใหม่ๆ เสมอ Roszak เล่าว่าเขาให้ Bitcoin แรกกับ Richard Branson และ Bill Clinton ด้วย Anthony Di Iorio วัย 43 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง ETHEREUM และ ผู้ก่อตั้ง JAXX AND DECENTRAL มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 750 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ “ผมเข้าใจคอนเซปท์ Bitcoin ในทันที” Anthony Di Iorio หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum กล่าว Di Iorio ผู้ไปยัง Ryerson University ใน Toronto เพื่อเรียนด้านการตลาด ใช้เวลาช่วงทศวรรษ 2000 บริหารธุรกิจประตูบานเลื่อนของครอบครัว รวมถึงทำกิจการบริษัทสำรวจแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพด้วยเช่นกัน หลังมองเห็นวิกฤตการเงินบ่อนทำลายอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ Di Iorio พาตัวเองไปศึกษาเศรษฐศาสตร์เพื่อพยายามเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว “ผมกำลังมองทางเลือกต่างๆ ในการคิดเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ และผมเริ่มเข้าใจการเรียนรู้อย่างแท้จริงว่าอะไรคือเงินจริงๆ ซึ่งเป็นความคิดแบบนักเสรีนิยมทั้งหมดเกี่ยวกับเงินที่มีเสถียรภาพ” Di Iorio ช่วยสนับสนุนเงินเขียนโค้ดของ Ethereum และเงินจ้างที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ก่อนเหรียญดังกล่าวเปิดตัวสู่สาธารณะ เขาเรียกตัวเองว่า “ผู้ไม่สนใจลัทธิ” ในเรื่องบล็อกเชนที่หลากหลาย โดยเขาลงทุนในสินทรัพย์เงินคริปโตที่แตกต่างกัน ซึ่งรวมถึง Qtum, Vechain และ Zcash “ผมชอบการเป็นส่วนหนึ่งของหลายๆ ส่วนแห่งอาณาจักรบล็อกเชน” กลยุทธ์การลงทุนของเขาคือการเข้าไปตั้งแต่ช่วงแรกๆ หลังสินทรัพย์เติบโตขึ้นและเข้าสู่ระดับคงที่แล้ว ให้เทกำไรที่ได้เข้าไปในเหรียญใหม่อื่นๆ ที่ดูมีอนาคตเขาภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยสร้าง Ethereum ซึ่งขณะนี้มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านเหรียญแล้ว “ตอนนี้ผมไปที่ธนาคารแล้วพวกเขาเหมือน โอ้พระเจ้า คุณเริ่มต้น Ethereum แต่เมื่อก่อนนั้น พวกเขาจะพูดว่าเราเปิดบัญชีให้คุณไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาเข้ามาหาผม” Brock Pierce วัย 37 ปี ประธาน  BITCOIN FOUNDATION และ ที่ปรึกษา  BLOCK.ONE มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 700 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ Pierce ค้นพบเงินคริปโตผ่านความบันเทิง อดีตนักแสดงเด็กผู้นี้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่เกิดก่อน YouTube ในวัย 17 ปีชื่อ Digital Entertainment Network ซึ่งทำเงินได้ 88 ล้านเหรียญระหว่างช่วงฟองสบู่ดอทคอม ก่อนที่ฟองสบู่จะแตกในช่วงทศวรรษ 2000 Pierce ซึ่งเป็นเกมเมอร์ไฟแรงสร้างหนึ่งในบริษัทซื้อขายสินทรัพย์เสมือนขนาดใหญ่ที่สุดชื่อ Internet Gaming Entertainment ซึ่งจ้างผู้คนหลายพันคนในจีนมาเล่นเกมต่างๆ เช่น World of Warcraft เพื่อเอาชนะรางวัลเสมือนจริงอันเป็นที่ต้องการอย่างมากในเกม ซึ่งขณะนั้นเขาขายมันให้กับบรรดานักเล่นเกมทั่วโลกหลายล้านคนเป็นเงินจริง การทำกำไรจากเงินในเกมนำพาเขามาสู่เงินคริปโตตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม Pierce ต้องมนต์สะกดจากศักยภาพของ Bitcoin และลาออกมาเพื่อช่วยก่อตั้งและสนับสนุนเงินบริษัทเงินคริปโตนับสิบแห่งที่รวมถึง Mastercoin, Blockchain Capital, Coinbase, Ethereum, Tether, Bitfury และ Block.one ในขณะนี้คดีความต่างๆ ตามรังควานเขามาตลอดหลายปี หนึ่งในหุ้นส่วนธุรกิจช่วงแรกของเขาถูกตัดสินว่าเป็นผู้กระทำความผิดทางเพศ และตัว Pierce เองก็มีชื่ออยู่ในคดีแพ่งจากการมีส่วนพัวพันในการกระทำความผิดทางเพศ แต่คดีดังกล่าวยกฟ้องไปในภายหลัง และ Pierce ปฏิเสธการกระทำผิดใดๆ ตอนนี้ Pierce กล่าวว่าเขาจะบริจาคเงิน 1 พันล้านเหรียญให้กับชุมชนอิสระที่ไม่ได้เป็นระบบรวมศูนย์กลางและตั้งอยู่บนบล็อกเชน ชุมชนดังกล่าวบริหารจัดการภายใต้ธรรมนูญร่วมกัน และจะได้รับการจดทะเบียนในฐานะองค์กรการกุศล เขากล่าวว่า ผู้เข้าร่วมจะได้รับสิทธิโหวตเพื่อจัดสรรเงิน โดยองค์กรนี้จะเริ่มดำเนินการวันที่ 1 มิถุนายน และอยู่บนระบบบล็อกเชนใหม่ชื่อ EOS.IO ซึ่ง Pierce ช่วยสร้างขึ้นมา “ผมจะทำเงินมากขึ้น” เขายักไหล่ “ผมไม่กังวลเรื่องนั้น” Michael Novogratz วัย 53 ปี ซีอีโอ, GALAXY DIGITAL มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 700 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ Novogratz ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์มหภาคชื่อดัง ซึ่งเคยติดอันดับรายชื่อมหาเศรษฐีของ FORBES เมื่อปี 2007 ก่อนเผชิญผลกระทบจากการล่มสลายทางเศรษฐกิจ ดูเหมือนจะกลับมาได้อย่างสวยงาม เขาเริ่มลงทุนในเงินคริปโตในปี 2013 และออกจากบริษัท Fortress Investment Group ในปี 2015 เพื่อมุ่งมาวงการคริปโตโดยเฉพาะ เมื่อดูจากภูมิหลังของเขาแล้ว Novogratz เข้าถึงเงินคริปโตในฐานะเทรดเดอร์
คลิกอ่านฉบับเต็ม "ส่องโอกาสทอง" ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ มีนาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine