ในโลกของเงินคริปโต (Cryptocurrency) หรือเงินดิจิทัลความร่ำรวยนับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ สามารถสร้างขึ้นได้ภายในชั่วข้ามคืนและความรวดเร็วเป็นคำตอบของทุกสิ่งทุกอย่าง พบ 10 อันดับมหาเศรษฐีผู้สร้างความรวยจากเงินดิจิทัล
Chris Larsen วัย 57 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง RIPPLE มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 7.5-8 พันล้านเหรียญ บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในแวดวงเงินดิจิทัลก็คือ Chris Larsen ชายผู้มีดีกรี MBA จาก Stanford และเป็นนักธุรกิจผู้คร่ำหวอดใน Silicon Valley ซึ่งเคยมีทรัพย์สินราว 2 หมื่นล้านเหรียญในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดมีมูลค่าสูงที่สุด โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากกรรมสิทธิ์ของเขาซึ่งเทียบเท่ากับ 5.2 พันล้าน XRP ซึ่งเป็นเหรียญเงินดิจิทัลสกุล Ripple ของบริษัทที่เขากับ Jed McCaleb ร่วมกันก่อตั้งขึ้นในปี 2012 เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินระหว่างประเทศสำหรับธนาคารที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน บริษัทของเขาควบคุม XRP จำนวน 6.1 หมื่นล้าน XRP จากทั้งหมด 1 แสนล้าน XRP ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด Joseph Lubin วัย 53 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง ETHEREUM และ ผู้ก่อตั้ง CONSENSYS มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 1-5 พันล้านเหรียญ Joseph Lubin ผู้ก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีพนักงานจำนวน 600 คนอย่าง ConsenSys ซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือน “สตูดิโอฝ่ายผลิตกิจการ” สำหรับระบบ Ethereum เริ่มต้นชีวิตการทำงานในวงการออกแบบหุ่นยนต์ ระบบตรวจสอบอัตโนมัติด้วยเครื่องจักรกล (machine vision) เครือข่ายคอมพิวเตอร์นิวรัลเน็ตเวิร์ก และวิศวกรรมซอฟต์แวร์ จากนั้น เขาก็เปลี่ยนสายอาชีพไปทำงานในแวดวงการเงิน โดยทำหน้าที่สร้างระบบซื้อขายแลกเปลี่ยนต่างๆ บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์และทำงานในฝ่ายบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลของ Goldman Sachs เขายังเคยเดินทางอ้อมโลกไปประเทศจาไมกาเพื่อศึกษาด้านการบริหารธุรกิจดนตรีอยู่ช่วงหนึ่งด้วย หลังจากที่มีโอกาสได้อ่านสมุดปกขาวเกี่ยวกับ Bitcoin ของ Satoshi Nakamoto เขาก็มองเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชน และมองเห็นถึงความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์โครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเป็น “หลักเกณฑ์ในการจัดระเบียบใน 3 โลก” Lubin กล่าว Changpeng “CZ” Zhao วัย 41 ปี ซีอีโอ BINANCE มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 1.1-2 พันล้านเหรียญ Changpeng Zho หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ CZ ผู้ก่อตั้ง Binance กล่าว ตลาดดูเหมือนจะให้การตอบรับเป็นอย่างดีนับตั้งแต่ที่ Binance เริ่มเสนอขายเงินดิจิทัลเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมราคา Binance 1 โทเคนหรือ 1 เหรียญได้ทะยานขึ้นจากประมาณ 10 เซนต์ เป็น 13 เหรียญ ทำให้ Binance มีมาร์เก็ตแคปเท่ากับ 1.3 พันล้านเหรียญ Zhao ซึ่งสวมใส่เสื้อมีฮู้ดสีดำและเป็นส่วนผสมระหว่าง Mark Zuckerberg กับ Steve Jobs ยังถือครองส่วนแบ่งที่มากที่สุดของ Binance อีกด้วย Tyler แ ละ Cameron Winklevoss ผู้ร่วมก่อตั้ง, WINKLEVOSS CAPITAL, 36 ปี มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 900 ล้าน - 1.1 พันล้านเหรียญต่อคน Tyler และ Cameron Winklevoss พี่น้องฝาแฝดของเขาได้มีส่วนร่วมในตำนานเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในภาคธุรกิจของอเมริกาจวบจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลานานหลายปีทีเดียวที่พี่น้องคู่นี้เป็นเหมือนบทสรุปอันน่าขัน เป็นที่รู้กันดีว่าคู่แฝดตระกูล Winklevoss ได้กล่าวหา Zuckerberg ว่าเป็นผู้ขโมยแนวคิดเกี่ยวกับโซเชียลเน็ตเวิร์กของตน ขู่จะฟ้อง Facebook และยอมความด้วยการได้รับหุ้น Facebook และเงินสดมูลค่า 65 ล้านเหรียญเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนทั้งคู่นำเงินทุนที่ได้จากการนี้มาใช้เพื่อเริ่มลงทุนครั้งใหญ่ใน Bitcoin ในปี 2012 ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เรียกเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากผู้คน เนื่องจากหุ้น Facebook มีราคาพุ่งขึ้นเหมือนกับพลุแตก อย่างไรก็ตาม อดีตนักกีฬาเรือพายโอลิมปิคทั้งสองก็ถือครอง Bitcoin ผ่านช่วงการปรับราคาขึ้นและลงอย่างรุนแรงของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงการตกต่ำของมูลค่ามากถึง 80% นับตั้งแต่ปี 2013-2015 และทุ่มเงินจำนวนมากกว่านั้นลงทุนในสินทรัพย์เงินดิจิทัลอื่นๆ อีก ปัจจุบัน Gemini ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับ Coinbase ในฐานะแพลตฟอร์มเพียงไม่กี่ระบบที่พลเมืองสหรัฐฯ สามารถขายเงินคริปโตแลกกับเงินดอลลาร์ได้อย่างง่ายดาย เมื่อเร็วๆ นี้ Gemini ได้จัดการกับธุรกรรมมูลค่ามากถึง 300 ล้านเหรียญต่อวัน และอาจมีมูลค่าในระยะยาวมากกว่าเงินที่คู่แฝดถือครองอยู่ เมื่อ Gemini ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการทางการเงินเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Gemini ได้ ทำลายอุปสรรคอันยิ่งใหญ่เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Stan Miroshnik ซีอีโอ Element ธนาคารเพื่อการลงทุนสำหรับการซื้อขายเงินดิจิทัลกล่าว “การขออนุญาตเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่กินเวลายาวนานหลายปีและต้องใช้เงินมาก” Matthew Mellon วัย 54 ปี มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 900 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ ทายาทของตระกูลนายธนาคารที่ยิ่งใหญ่ตระกูลหนึ่งของอเมริกา และอดีตประธานคณะกรรมการด้านการเงินของพรรครีพับลิกันต้องต่อสู้กับภาวะติดสารเสพติดดังนั้นเมื่อเขาเริ่มจดจ่ออย่างหนักกับเงินดิจิทัลเมื่อหลายปีก่อน เพื่อนและครอบครัวของเขาก็ได้พยายามห้ามปรามโดยคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งความหมกมุ่นที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาทิ้งสิ่งที่ตัวเขาเลือกลงทุนในระยะแรกๆ บางอย่าง และขาย Bitcoin ในส่วนของตนเองในอีก 2-3 ปีที่ผ่านมา XRP ของ Mellon มีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญ หลังผ่านการหย่าร้างมาหมาดๆ เขาฉลองในบ้านพักสุดหรูใน Los Angeles ซึ่งมีสนนราคาค่าเช่าอยู่ที่ 150,000 เหรียญต่อเดือน “มันเป็นเหมือนกับเงิน 1 พันล้านเหรียญที่ได้มาฟรีๆ ผมได้เงินส่วนนี้มาก็เพราะว่าผมเป็นเพียงคนเดียวที่ยกมือขึ้นด้วยความเต็มใจ” Mellon กล่าว “ครอบครัวของผมคิดว่าผมเป็นบ้าไปแล้ว แต่ตัวผมรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสในการทำโฮมรัน” Brian Armstrong วัย 35 ปี ซีอีโอ COINBASE มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 900 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ หากนี่เป็นการตื่นทอง Armstrong คือชายที่ทำเงินมหาศาลจากการขายกระทะร่อนทอง เขาก่อตั้ง Coinbase ศูนย์รวมและจุดเข้าร่วมอันโด่งดังในการเทรดเงินคริปโตในสหรัฐฯ เมื่อปี 2012 องค์ประกอบหลักของธุรกิจมี 2 ส่วนคือการเป็นนายหน้าซื้อขาย ซึ่งบรรดาลูกค้ารายย่อยสามารถซื้อสกุลเงินคริปโตต่างๆ เช่น Bitcoin, Bitcoin Cash, Ether และ Litecoin ด้วยบัญชีธนาคารและการเป็นตลาดแลกเปลี่ยนที่เทรดเดอร์รายใหญ่สามารถยื่นราคาเสนอซื้อขายเงินคริปโตต่างๆ ได้ บริษัทเผชิญปัญหาบางประการตลอดช่วงขยายธุรกิจ โดยเกิดปัญหาระบบล่มและความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ทางกฎหมายกับกรมสรรพากรสหรัฐฯ ซึ่งทำสำเร็จในการขอดูประวัติลูกค้า เพื่อให้รัฐบาลรับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ของลูกค้า Coinbase แต่ตลอดทุกอย่างที่ผ่านมาฐานลูกค้าของ Coinbase ยังทะยานขึ้นต่อเนื่อง และบริษัทก็ยังเก็บค่าธรรมเนียมสูงต่อ อย่างน้อยเมื่อเทียบกับมาตรฐานโบรกเกอร์ทั่วไป ในเดือนสิงหาคม Coinbase ระดมทุนได้ 100 ล้านเหรียญ ตามการประเมินมูลค่าบริษัทที่ 1.6 พันล้านเหรียญ จาก 6 บริษัทที่รวมถึง Greylock Partners อันมีชื่อเสียงบริษัทเสนอซื้อหุ้นคืน และแทบไม่มีลูกจ้างคนใดรับข้อเสนอที่ว่า ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกือบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใน Silicon Valley ความเคลื่อนไหวอันชาญฉลาดเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนต่อมา Coinbase บอกเหล่านักลงทุนของบริษัทว่ากำลังทำรายได้รายปีได้ 600 ล้านเหรียญตามระดับการดำเนินงานในปัจจุบัน ขณะที่ความคลั่งไคล้ Bitcoin ยังอยู่ต่อเนื่อง Coinbase กลายเป็นแอพพลิเคชั่นบนไอโฟนที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดในสหรัฐฯ และผู้ใช้รายเดือนเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 4.3 ล้านคน ตามข้อมูลของ Verto Analytics โดย Coinbase มีรายได้ 1 พันล้านเหรียญเมื่อปี 2017 Matthew Roszak วัย 45 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง BLOQ และ ผู้ก่อตั้ง TALLY CAPITAL มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 900 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ Roszak เข้าร่วมการเสนอขายเหรียญครั้งแรก ซึ่งเริ่มต้นในปี 2013 ก่อนที่คำจำกัดความดังกล่าวปรากฏขึ้นด้วยซ้ำแล้วซื้อสกุลเงินต่างๆ เช่น Mastercoin, Factom และ Maidsafe “ผมโชคดีมากๆ และนั่นเป็นช่วงแรกเริ่มมากๆ” Matt Roszak กล่าว ซึ่งก่อนหน้าเงินคริปโตเขาทำงานเป็นผู้ประกอบการบริษัทเทคโนโลยีมาก่อน ร่วมก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ต่างๆ ในฐานะนักลงทุนจากบริษัทร่วมลงทุนที่หลายบริษัท เช่น SilkRoad Equity (ซึ่งเขาจัดการจบข้อกล่าวหาของ ก.ล.ต. สหรัฐฯ กรณีการใช้ข้อมูลวงใน) และในบริษัทการลงทุนส่วนบุคคล สำหรับ Advent International ในสหราชอาณาจักรเขาคือผู้เชื่อมั่นอย่างแท้จริง แล้วเดินหน้าต่อไปในปี 2013 เพื่อกลายเป็นหุ้นส่วนจำกัดในกองทุนแรกของบริษัท Blockchain Capital ใน San Francisco ส่วน Tally Capital ซึ่งประกอบด้วยเงินทุนของเขาเองนั้น ลงทุนในสตาร์ทอัพ 20 แห่งที่รวมถึงตลาดแลกเปลี่ยนบางแห่งซึ่งประสบความสำเร็จที่สุดในแวดวงอย่าง Coinbase, Kraken และ BTCC ลองคิดว่าเขาเป็นเหมือน Katherine Graham แห่งแวดวงเงินคริปโต ซึ่งเป็นสปอนเซอร์มื้อค่ำกว่า 40 ครั้งสำหรับชุมชนบล็อกเชน ใช้เงิน “หลายแสนเหรียญไปกับสเต็กและไวน์สำหรับผู้คนในวงการเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้” Roszak กล่าวว่า “ส่วนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ได้เป็นการที่ผมมาก่อน และทำกำไรได้ก่อนแต่เป็นชุมชนที่ผมสร้างขึ้นมา” เขามองหาผู้มีอิทธิพลทางความคิดคนใหม่ๆ เสมอ Roszak เล่าว่าเขาให้ Bitcoin แรกกับ Richard Branson และ Bill Clinton ด้วย Anthony Di Iorio วัย 43 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง ETHEREUM และ ผู้ก่อตั้ง JAXX AND DECENTRAL มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 750 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ “ผมเข้าใจคอนเซปท์ Bitcoin ในทันที” Anthony Di Iorio หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum กล่าว Di Iorio ผู้ไปยัง Ryerson University ใน Toronto เพื่อเรียนด้านการตลาด ใช้เวลาช่วงทศวรรษ 2000 บริหารธุรกิจประตูบานเลื่อนของครอบครัว รวมถึงทำกิจการบริษัทสำรวจแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพด้วยเช่นกัน หลังมองเห็นวิกฤตการเงินบ่อนทำลายอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ Di Iorio พาตัวเองไปศึกษาเศรษฐศาสตร์เพื่อพยายามเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว “ผมกำลังมองทางเลือกต่างๆ ในการคิดเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ และผมเริ่มเข้าใจการเรียนรู้อย่างแท้จริงว่าอะไรคือเงินจริงๆ ซึ่งเป็นความคิดแบบนักเสรีนิยมทั้งหมดเกี่ยวกับเงินที่มีเสถียรภาพ” Di Iorio ช่วยสนับสนุนเงินเขียนโค้ดของ Ethereum และเงินจ้างที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ก่อนเหรียญดังกล่าวเปิดตัวสู่สาธารณะ เขาเรียกตัวเองว่า “ผู้ไม่สนใจลัทธิ” ในเรื่องบล็อกเชนที่หลากหลาย โดยเขาลงทุนในสินทรัพย์เงินคริปโตที่แตกต่างกัน ซึ่งรวมถึง Qtum, Vechain และ Zcash “ผมชอบการเป็นส่วนหนึ่งของหลายๆ ส่วนแห่งอาณาจักรบล็อกเชน” กลยุทธ์การลงทุนของเขาคือการเข้าไปตั้งแต่ช่วงแรกๆ หลังสินทรัพย์เติบโตขึ้นและเข้าสู่ระดับคงที่แล้ว ให้เทกำไรที่ได้เข้าไปในเหรียญใหม่อื่นๆ ที่ดูมีอนาคตเขาภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยสร้าง Ethereum ซึ่งขณะนี้มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านเหรียญแล้ว “ตอนนี้ผมไปที่ธนาคารแล้วพวกเขาเหมือน โอ้พระเจ้า คุณเริ่มต้น Ethereum แต่เมื่อก่อนนั้น พวกเขาจะพูดว่าเราเปิดบัญชีให้คุณไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาเข้ามาหาผม” Brock Pierce วัย 37 ปี ประธาน BITCOIN FOUNDATION และ ที่ปรึกษา BLOCK.ONE มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 700 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ Pierce ค้นพบเงินคริปโตผ่านความบันเทิง อดีตนักแสดงเด็กผู้นี้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่เกิดก่อน YouTube ในวัย 17 ปีชื่อ Digital Entertainment Network ซึ่งทำเงินได้ 88 ล้านเหรียญระหว่างช่วงฟองสบู่ดอทคอม ก่อนที่ฟองสบู่จะแตกในช่วงทศวรรษ 2000 Pierce ซึ่งเป็นเกมเมอร์ไฟแรงสร้างหนึ่งในบริษัทซื้อขายสินทรัพย์เสมือนขนาดใหญ่ที่สุดชื่อ Internet Gaming Entertainment ซึ่งจ้างผู้คนหลายพันคนในจีนมาเล่นเกมต่างๆ เช่น World of Warcraft เพื่อเอาชนะรางวัลเสมือนจริงอันเป็นที่ต้องการอย่างมากในเกม ซึ่งขณะนั้นเขาขายมันให้กับบรรดานักเล่นเกมทั่วโลกหลายล้านคนเป็นเงินจริง การทำกำไรจากเงินในเกมนำพาเขามาสู่เงินคริปโตตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม Pierce ต้องมนต์สะกดจากศักยภาพของ Bitcoin และลาออกมาเพื่อช่วยก่อตั้งและสนับสนุนเงินบริษัทเงินคริปโตนับสิบแห่งที่รวมถึง Mastercoin, Blockchain Capital, Coinbase, Ethereum, Tether, Bitfury และ Block.one ในขณะนี้คดีความต่างๆ ตามรังควานเขามาตลอดหลายปี หนึ่งในหุ้นส่วนธุรกิจช่วงแรกของเขาถูกตัดสินว่าเป็นผู้กระทำความผิดทางเพศ และตัว Pierce เองก็มีชื่ออยู่ในคดีแพ่งจากการมีส่วนพัวพันในการกระทำความผิดทางเพศ แต่คดีดังกล่าวยกฟ้องไปในภายหลัง และ Pierce ปฏิเสธการกระทำผิดใดๆ ตอนนี้ Pierce กล่าวว่าเขาจะบริจาคเงิน 1 พันล้านเหรียญให้กับชุมชนอิสระที่ไม่ได้เป็นระบบรวมศูนย์กลางและตั้งอยู่บนบล็อกเชน ชุมชนดังกล่าวบริหารจัดการภายใต้ธรรมนูญร่วมกัน และจะได้รับการจดทะเบียนในฐานะองค์กรการกุศล เขากล่าวว่า ผู้เข้าร่วมจะได้รับสิทธิโหวตเพื่อจัดสรรเงิน โดยองค์กรนี้จะเริ่มดำเนินการวันที่ 1 มิถุนายน และอยู่บนระบบบล็อกเชนใหม่ชื่อ EOS.IO ซึ่ง Pierce ช่วยสร้างขึ้นมา “ผมจะทำเงินมากขึ้น” เขายักไหล่ “ผมไม่กังวลเรื่องนั้น” Michael Novogratz วัย 53 ปี ซีอีโอ, GALAXY DIGITAL มูลค่าเงินคริปโตสุทธิ: 700 ล้าน - 1 พันล้านเหรียญ Novogratz ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์มหภาคชื่อดัง ซึ่งเคยติดอันดับรายชื่อมหาเศรษฐีของ FORBES เมื่อปี 2007 ก่อนเผชิญผลกระทบจากการล่มสลายทางเศรษฐกิจ ดูเหมือนจะกลับมาได้อย่างสวยงาม เขาเริ่มลงทุนในเงินคริปโตในปี 2013 และออกจากบริษัท Fortress Investment Group ในปี 2015 เพื่อมุ่งมาวงการคริปโตโดยเฉพาะ เมื่อดูจากภูมิหลังของเขาแล้ว Novogratz เข้าถึงเงินคริปโตในฐานะเทรดเดอร์คลิกอ่านฉบับเต็ม "ส่องโอกาสทอง" ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ มีนาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine