ความยิ่งใหญ่ของ JPMorgan เกินจะปล่อยให้เลือนหายซึ่งภายใต้การบริหารของซีอีโอ Jamie Dimon ได้นำ JPMorgan หวนคืนบัลลังก์สูงสุดในบริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก 2,000 รายประจำปีนี้ได้สำเร็จ โดยมีบริษัทสัญชาติอเมริกัน 611 ราย รองลงมาคือบริษัทจีน 346 รายซึ่งมีสถาบันทางการเงินนำมาในอันดับต้นๆ
ความกังวลที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูง และดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่ตกลงจากปี 2022 เป็นอย่างมาก ธนาคารรายใหญ่รายหนึ่งกลับผงาดทวงตำแหน่งบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกคืนอย่างไม่หวั่นเกรง
JPMorgan Chase กลับมาเป็นอันดับ 1 ในทำเนียบ Forbes Global 2000 การจัดอันดับบริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก 2,000 ราย โดยนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2011 เนื่องจาก Berkshire Hathaway ของ Warren Buffet หลุดตำแหน่งด้วยเหตุมูลค่าพอร์ตการลงทุนลดลง
รายได้รวม 1.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ของ JPMorgan ตลอดระยะเวลา 12 เดือนจนถึงเดือนมีนาคม 2023 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจาก 1.25 แสนล้านเหรียญในการจัดอันดับปีที่แล้วคิดเป็น 44% ต้องขอบคุณส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ที่ขยายขึ้นอย่างมาก การลดดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นทำให้ JPMorgan มีรายได้สุทธิ 1.36 แสนล้านเหรียญตลอดช่วงเวลานั้น คิดเป็น 13% สูงกว่าปีที่ผ่านมา
JPMorgan ยังคงความสุขุมแม้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันเป็นผลมาจากความโกลาหลในแวดวงธนาคารที่นำไปสู่การล้มละลายของสามธนาคาร ได้แก่ Silicon Valley Bank, Signature Bank และ First Republic Bank
JPMorgan ซื้อ First Republic เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2023 เข้าควบคุมดูแลเงินฝาก 9.2 หมื่นล้านเหรียญ รวมถึงสินเชื่อและหลักประกัน 2.03 แสนล้านเหรียญ ธนาคารยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งเผยว่ามีปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้นมาที่ 2.38 ล้านล้านเหรียญคิดเป็น 2% เพิ่มขึ้นเทียบกับปีที่ผ่านมาเมื่อสิ้นสุดไตรมาสแรก โดยบรรดาลูกค้าผู้กระวนกระวายต่างก็พากันย้ายเงินสดจากธนาคารระดับภูมิภาคที่มีความมั่นคงน้อยกว่ามาเข้าฝาก
“เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังดำเนินบนพื้นฐานที่แข็งแรงเป็นปกติ ผู้บริโภคยังมีการใช้จ่ายและงบดุลที่แข็งแกร่ง ธุรกิจต่างๆ ก็อยู่ในสภาพดี” Jamie Dimon ผู้ดำรงตำแหน่งซีอีโอมาอย่างยาวนานกล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ที่เปิดเผยกำไรของ JPMorgan ในไตรมาสแรก “อย่างไรก็ตาม เมฆดำทะมึนที่เราเฝ้าจับตามองตลอดปีที่แล้วอาจมาถึงในไม่ช้า และความยุ่งเหยิงในอุตสาหกรรมธนาคารก็เพิ่มความเสี่ยงขึ้นไปอีก”
ทุกๆ ปีเริ่มตั้งแต่ปี 2003 ทำเนียบ Global 2000 จัดอันดับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกโดยอิงจากรายได้ กำไร สินทรัพย์ และมูลค่าตลาด ทั้งสี่ตัวแปรล้วนได้รับความสำคัญเท่าเทียมกัน ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือนจนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2023 ถูกนำมาคิดคำนวณในการจัดอันดับครั้งนี้
เมื่อรวมกันแล้วบริษัททั้ง 2,000 แห่งในทำเนียบมีรายได้ 50.8 ล้านล้านเหรียญ ผลกำไร 4.4 ล้านล้านเหรียญ จำนวนสินทรัพย์ 231 ล้านล้านเหรียญ และมูลค่าตลาด 74 ล้านล้านเหรียญ นอกเหนือจากรายได้แล้วอีกสามตัวแปรที่เหลือต่างก็ลดลงจากปีที่ผ่านมา
Berkshire Hathaway ร่วงหล่นจากจุดสูงสุดสู่อันดับที่ 338 เนื่องมาจากมูลค่าขาดทุนสุทธิ 2.28 หมื่นล้านเหรียญใน 12 เดือนที่ผ่านมา ทางบริษัทเผยผลขาดทุน 4.38 หมื่นล้านเหรียญในไตรมาสสองของปีที่แล้ว เพียงไตรมาสเดียวเท่านั้นจากมูลค่าพอร์ตการลงทุนที่ดิ่งฮวบซึ่งมีการลงทุนจำนวนมากใน Apple, Bank of America และ American Express โดย Berkshire จำเป็นต้องรายงานผลขาดทุนที่คาดไม่ถึงทั้งหมดแม้ทางบริษัทจะถือหุ้นเหล่านี้ต่อไป
เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮาเลือกจะเน้นผลกำไรจากการดำเนินงานของ Berkshire ซึ่งยังคงเป็นบวก ในขณะที่กำไรสุทธิทั้งหมดเหวี่ยงหนักไปพร้อมกับตลาดหุ้นอันเป็นผลจากมาตรฐานการบัญชี ทั้งรายได้ สินทรัพย์ และมูลค่าตลาดของบริษัทยังคงอยู่ใน 50 อันดับแรกของโลก ด้านกำไรมีแนวโน้มกลับสู่อันดับต้นๆ หากบริษัททำกำไรได้สม่ำเสมอไปพร้อมกับตลาด
สหรัฐฯ คือบ้านของบริษัท 611 รายบนทำเนียบ Global 2000 ประจำปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 595 รายในปีที่แล้ว ตามด้วยจีนและฮ่องกงจำนวน 346 บริษัทที่เป็นรองลงมา อีกหนึ่งประเทศที่มีบริษัทติดอันดับเกินหนึ่งร้อยรายคือญี่ปุ่นด้วยจำนวนบริษัท 192 ราย
มีบริษัทสหรัฐฯ ปรากฏบนการจัดอันดับ Global 2000 อย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2003 รวม 776 ราย แต่ตัวเลขก็ค่อยๆ ลดลงอย่างสม่ำเสมอจนเหลือเพียง 536 รายในปี 2012 ขณะที่จีนและตลาดอื่นๆ เติบโตชัดเจนยิ่งขึ้น นี่เป็นปีแรกที่มีบริษัทสัญชาติอเมริกันเกินกว่า 600 รายนับตั้งแต่ปี 2007 ต้องยกความดีความชอบส่วนใหญ่ให้ตลาดหุ้นสหรัฐ ที่มีศักยภาพสูงเกินคาดในทศวรรษที่ผ่านมา
บริษัทสัญชาติอเมริกัน 10 อันดับแรกของปีนี้มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 64 ตลอดห้าปีที่ผ่านมา และหากย้อนไปสิบปีก็ขึ้นมาถึงร้อยละ 359 เลยทีเดียว ในขณะที่บริษัทนานาชาติ 100 อันดับแรกเพิ่มขึ้นมาร้อยละ 8.7 ตลอดห้าปีที่ผ่านมา และเมื่อนับถอยหลังไปเมืี่อสิบปีก่อนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 47 เท่านั้น
ท่ามกลางบริษัทหน้าใหม่ ผู้ที่คว้าอันดับสูงสุดไปครองคือ Corebridge Financial จากเมืองฮิวสตันของสหรัฐฯ ที่อันดับ 345 โดย Corebridge ขายประกันชีวิตและผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษียณ โดยแยกมาจากบริษัท American International Group เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั้งยังระดมทุนได้ 1.7 พันล้านเหรียญกลายเป็นบริษัทอเมริกันที่ IPO ด้วยมูลค่าสูงสุดประจำปี 2022
Global 2000 ปีนี้มาไกลจากการจัดอันดับครั้งแรกเมื่อยี่สิบปีก่อนมาก ช่วงเวลา ณ ตอนนั้น Citigroup ครองอันดับหนึ่ง ส่วน AIG, Fannie Mae และ IBM ต่างก็อยู่บน 10 อันดับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ทว่าไม่มีบริษัทใดหลงเหลืออยู่บน 20 อันดับแรกในปีนี้ และ Fannie Mae ก็ถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในปี 2010 สังเวยวิกฤตสินเชื่อที่อยู่อาศัยและภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (The Great Recession)
Apple อยู่ที่อันดับ 963 ของโลกเท่านั้นในปี 2003 ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 6.6 พันล้านเหรียญซึ่งหลังจากนั้นก็เติบโตมากกว่า 400 เท่าสู่ 2.8 ล้านล้านเหรียญ
Amazon อยู่ต่ำกว่านั้น โดยติดอันดับ 1,178 ในปี 2003 ขณะนั้นทางบริษัทกำลังฟื้นฟูหลังเจ็บหนักในช่วงวิกฤตฟองสบู่ดอตคอมแตก Amazon ผงาดขึ้นสู่อันดับ 6 ในปี 2022 แต่ก็ตกลงไปอยู่ที่อันดับ 36 ในปีนี้จากกำไรที่ลดลง
รายได้สุทธิรวม 4.3 พันล้านเหรียญตลอดสี่ไตรมาสที่ผ่านมาจนถึงเดือนมีนาคม ลดลง 3.3 หมื่นล้านเหรียญในปีปฏิทินที่ 2021 สืบเนื่องมาจากธุรกิจ Cloud Computing เติบโตช้าลง ล่าสุดในปี 2023 นี้ทางบริษัทยังปลดพนักงานออก 27,000 คนจากทั้งหมด 1.5 ล้านคน หุ้น Amazon ดิ่งหนัก 50% ในปี 2022 แม้บางส่วนจะถูกชดเชยจากการราคาหุ้นที่เด้งกลับมา 46% ในปีนี้
“ในความคิดของผม บางบริษัทเตรียมต้อนรับธุรกิจคลาวด์ใหม่ๆ ที่จะกำเนิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีหลังจากที่กระแส Machine Learning กำลังมา” Andy Jassy ซีอีโอแห่ง Amazon กล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ประจำไตรมาสแรก “นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการเดลิเวอรีกำลังมาแรงและเป็นที่สนใจ บางครั้งผู้คนก็หลงลืมไปว่ามากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลกมาจากระบบภายในองค์กร (On-premise) หากคุณเชื่อว่าสมการนี้จะเปลี่ยนไปแล้วละก็ คำตอบคงเป็นระบบคลาวด์ (Cloud) ซึ่งเราทำอยู่”
จากการจัดอันดับ Amazon และ Berkshire Hathaway ที่ร่วงหล่นบนทำเนียบ Global 2000 ของ Forbes ในปีนี้ UnitedHealth Group, Wells Fargo, Chevron และ Verizon Communications กลับก้าวเข้ามาแทนที่ในรายชื่อ 10 อันดับบริษัทสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุด โดยทั้ง 10 อันดับที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ มีรายได้ 12 เดือนรวม 2.4 ล้านล้านเหรียญ กำไร 4.47 แสนล้านเหรียญ สินทรัพย์ 11.2 ล้านล้านเหรียญ และมูลค่าตลาด 8.5 ล้านล้านเหรียญ
ในส่วนของ 10 อันดับที่ใหญ่ที่สุดในโลกบนทำเนียบ Global 2000 ประจำปีนี้ ได้แก่
อันดับ 1
JPMorgan Chase
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
รายได้: 1.79 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 4.18 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 3.74 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตลาด: 3.99 แสนล้านเหรียญ
อันดับ 2
Saudi Arabian Oil Company (Saudi Aramco)
ประเทศ: ซาอุดิอาระเบีย
รายได้: 5.89 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 1.56 แสนล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 6.53 แสนล้านเหรียญ
มูลค่าตลาด: 2.05 ล้านล้านเหรียญ
อันดับ 3
ICBC
ประเทศ: จีน
รายได้: 2.16 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 5.24 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 6.11 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตลาด: 2.03 หมื่นล้านเหรียญ
อันดับ 4
China Construction Bank
ประเทศ: จีน
รายได้: 2.03 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 4.82 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 4.97 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตลาด: 1.72 แสนล้านเหรียญ
อันดับ 5
Agricultural Bank of China
ประเทศ: จีน
รายได้: 1.86 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 3.79 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 5.35 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตลาด: 1.41 แสนล้านเหรียญ
อันดับ 6
Bank of America
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
รายได้: 1.33 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 2.86 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 3.19 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตลาด:2.20 แสนล้านเหรียญ
อันดับ 7
Alphabet
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
รายได้: 1.33 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 5.85 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 3.69 แสนล้านเหรียญ
มูลค่าตลาด: 1.34 ล้านล้านเหรียญ
อันดับ 8
ExxonMobil
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
รายได้: 3.93 หมื่นล้านเหรียญ
กำไร: 6.16 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 3.69 แสนล้านเหรียญ
มูลค่าตลาด: 1.34 ล้านล้านเหรียญ
อันดับ 9
Microsoft
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
รายได้: 2.07 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 6.90 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 3.80 แสนล้านเหรียญ
มูลค่าตลาด: 2.30 ล้านล้านเหรียญ
อันดับ 10
Apple
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
รายได้: 3.85 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 9.43 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 3.32 แสนล้านเหรียญ
มูลค่าตลาด: 2.74 ล้านล้านเหรียญ
แปลและเรียบเรียงจากบทความ The Global 2000 ซึ่งเผยแพร่บน forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: 17 บริษัทมหาชนไทยยอดเยี่ยมจากทำเนียบ GLOBAL 2000 ประจำปี 2023
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine