Enigma นักทำ 'แผนที่ข้อมูลเศรษฐกิจโลก' - Forbes Thailand

Enigma นักทำ 'แผนที่ข้อมูลเศรษฐกิจโลก'

สองนักปรัชญากำลังใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องจักรและปัญญาประดิษฐ์ สร้าง แผนที่ข้อมูลเศรษฐกิจโลก แบบเรียลไทม์ และบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่สุดของโลก กำลังตั้งแถวรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว

ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ เสียหายไปเท่าไร หลังผ่าน 35 วันแห่งความชะงักงัน ค่าแรง 6,354,845,148 เหรียญสหรัฐฯ ไม่ได้จ่ายให้พนักงานรัฐบาลกลางจำนวน 747,573 คน ทุกๆ วินาทีที่ผ่านไป ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นมา 2,118 เหรียญ พนักงานบางคนโดนพักงานชั่วคราว หลายคนต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง

การเข้าใจถึงขนาดความรุนแรงของการหยุดชะงักนี้และรายละเอียดยิบย่อย ไม่ใช่งานเล็กๆ เลย บริษัทฟินเทค ซึ่งเป็นที่รู้จักเพียงเล็กน้อยใน New York City ชื่อ Enigma ได้จัดทำตารางค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นแบบเรียลไทม์ บนเว็บไซต์ซึ่งทำขึ้นมาชื่อ Government Shutdown 2018-2019

การทำเช่นนั้น Enigma ค้นหาแผนสำรองของสำนักบริหารและงบประมาณสหรัฐฯ สำหรับหน่วยงานรัฐบาลกลาง 109 แห่ง อีกทั้งยังเข้าไปที่ FederalPay.org เพื่อดึงข้อมูลเงินเดือนเฉลี่ยและจำนวนพนักงาน 46 หน่วยงาน

โดยรวมแล้ว บริษัทเสาะหาข้อมูลส่วนกลางจาก 2,000 เว็บ และตารางสเปรดชีท 2 ล้านแถว เพื่อสร้างตัวติดตามขึ้นมา ความพยายามนั้นทำให้ตัวประมวลข้อมูลของ Enigma จำนวน 3 เครื่องใช้เวลาทั้งหมด 36 ชั่วโมง

ข้อมูลชัตดาวน์เปิดให้เข้าถึงฟรี แต่ขีดความสามารถของ Enigma ในการทำความเข้าใจแหล่งข้อมูลที่ไม่ได้เชื่อมต่อกันจำนวนมากนั้น ถูกประมวลด้วยเวลาอันรวดเร็ว และยังสร้างภาพที่ปรับเปลี่ยนได้ของเศรษฐกิจโลกขึ้นมา

ด้วยศักยภาพนี้ช่วยดึงดูดบริษัทชั้นนำบางแห่งของโลก ตั้งแต่ BlackRock ไปจนถึง PayPal และ Celgene และลูกค้าหลายๆ แห่งยอมจ่ายเงินมากกว่า 1 ล้านเหรียญ/ปี เพื่อให้ได้แตะปลายนิ้วเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก

 

จาก "นักปรัชญา" สู่วงการการเงิน

Enigma เกิดจากความคิดของ Hicham Oudghiri และ Marc DaCosta ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่พบกันเมื่อ 16 ปีก่อน ขณะศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาปรัชญาที่ Columbia University ด้วยกัน สตาร์ทอัพของทั้งคู่ได้จัดระเบียบข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหลายพันแหล่งทั่วโลกสู่อินเตอร์เฟซที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดเพียงจุดเดียว

DaCosta วัย 34 ปีกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่แค่ตัวไมโครโปรเซสเซอร์ที่เร็วขึ้น หรือค่าสถิติที่ดีกว่า Enigma คือ กราฟความรู้ของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ"

เส้นทางของ Oudghiri และ DaCosta เข้าสู่สนามแห่งการทำเหมืองข้อมูล เริ่มต้นหลังวิกฤตการเงิน 2008 ทั้งคู่สนใจเกี่ยวกับการอธิบายโลก เมื่อพิจารณาตามการหยุดชะงักงันทั่วโลกที่ดำเนินอยู่ ดังนั้น ทั้งคู่จึงรวมตัวกันและเริ่มจัดระเบียบชุดข้อมูลสาธารณะที่มีอยู่ เริ่มด้วยข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ หรือบันทึกการบินของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ

วิกฤตการเงินสหรัฐฯ ปี 2008 คือจุดเริ่มต้นให้สองนักปรัชญา Hicham Oudghiri และ Marc DaCosta เข้าสู่สนามแข่งขันเรื่องเหมืองข้อมูล

ในไม่ช้าพวกเขาก็ค้นพบขุมทรัพย์ข้อมูลอันมีค่าที่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่ดูธรรมดาๆ ฝังอยู่ในการจัดเก็บข้อมูลของภาครัฐ การตีพิมพ์งานวิจัยมหาวิทยาลัย การยื่นงบการเงินของธุรกิจอันเป็นความลับ และรายการขนส่งสินค้า หากพวกเขาสามารถรวบรวม ขัดเกลา จัดระเบียบ และวิเคราะห์ได้ พวกเขาคิดว่า มันอาจสร้างแผนผังจำลองเกือบเรียลไทม์ของเศรษฐกิจมหภาคได้

ในปี 2011 Oudghiri และ DaCosta ก่อตั้ง Enigma ขึ้น และไปทำงานเก็บรวบรวมข้อมูลสาธารณะ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากแหล่งของรัฐบาล เช่น สำนักงานสถิติแห่งชาติ คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (FCC) คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ และสรรพากรสหรัฐฯ

พวกเขายังกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเปิดเผยข้อมูลอันซับซ้อนและค้นหาได้ยากด้วย เช่น จากการยื่นคำร้องตามกฎหมายเสรีภาพด้านข้อมูลข่าวสาร Enigma เข้าถึงระบบจัดส่งสินค้า Automated Manifest System ของ CBP เพื่อติดตามเรือคอนเทนเนอร์ทุกลำที่เข้ามาในสหรัฐฯ รวมถึงผู้นำเข้าและท่าเรือแวะพักด้วย

(ซ้าย) Marc DaCosta และ (ขวา) Hicham Oudghiri

ปีแห่งความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ของบริษัทคือปี 2014 เมื่อ Enigma ระดมทุนได้ 4.5 ล้านเหรียญจาก Comcast, American Express และ New York Times Co. ทั้งยังได้เข้าไปอยู่ในศูนย์นวัตกรรมฟินเทค ซึ่งสร้างโดย Accenture และ Partnership Fund

Oudghiri และ DaCosta ค้นพบว่าข้อมูลของพวกเขามีประโยชน์มหาศาลในด้านบริการทางการเงิน ข้อมูลนั้นอาจเชื่อมโยงกับข้อมูลลูกค้าในระบบของธนาคาร ซึ่งช่วยให้พวกเขาพบการฉ้อโกงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

 

การค้นพบที่น่าตกตะลึง

จนถึงทุกวันนี้ Enigma สังเคราะห์ชุดข้อมูล 100,000 ชุดในกว่า 100 ประเทศ จัดระเบียบข้อมูลลับบนธุรกิจขนาดเล็ก 30 ล้านแห่ง และรวบรวมจุดเกิดข้อมูล 1.4 แสนล้านจุดของประชากรสหรัฐฯ

กลิ่นไอแห่งภูมิปัญญาแผ่ซ่านอยู่ในสำนักงานใหญ่ของ Enigma ในเขต Flatiron District ของรัฐ New York แต่วัฒนธรรมเชิงวิชาการแบบคงแก่เรียนของ Enigma ไม่ได้หยุดยั้งที่จะดึงดูดลูกค้าองค์กร และเงินระดมทุนจาก Silicon Valley และ Wall Street ได้ บริษัทดังๆ อย่าง BlackRock, PayPal, American Express, MetLife, BB&T, Celgene, Merck และ EMD Millipore ต่างตบเท้าเข้ามา

Forbes คาดการณ์ว่า มูลค่าของ Enigma อยู่ที่ 750 ล้านเหรียญ โดยมีรายได้ถึง 30 ล้านเหรียญต่อปี บริษัทมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น 2 เท่าในปี 2018

วัฒนธรรมเชิงวิชาการแบบคงแก่เรียนของ Enigma ไม่ได้หยุดยั้งที่จะดึงดูดลูกค้าองค์กร และเงินระดมทุนจาก Silicon Valley และ Wall Street บริษัทดังๆ อย่าง BlackRock, PayPal, American Express, MetLife, BB&T, Celgene, Merck และ EMD Millipore ต่างตบเท้าเข้ามาหานักทำ แผนที่ข้อมูลเศรษฐกิจโลก

หากเฮดจ์ฟันด์อยากรู้ว่าเชนร้านอาหารใดเติบโตเร็วที่สุด Enigma สามารถเช็กข้อมูลจากระบบจัดเก็บของ FCC สำหรับหาใบอนุญาตว่าด้วยกิจการวิทยุ ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการเปิดบริการแบบไดร์ฟ-ทรู

อยากระบุตัวผู้สมัครรับเงินกู้สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ดีที่สุดอย่างแม่นยำและรวดเร็วหรือเปล่า แทนที่จะโทรไปหน้าร้าน หรือพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะกับเจ้าหน้าที่หอการค้า Enigma จะสังเคราะห์ข้อมูลการยื่นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกับการยื่นจัดตั้งกิจการของรัฐ และสิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินลูกหนี้ตามกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจจะปรากฏขึ้นมา พร้อมด้วยอัตลักษณ์ด้านเครดิตสินเชื่อแบบอัตโนมัติ

จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการรับประกันภัยในพื้นที่เสี่ยงไฟไหม้หรือเปล่า ทำไมไม่เย็บรวมชุดข้อมูลบนระบบข้อมูลการโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินและใบอนุญาตก่อสร้างบ้านเข้าด้วยกันล่ะ

ที่ MetLife ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล Greg Baxter เริ่มใช้ข้อมูลของ Enigma ที่ดึงมาจากระบบสาธารณสุขและมหาวิทยาลัยด้วยการเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบของบริษัท เพื่อตรวจจับกลุ่มพื้นที่ความเจ็บไข้ได้ป่วยหรือความเสี่ยง และยกระดับการรับประกันภัย

และในหน่วยบริหารจัดการลงทุน 5.88 แสนล้านเหรียญของ MetLife นั้น Baxter กำลังใช้ข้อมูลของ Enigma เพื่อบ่งบอกจำนวนร้านอาหารคุณภาพ สวนสาธารณะ และพื้นที่สำหรับงานชุมชนว่าส่งผลต่อราคาอสังหาริมทรัพย์อย่างไร

นักลงทุนอย่าง John Fogelsong จาก Glynn Capital คิดว่า สตาร์ทอัพนี้อาจเป็นภัยคุกคามไปยัง "กล่องขนาดใหญ่" ซึ่งเป็นระบบปิดที่สืบทอดกันมาของผู้จัดจำหน่ายเทคโนโลยีอย่าง Oracle, IBM, SAS และ SAP: "แต่ละชุดข้อมูลใหม่ที่ Enigma ดูดซับเข้าไปนั้น เพิ่มความสามารถของบริษัทในการยกระดับการประมวลผลทางธุรกิจของลูกค้า"

ประสบการณ์เมื่อไม่นานนี้ของ BlackRock เป็นตัวอย่างชัดเจน เมื่อ Frank Cooper ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งใหม่ ถูกขอให้พลิกแนวทางที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ 6 ล้านล้านเหรียญใช้ค้นหาลูกค้า Enigma สร้างการค้นพบอันน่าประหลาดใจ:

ตรงข้ามกับแนวทางดั้งเดิมซึ่งอิงตามการกำหนดเป้าหมายเชิงประชากรศาสตร์และภูมิภาค มีความสัมพันธ์กันเพียงเล็กน้อยระหว่างตำแหน่งที่อยู่ของลูกค้าและการเตรียมตัวของเขาหรือเธอสำหรับการเกษียณ แต่การมีส่วนร่วมทางการเมืองกลับติดอันดับสูง "หากใครบางคนตื่นตัวทางการเมือง แม้ว่าเป็นผู้เช่าก็ตาม พวกเขามีแนวโน้มมากกว่าที่จะวางแผนเกษียณ" Cooper กล่าว "ช่างน่าตกตะลึงสำหรับเรา"

ไม่ใช่ทั้งหมดของอัลกอริทึ่มการเรียนรู้ของเครื่องจักรของ Enigma ได้รับการฝึกฝนมาเพื่อไล่ล่าผลกำไร บริษัทยังอาสาช่วยค้นข้อมูลเพื่อศึกษาช่องว่างทางเพศใน 558 อาชีพ และพบว่าอาชีพการบัญชี ค้าปลีก และการขาย มีช่องความแตกต่างห่างกันมากมายเหลือเกิน

บนเว็บไซต์สาธารณะของ Enigma บริษัทให้ข้อมูลเหตุไฟไหม้ทั่วประเทศฟรีสำหรับให้นักวางผังเมืองเอาไปใช้ และความผิดปกติของลมฟ้าอากาศช่วง 50 ปีในสหรัฐฯ ไปจนถึงสถิติโรคมะเร็ง

บริษัทยังทำงานร่วมกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรชื่อ Polaris เพื่อต่อสู้และป้องกันการค้ามนุษย์และการตกเป็นทาส แนวคิดก็คือ ข้อมูลไม่เพียงนำไปสู่การรับประกันภัยที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนาการทำงานของรัฐบาลด้วย Oudghiri และ DaCosta เรียกมันว่า "การทำดีเพื่อสังคมด้วยข้อมูล"

 

เรื่อง: Antoine Gara  เรียบเรียง: ชูแอตต์