พลังคนรักสัตว์ดันตลาดสินค้าลักชูรีเติบโตไม่หวั่นโควิด-19 - Forbes Thailand

พลังคนรักสัตว์ดันตลาดสินค้าลักชูรีเติบโตไม่หวั่นโควิด-19

ผู้คนมากมายอาจรู้สึกขัดสนทางการเงิน แต่พอเป็นเรื่องของสัตว์เลี้ยงแสนรัก กลับพร้อมจ่ายได้ทุกเมื่อ อันจะเห็นได้จากตลาดสินค้าลักชูรีสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เติบโตเหลือเชื่อ


    ข้อมูลจากเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้า MoneySuperMarket เผยว่าบรรดาเจ้าของสัตว์เลี้ยงในสหราชอาณาจักรใช้เงินเกือบ 500 ปอนด์ (620 เหรียญสหรัฐฯ) ต่อปีไปกับการซื้อสินค้าลักชูรีให้สัตว์เลี้ยงของพวกเขา ตั้งแต่เสื้อผ้าจากนักออกแบบมีชื่อ เตียงสุดหรู ของเล่นต่างๆ และอาหารชั้นเลิศ โดย 7 ใน 10 เต็มใจจ่ายเงินเพื่อสัตว์เลี้ยงมากกว่าเพื่อตัวเอง

    หนึ่งในแรงขับเคลื่อนกระแสนี้คือจำนวนเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นในช่วงล็อกดาวน์โดยเฉพาะสุนัข ประชากร 3.2 ล้านครัวเรือนในสหราชอาณาจักรครอบครองสัตว์เลี้ยงตั้งแต่โรคระบาดเริ่มต้นขึ้น อ้างอิงจากตัวเลขของ UK Pet Food องค์กรด้านความร่วมมือแวดวงอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง (ชื่อเดิมคือ Pet Food Manufacturers Association) ซึ่งเปิดโอกาสให้เหล่าผู้ประกอบการหาลู่ทางเจาะตลาดกำไรสูงนี้

    Katja Schell เปิดร้านลักชูรีบูติกสำหรับสุนัข Eric & Dolly s เมื่อสามปีก่อน เธอตั้งชื่อร้านตามสุนัขสองตัวของเธอ ตัวหนึ่งเป็นพันธุ์บอสตันเทอร์เรียร์ (Boston Terrier) ชื่อ Eric อีกตัวเป็นอิงลิชบูลเทอร์เรียร์ (English Bull Terrier) ชื่อ Dolly ทั้งร้านเต็มไปด้วยสินค้าเสื้อผ้าเครื่องประดับทันสมัยสำหรับสัตว์เลี้ยงจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากมาย


Eric และ Dolly


    “ผู้คนมีความสุขกับการปรนเปรอสุนัขของตัวเอง เพราะมันทำให้พวกเขารู้สึกดี และพวกเขามักจะดูแลสัตว์เลี้ยงก่อนดูแลตัวเองเสียอีก” Schell กล่าว

    “มีลูกค้าคนหนึ่ง เป็นเด็กสาวอายุน้อย เธอมาที่ร้านเพื่อหาซื้อของน่ารักๆ ให้กับสุนัขของเธอด้วยเงินที่ได้รับในวันเกิด ผู้คนรักเครื่องประดับ เสื้อคลุม ปลอกคอ และของเล่นแบรนด์ไฮเอนด์สำหรับสัตว์เลี้ยง แต่ลูกค้าหลายคนเพียงแค่ได้ซื้อของขวัญเล็กน้อยให้สุนัขของตัวเองก็แสนสุขใจมากแล้ว”

    ทำเลที่ตั้งคือปัจจัยหลัก ร้านของเธอตั้งอยู่ที่ Burnham Market เมืองเล็กๆ ใน Norfolk ซึ่งได้ฉายาว่าเป็นเมือง Chelsea ติดทะเล ด้วยความที่สังคมเต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีธุรกิจจับกลุ่มลูกค้าเงินหนา และผู้อยู่อาศัยก็ร่ำรวย มีชื่อเสียงเฉพาะตัว เมืองแห่งนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยได้รับความนิยมในหมู่คนเลี้ยงสุนัขอย่างล้นหลาม

    Schell ออกจากงานด้านการสรรหาบุคลากรที่เธอประสบความสำเร็จเพื่อมาสร้างธุรกิจของตัวเอง เป็นประสบการณ์ที่เธอบอกว่าท้าทายยิ่งนัก เธอเผยว่า “ฉันไม่เคยทำงานด้านค้าปลีกมาก่อน ดังนั้นการดูแลสต๊อกสินค้า หรือกระทั่งการเรียนรู้วิธีใช้เครื่องคิดเงินจึงเป็นเรื่องท้าทายสุดๆ แต่ภายในหกเดือน ฉันก็รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ฉันมั่นใจมากหากเป็นเรื่องของคนและสุนัขของพวกเขา ฉันรักการมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาในร้าน บริการส่วนบุคคล ยกตัวอย่างเช่น การลองปลอกคอ เสื้อคลุม และทุ่มเทใส่ใจกับสุนัขทั้งหลาย เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ”

    Katja Schell เริ่มต้นค่อนข้างลำบากเพราะสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ร้านค้าพร้อมเปิดตัวในเดือนเมษายน 2020 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการล็อกดาวน์เกิดขึ้น จึงต้องเลื่อนไปเปิดในเดือนมิถุนายนแทน แต่กว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะกลับมาปกติก็ใช้เวลาถึงหนึ่งปี

ร้าน Eric & Dolly s


    เมื่อเร็วๆ นี้ อุปสรรคใหญ่สำหรับบรรดาร้านค้าปลีกคือวิกฤตค่าครองชีพ ทว่าสิ่งนี้เหมือนจะไม่เป็นปัญหากับอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงระดับลักชูรี 

    “วิกฤตค่าครองชีพไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจนี้” Schell กล่าว “ผู้คนยังคงต้องการสิ่งของทันสมัยที่ใช้งานได้จริง และการซื้อสิ่งของเหล่านี้ให้กับสัตว์เลี้ยงก็ทำเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ฉันไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ที่ตลาดของเรามีภูมิต้านทานสูงขนาดนี้”

    การก้าวเข้ามาในตลาดนี้จำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยอย่างทะลุปรุโปร่ง ยิ่งเมื่อธุรกิจต่างๆ ที่พุ่งเป้ามายังอุตสาหกรรมการดูแลสัตว์เลี้ยงระดับลักชูรีมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

    การเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงทำให้รู้ซึ้งถึงความท้าทายนี้ ดังนั้นแบรนด์จำนวนมากจึงต้องเข้าใจและจัดหาบริการที่เหมาะสม ดังเช่นที่ Kimberly Howard นักวิเคราะห์วัฒนธรรมการตลาดจากองค์กรวิจัยตลาดเชิงลึก Verve อธิบายว่า

    “การสำรวจเส้นทางของผู้ครอบครองสัตว์เลี้ยงทั้งเรื่องทุกข์และสุขอาจนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ ได้” เธอบอก “เช่น CocoPup คือแบรนด์กระเป๋าสัตว์เลี้ยงลักชูรี พวกเขารับรู้ความต้องการของผู้คนยามพาสุนัขไปเดินเล่น โดยต้องใช้งานได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะกระเป๋าใส่ขนม ขวดน้ำ สายจูง และอื่นๆ ทั้งหมดต้องพร้อมสำหรับการเดินเล่นครั้งเดียว พวกเขาจึงสร้างสรรค์กระเป๋าสัตว์เลี้ยงแบ่งช่องเก็บของอย่างชาญฉลาดใช้งานสะดวก”

    ความนิยมต่างๆ เกี่ยวกับสินค้าสำหรับมนุษย์ แม้กระทั่งกับเด็กทารก ก็เป็นเรื่องควรค่าแก่การศึกษาเช่นกัน “ณ ตอนนี้สัตว์เลี้ยงมีความหมายต่อผู้คนมากกว่าตอนก่อนจะมีโรคระบาด แน่นอน พวกเขามองสัตว์เลี้ยงของตนเองเสมือนลูกยิ่งขึ้น หรือแม้แต่เลือกเลี้ยงสัตว์มากกว่าจะมีลูกด้วยซ้ำ” Howard เผย

    “ผู้ประกอบการสามารถดูความนิยมสินค้าสำหรับเด็กทารกที่กำลังมาแรงและนำมาคาดคะเนแนวทางสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ ความนิยมทั้งสองอย่างมีแนวโน้มตามกัน ตั้งแต่อาหารจากธรรมชาติและออร์แกนิคไปจนการละเล่นเสริมพัฒนาการและการพูดคุย การพิจารณาสองตลาดที่ขนานล้อกันไปเช่นนี้สามารถก่อให้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้”

    อีกหนึ่งปัจจัยในธุรกิจที่กำลังเติบโตรวดเร็วนี้เป็นผลงานของบรรดาอินฟลูเอนเซอร์บนโลกโซเชียล Jenny Tsai ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแห่ง WeArisma บริษัทวิเคราะห์การตลาดที่เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียและอินฟลูเอนเซอร์กล่าวว่า “ตลาดสัตว์เลี้ยงในสหราชอาณาจักรมีมูลค่า 5.9 พันล้านปอนด์ และชาวอังกฤษ 37% บอกว่าพวกเขาจะซื้อสินค้าให้สัตว์เลี้ยงโดยตัดสินใจจากคำแนะนำบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Instagram โดยเราจะเห็นตัวเลข อินฟลูเอนสัตว์/อินฟลูเอนเซอร์ด้านสัตว์เลี้ยง (petfluencer) เพิ่มขึ้น”

    “นี่ยังกลายมาเป็นช่องทางทำการตลาดสำคัญสำหรับแบรนด์ลักชูรีที่มีไลน์สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น Gucci, Celine และ Moncler การวิเคราะห์อินฟลูเอนเซอร์ของเราพบว่าตั้งแต่ต้นปี 2022 แบรนด์ลักชูรีเหล่านี้สร้างมูลค่าทางสื่อ 4.8 ล้านเหรียญฯ กับยอดผู้มีส่วนร่วม (engagement) มากกว่า 3.1 ล้านรายบนช่องทางโซเชียลสำคัญต่างๆ จากคอลเล็กชั่นลักชูรีสำหรับสัตว์เลี้ยง”


แปลและเรียบเรียงจากบทความ Why Luxury For Pets Is A Booming Business ซึ่งเผยแพร่บน Forbes


อ่านเพิ่มเติม : SC Asset เปิดแคมเปญฉลองครบรอบ 20 ปี ปั้นภาพยนตร์โฆษณาแอนิเมชันบอกเล่าเรื่องราว ครั้งแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine