Wristcheck แพลตฟอร์มนาฬิกาหรูคว้าเงินระดมทุน 8 ล้านเหรียญฯ - Forbes Thailand

Wristcheck แพลตฟอร์มนาฬิกาหรูคว้าเงินระดมทุน 8 ล้านเหรียญฯ

Wristcheck แพลตฟอร์มขายนาฬิกาหรูมือสองของฮ่องกงระดมทุนได้ 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีแหล่งเงินทุนใหญ่จาก Gobi Partners GBA และ K3 Ventures บริษัทร่วมทุนที่ก่อตั้งโดย Kuok Meng Xiong หลานชายของ Robert Kuok มหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดของมาเลเซีย


    Wristcheck บริษัทสตาร์ทอัพผู้ค้าปลีกนาฬิกาหรูมือสองในฮ่องกงสามารถระดมทุนได้ 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงเริ่มต้นคือรอบ seed funding เพาะเมล็ดพันธุ์ต้นกล้าเพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาใช้คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ตลาดเป้าหมายในอนาคต โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวมาจากแหล่งทุนขนาดใหญ่อย่าง Gobi Partners GBA ผู้ดูแลกองทุน Alibaba’s Hong Kong Entrepreneurs Fund ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกองทุนเริ่มต้นที่ใหญ่ที่สุดของเกาะฮ่องกงรวมทั้งกองทุน AEF Greater Bay Area

    ทั้งนี้ K3 Ventures บริษัทร่วมทุนที่ก่อตั้งโดย Kuok Meng Xiong หลานชายของ Robert Kuok มหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดของมาเลเซีย ยังเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นแหล่งเงินทุนให้กับการระดมทุนในรอบนี้ด้วย

    "เราถือเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการซื้อ-ขายสินทรัพย์ในรูปแบบนาฬิกาแห่งแรกในเอเชียที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก" Austen Chu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Wristcheck วัย 26 ปี กล่าว "นอกจากนี้เรายังเป็นแพลตฟอร์มรายแรกที่ให้บริการด้วยความโปร่งใส โดยผู้ซื้อสามารถรับรู้ราคาขายสุทธิจากผู้ขายและผู้ขายสามารถรู้ได้ว่าผู้ซื้อจ่ายเงินมาจำนวนเท่าไร"

    หลังการเปิดตัวแพลตฟอร์มในปี 2020 ทาง Wristcheck เปิดเผยว่า สามารถสร้างยอดขายนาฬิกาหรูผ่านออนไลน์ด้วยมูลค่า 80 ล้านเหรียญ ถือเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยบริษัทยังได้เสนอราคา fixed rates เบื้องต้นสำหรับการซื้อ-ขายนาฬิกาหรูผ่านแพลตฟอร์มที่ผู้ขายจะได้รับ 8% ส่วนผู้ซื้อ 4% ซึ่งถือเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าทั่วไปเมื่อเทียบกับการซื้อ-ขายผ่านการประมูลหรือผ่านตัวแทนจำหน่ายรายบุคคล



    สำหรับเงินระดมทุนที่ได้รับทาง Wristcheck จะนำไปขยายตลาดลูกค้าให้เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะพัฒนาคุณภาพของฟีเจอร์ต่างๆ ของระบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ จะจัดทำเครื่องมือพอร์ตโฟลิโอแบบดิจิทัลที่ผู้ใช้สามารถจัดทำแคตตาล็อกฝากขายนาฬิกาในคอลเล็กชั่นต่างๆ ได้ด้วยตนเองและยังสามารถติดตามมูลค่าตลาดแบบ Real time รวมถึงการรับประกันของนาฬิกาแต่ละเรือนได้

    "การผสมผสานความได้เปรียบด้านการแข่งขันของฮ่องกงในฐานะตลาดซื้อ-ขายนาฬิการะดับโลกเข้ากับทีมงานที่มีความสามารถชั้นนําของ Wristcheck ทำให้เรามั่นใจว่า บริษัทจะสามารถต่อยอดธุรกิจจากเดิมในปัจจุบันให้ดียิ่งขึ้นได้" Chibo Tang ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของ Gobi Partners GBA กล่าว

    ธุรกิจ E-Commerce ในฮ่องกงและจีนได้แสดงศักยภาพมากขึ้น โดย Tang เองเคยกล่าวกับทาง Forbes ว่า “ที่ผ่านมา Gobi ได้สนับสนุนสตาร์ทอัพ อย่าง KICKS CREW ผู้ประกอบการที่จำหน่ายรองเท้าสนีกเกอร์ผ่านออนไลน์ โดยสามารถระดมทุนได้ในรอบ Series A ด้วยมูลค่า 6 ล้านเหรียญเมื่อเดือนมีนาคมปี 2022" 

    ขณะที่นักลงทุนรายอื่นของ Wristcheck ได้แก่ K3 Ventures ยังได้สนับสนุนสตาร์ทอัพอย่าง Novelship จากสิงคโปร์ที่จำหน่ายรองเท้าผ้าใบและของสะสมรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นผ่านออนไลน์ ซึ่งมีรายชื่ออยู่ในลิสต์รายการบริษัทที่โดดเด่นขนาดเล็กและสตาร์ทอัพที่น่าจับตามองของ Forbes Asia 100 to Watch ปี 2022

    แพลตฟอร์มซื้อ-ขายนาฬิกาของ Wristcheck มีสมาชิกที่ลงทะเบียนและเปิดบัญชีใช้ในระบบมากกว่า 80,000 คน โดยข้อมูลจากฐานตัวเลขดังกล่าวยังแสดงให้เห็นด้วยว่าจำนวนของลูกค้าที่มีการใช้จ่ายเงินซื้อนาฬิกา 43% มีอายุต่ำกว่า 30 ปี

    "เมื่อผู้ฝากขายนาฬิกามีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ในขณะที่ผู้ซื้อมีอายุต่ำกว่า 30 ปีลงมา" Chu กล่าวเสริมว่า "มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดที่ได้เห็นข้อมูลนี้เพราะมันแสดงให้เห็นถึงการส่งต่อนาฬิกาจากคนรุ่นเก่าไปสู่คนรุ่นใหม่ต่อไป"

    จากการวิเคราะห์ของ Deloitte บริษัทตรวจสอบด้านบัญชีและที่ปรึกษาธุรกิจระดับโลกได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกในช่วงเดือนตุลาคมปี 2022 ที่ผ่านมา โดยนำเสนอข้อมูลว่า ผลจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคที่อายุน้อยได้ช่วยพยุงตลาดโลกด้านการซื้อ-ขายนาฬิกาหรูมือสอง โดยกลุ่มลูกค้ายุค Millennials และกลุ่ม Gen Z เลือกซื้อนาฬิกาดังกล่าว 48% ขณะที่ลูกค้ากลุ่ม Baby Boomers อยู่ที่ 12% 



    อย่างไรก็ตาม สินค้าลอกเลียนแบบยังคงเป็นหนามยอกอกในการสร้างปัญหาให้แก่แบรนด์ผู้จำหน่ายนาฬิการวมถึงแพลตฟอร์มเพื่อการขายต่อเช่นกัน โดยนาฬิกาถือเป็นหมวดหมู่สินค้าที่มีการปลอมแปลงมากที่สุดเป็นอันดับห้าของโลกตามการรายงานขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (The Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) ในปี 2021

    Rolex ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ใช้แนวทางเชิงรุกในการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค เห็นได้จากเดือนธันวาคมปี 2022 ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ได้เปิดตัวโปรแกรมนาฬิกามือสองที่สามารถรับรองความถูกต้องว่าเป็นของจริงหรือปลอมช่วยให้ลูกค้าสามารถนำนาฬิกาไปขายต่อและเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อได้ นอกจากนี้ ลูกค้าแต่ละรายยังสามารถเลือกใช้บริการในการค้นหาเลขทะเบียนเพื่อติดตามนาฬิกาที่ถูกขโมยไปหรือตรวจสอบนาฬิกาว่าเป็นของปลอมหรือไม่จากตัวเลขที่ได้มีการบันทึกไว้ได้

    Wristcheck ยังวางแผนที่จะเปิดตัวเครื่องมือ AI เพื่อตรวจสอบรายการต่างๆ บนแพลตฟอร์มพร้อมนำผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถในฮ่องกงและจีนเข้ามาช่วยดูแลข้อมูลพร้อมอัพเดตความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับนาฬิกาและรายละเอียดของการดีไซน์ออกแบบแต่ละแบบ

    นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้รับความร่วมมือโดยตรงจากแบรนด์หลัก เช่น Audemars Piguet ผู้ผลิตนาฬิกาแบรนด์ดังจากสวิสที่ขึ้นชื่อเรื่องการดีไซน์ออกแบบนาฬิการะดับโลกเพื่อการตรวจสอบอย่างแม่นยำว่านาฬิกาแต่ละเรือนที่ผ่านการรังสรรค์ทำด้วยมือนั้นเป็นของจริงหรือปลอม 

    Chu ในฐานะผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในนาฬิกา กล่าวถึงจุดเริ่มต้นความสนใจของเขาว่า เริ่มต้นมาจากนาฬิกา Flik Flak เรือนแรกแบรนด์ Swatch ในปี 2016 โดยระหว่างที่กําลังศึกษาระดับปริญญาตรีที่ NYU เขาได้เปิดตัวบัญชี Instagram ชื่อ Horoloupe เพื่อบันทึกเรื่องราวของเขาในฐานะนักสะสมนาฬิกาจนมีผู้สนใจติดตามเป็นจำนวนมากหลายแสนคน ส่งผลให้เขาได้ร่วมมือกับ Audemars Piguet ในการเปิดตัวรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นปี 2019 

    และต่อมาในปี 2020 เขาได้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม Wristcheck ร่วมกับ Sean Wong อดีตผู้บริหารของนิตยสารแฟชั่นออนไลน์ Hypebeast ซึ่งถือเป็นบริษัทแม่ของ HBX แพลตฟอร์ม E-Commerce ที่จำหน่ายสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์แบรนด์ดังกว่า 200 แบรนด์

    Chibo Tang หุ้นส่วนผู้จัดการของ Gobi Partners GBA แหล่งทุนของ Wristcheck ในครั้งนี้ ยังกล่าวเสริมด้วยว่า “ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไฟแรงกำลังเดินหน้าสู่ภารกิจระยะยาว ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว”

    ขณะที่ Chu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Wristcheck กล่าวเพิ่มเติมว่า "ฉันย้ายไปยังฮ่องกงในเดือนกรกฎาคม 2020 เพื่อเริ่ม Wristcheck ซึ่งขณะนั้นเกิดสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดระลอกที่สองถือเป็นช่วงที่ยากลำบากต่อการทำธุรกิจ แต่ท้ายที่สุดคุณจะต้องเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของตนเองและคาดหวังว่าจะมีทีมงานที่ยอดเยี่ยม"


แปลและเรียบเรียงจากบทความ: Hong Kong Luxury Watch Seller Raises $8 Million From Gobi Partners, Kuok Meng Xiong’s K3 Ventures ซึ่งเผยแพร่บน forbes.com


อ่านเพิ่มเติม: 10 สุดยอด "หญิงแกร่ง วัย 50 ปี แห่งเอเชีย" ประจำปี 2023


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine