Rithy Sear จากผู้ลี้ภัยสู่มหาเศรษฐีกัมพูชา ด้วยธุรกิจขนส่ง - Forbes Thailand

Rithy Sear จากผู้ลี้ภัยสู่มหาเศรษฐีกัมพูชา ด้วยธุรกิจขนส่ง

FORBES THAILAND / ADMIN
27 Jan 2019 | 11:00 AM
READ 8786

Rithy Sear ต้องระหกระเหินลี้ภัยยาวนานถึง 4 ปี เขาเดินทางกลับกัมพูชาและเริ่มต้นเส้นทางธุรกิจที่ทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ และผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของประเทศ

การค้าขายในกัมพูชาอาจไม่ง่ายนัก แต่ Rithy Sear ตื่นเต้นกับความท้าทายนี้ไม่น้อย เมื่อตอนที่เขาชวนว่าที่หุ้นส่วนทางธุรกิจจากต่างประเทศ Sear ต้องรับฟังความวิตกกังวลต่างๆ นานา ความได้เปรียบในการเจรจาของ Sear คือการเตรียมความพร้อมและความมั่นใจ ปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยพบกับนักลงทุนในสำนักงานของตัวเอง ซึ่งเป็นห้องชุดชั่วคราวรกๆ ตั้งอยู่ในสำนักงานใหญ่เมือง Phnom Penh ของ WorldBridge International บริษัทโลจิสติกส์ อสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนของเขาเอง แต่เขาเลือกใช้ห้องรับรองธุรกิจสุดพิเศษบนชั้น 12 ของโรงแรม Sofitel หน้าต่างบานสูงจากพื้นจรดเพดานเผยให้เห็น The Bridge โครงการของเขาเองที่จะเป็นศูนย์รวมร้านค้าปลีก อาคารชุด และโรงแรมความสูง 45 ชั้นที่เปล่งประกาย และจะเป็นที่ตั้งของ Brink’s บริษัทด้านความปลอดภัยระดับโลกตกลงเซ็นสัญญากิจการร่วมค้า ในเดือนกรกฎาคม 2561 Sear มองว่า Brink’s จะสามารถเพิ่มรายได้จากในประเทศได้ถึง 8 เท่าตัวหากมาร่วมงานกับ WorldBridge นับตั้งแต่กัมพูชาเปิดประตูสู่โลกภายนอกอีกครั้งในยุค 1990s Sear วัย 48 ปี ได้สร้างธุรกิจจากการเฝ้าสังเกตการณ์ว่าส่วนอื่นๆ ในภูมิภาคทำอะไรกันอยู่ จากนั้นจึงสร้างความสัมพันธ์กับบรรดาผู้เล่นข้ามชาติเขาวางตัวเองเป็นประตูเปิดสู่กัมพูชา คือเป็นหุ้นส่วนในท้องถิ่นที่ “โปร่งใสมือสะอาด” คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างชาติได้เข้ามายังตลาดเกิดใหม่ที่เปิดกว้างแห่งนี้ สิงคโปร์คือแรงบันดาลใจพิเศษของ Sear และ Oxley Holdings ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ก็เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ที่สุดของเขาด้วย กิจการร่วมค้า Oxley Worldbridge กำลังก่อสร้าง The Bridge อยู่ในเวลานี้และสามารถขายห้องในอาคารชุดได้หมดแล้ว ยิ่งทำให้ Ching Chiat Kwong ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Oxley ถึงกับสัญญาว่าจะเข้าร่วมโครงการอีก 2 แห่งใน Phnom Penh สำหรับโครงการต่อไปคือ The Peak คอมเพล็กซ์มูลค่า 580 ล้านเหรียญสหรัฐฯ The Palms โครงการหรูริมแม่น้ำ มูลค่า 100 ล้านเหรียญ พื้นฐานของ WorldBridge ยังคงเป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่ Sear เปิดตัวขึ้นเพื่อให้บริการขนส่งในยุค1990s จากนั้นจึงขยายสู่การให้บริการนำเข้าและส่งออก ตลอดจนการให้บริการรับช่วงต่องานองค์กร (Outsource) บริษัทแห่งนี้มีพนักงานมากถึง 3,750 คน บางส่วนอยู่ในเวียดนาม ลาว เมียนมา และไทย Sear บอกด้วยว่าเขาเป็นเจ้าของหุ้นทั้งหมดใน WorldBridge และยังถือหุ้น 50% ใน Oxley Worldbridge และอีก 40% ใน Kerry Worldbridge Logistics ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าร่วมกับ Kerry Logistics Network ของฮ่องกง อสังหาริมทรัพย์ กัมพูชา Sear เขาเกิดในครอบครัวเชื้อสายจีน-เขมรใน Phnom Penh แม้จะมีกองกำลังฆ่าล้างพลเรือนเชื้อสายจีน แต่ครอบครัวของ Sear รอดชีวิตมาได้ทั้งหมด Sear อาศัยพรสวรรค์ในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศฝึกภาษาอังกฤษจากคนงานของสถานทูตรัสเซียคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายในช่วงที่ประเทศตกอยู่ใต้อำนาจของเวียดนามในเวลานั้น แต่เมื่อสหรัฐฯ และสหประชาชาติเริ่มส่งความช่วยเหลือเข้ามาในกัมพูชา ทักษะภาษาอังกฤษกลับมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในปี 1988 แม่ของเขาจัดการให้เขาได้ร่วมลงเรือผู้ลี้ภัยเพื่อเดินทางไปออสเตรเลีย เพื่อที่เขาจะได้ช่วยแปลภาษาและขอความช่วยเหลือได้ คืนก่อนออกเดินทาง เรืออีกลำหนึ่งที่บรรทุกผู้ลี้ภัย 300 คนจมลงไม่ไกลจาก Sihanoukville เขาจำได้ว่า ขณะที่เรือประมงลำเล็กของ Sear กำลังเริ่มออกเดินทาง โดยมีลุงของเขาเป็นผู้คัดท้ายเรือ ศพยังคงลอยขึ้นลงตามกระแสคลื่น หลายสัปดาห์ต่อมา เรือของเขาก็จมลงเพราะชนเข้ากับแนวปะการังใกล้ๆ Sumatra Sear เกาะแผ่นไม้กระดานลอยคอนาน 3-4 ชั่วโมงจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทางการอินโดนีเซียมาถึงและช่วยผู้ลี้ภัยที่รอดชีวิตมาได้ 171 คน ก่อนนำไปปล่อยไว้ในหมู่บ้านประมงแห่งหนึ่งใน Kalimantan ช่วงเวลา 6 เดือนที่นั่นยังคงตามหลอกหลอน Sear จนถึงทุกวันนี้ ในที่สุดบรรดาผู้ลี้ภัยก็โดนส่งตัวออกไปยังค่ายของสหประชาชาติใน Riau Islands เขารับหน้าที่แปลภาษาให้กับสหประชาชาติเป็นเวลา 3 ปี ก่อนจะได้รับข้อเสนอให้เดินทางกลับบ้านที่ Phnom Penh หลังการเลือกตั้งครั้งแรกของกัมพูชาภายใต้องค์การบริหารชั่วคราว (Transitional Authority) เมื่อปี 1992 Sear อาศัยความสัมพันธ์กับสหประชาติจัดบริการขนส่งให้กับบรรดาสถานทูตและหน่วยงานช่วยเหลือต่างๆ เขากับหุ้นส่วนไม่มีรถบรรทุก จึงแบ่งเงิน 200 เหรียญจากค่าบริการที่เรียกเก็บ 800-1,000 เหรียญเพื่อเช่ารถ เขาใช้ความสัมพันธ์ที่มีสร้างธุรกิจขึ้นมาจนได้การขนส่งอาหารทำให้เขาได้เดินทางมาถึงชายแดนประเทศไทยและได้ทำความรู้จักกับเลขานุการของประธานบริษัท CTI Logistics ของประเทศไทย ที่ได้แนะนำให้เขาได้พบกับหุ้นส่วนในอนาคต นั่นคือ เกล็ดชัย เบญจอาธรศิริกุล แห่ง Kerry Express (Thailand) กำไรของ Sear ยังคงเติบโต แต่เขาไม่ไว้ใจธนาคารในท้องถิ่น จึงนำรายได้ไปฝากไว้กับที่ดิน เขาเริ่มกว้านซื้อที่ดินตามแนว Russian Federation Boulevard ใน Phnom Penh ที่เชื่อมระหว่างเมืองกับสนามบิน เพราะเห็นว่ามีการพัฒนาเกิดขึ้นในพื้นที่ตรงกลางระหว่างเมืองอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสนามบิน Sear ใช้ที่ดินมูลค่าสูงที่มีอยู่ใน Phnom Penh กับในอีก 6 จังหวัดดึงดูดหุ้นส่วนชาวต่างชาติเข้ามาร่วมในกิจการร่วมค้า สำหรับ 2 โครงการแรกของ Oxley Worldbridge แม้ Sear จะมีทั้งสถานะ Best Trader แต่ก็ยังต้องเผชิญอุปสรรคจากระบบราชการ ในปี 2015 บรรดาผู้ประกอบการกัมพูชาต่างวิ่งเข้าหาธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ Worldbridge Commerce ได้เปิดตัวร้านค้าออนไลน์ชื่อ My All In One Mall Sear หันไปดึงนักศึกษาที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมาร่วมงานในบริษัทรับจ้างทำกระบวนการธุรกิจ หรืออย่างลูกชายวัย 21 ปีของเขาก็ดูแลร้านค้าออนไลน์เพื่อขายของที่พ่อนำเข้ามา Sear ตื่นตาตื่นใจไม่น้อยกับกระแสการร่วมลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงกับจัดตั้งกองทุนของตัวเองขึ้นมากองหนึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ชื่อว่า Ooctane แม้จะยังไม่ได้ตัดสินใจว่า กองทุนนี้จะเดินไปทางทิศไหนหลังจากจะให้การสนับสนุนแนวคิดต่างๆ ในช่วงเริ่มต้นแล้ว แต่เขาเคยพูดอยู่ว่าต้องการลงทุนด้านฟินเทค เรื่อง: Danielle Keeton-Olsen เรียบเรียง: ปาริชาติ ชื่นชม
คลิกอ่านบทความฉบับเต็มของ "จากผู้ลี้ภัยสู่มหาเศรษฐีด้วยธุรกิจขนส่ง" ได้จากนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2561