Las Vegas Sands เดินหน้าขยายอาณาจักรโรงแรมคาสิโนอีก 6 แห่งในภูมิภาคเอเชีย - Forbes Thailand

Las Vegas Sands เดินหน้าขยายอาณาจักรโรงแรมคาสิโนอีก 6 แห่งในภูมิภาคเอเชีย

Las Vegas Sands บรรลุข้อตกลงขายโรงแรมคาสิโน 2 แห่งบน Las Vegas Strip ซึ่งประกอบด้วย Venetian Resort และ Sands Expo and Convention Center ที่ 6.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมเดินหน้าขยายอาณาจักรคาสิโนอีก 6 แห่งในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสร้างรายได้กว่าร้อยละ 90 ให้กับบริษัท

Robert Goldstein
Sheldon Adelson มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Las Vegas Sands

“…เราระลึกถึงสิ่งที่ Sheldon Adelson ได้สร้างไว้เสมอในการเริ่มต้นบทใหม่ในประวัติศาสตร์ของบริษัทครั้งนี้ Robert Goldstein ประธานและซีอีโอกล่าวระหว่างการแถลงการณ์ พร้อมระบุว่าบริษัทของเราให้ความสำคัญกับการเติบโต และมองเห็นโอกาสจากหลากหลายช่องทาง ซึ่งในปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นแหล่งรายได้หลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาเก๊าและสิงคโปร์

ทั้งนี้ การประกาศดังกล่าวออกมาหลังจากที่บริษัทรายงานผลประกอบการประจำเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Las Vegas Sands วางแผนที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อีก 5 แห่งในมาเก๊าและอีก 1 แห่งในสิงคโปร์ รวมเป็นมูลค่ากว่า 5.5 พันล้านเหรียญ

ขณะที่โครงการ The Londoner Macao รีสอร์ตสไตล์อังกฤษคลาสสิกในย่าน Cotai Strip ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรัฐสภาอังกฤษและหอนาฬิกาบิ๊กเบน ที่มีมูลค่าการลงทุนราว 2 พันล้านเหรียญ ได้ส่งผลให้การลงทุนในมาเก๊าของบริษัทตั้งแต่ปี 2004 มีมูลค่าทั้งสิ้น 1.5 หมื่นล้านเหรียญ

เราเชื่อเสมอว่า ไม่มีที่ไหนที่เหมาะกับการลงทุนของบริษัทไปมากกว่ามาเก๊า Robert Goldstein กล่าวระหว่างรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของ Las Vegas Sands

โดยต่อจากนี้ Apollo Global Management, Inc จะเข้าซื้อธุรกิจในลาสเวกัสด้วยเงินสดที่มูลค่าราว 1.05 พันล้านเหรียญ และอีก 1.2 พันล้านเหรียญในรูปของเงินกู้และหลักทรัพย์ตามบันทึกข้อตกลง ขณะที่ Vici Properties Inc. จะเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในส่วนของ Venetian ด้วยเงินสดมูลค่า 4 พันล้านเหรียญ

ในทำนองเดียวกันทางบริษัทก็ได้มองหาลู่ทางในการลงทุนภายในประเทศ ที่สามาถสร้างผลตอบแทนคุ้มค่า' เมื่อเทียบกับมูลค่าการลงทุน Goldstein กล่าว พร้อมระบุว่าในเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์โอกาสในการดำเนินธุรกิจคาสิโนในมหานครนิวยอร์คเช่นเดียวกับในเท็กซัส ที่มีศักยภาพทางการตลาดที่ไม่ควรมองข้าม

อย่างไรก็ดี การออกจากตลาดสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ในปี 2020 บริษัทขาดทุนสุทธิมากถึง 1.69 พันล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับรายได้สุทธิในปี 2019 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 2.7 พันล้านเหรียญ แม้ว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ในมาเก๊าและสิงคโปร์จะยังคงมีทิศทางเป็นบวก

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า การดำเนินกิจการของ Las Vegas Sand ที่ Strip คือ ธุรกิจที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Sheldon Adelson มหาเศรษฐีผู้เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2021 ด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน ดังจะเห็นได้จากการที่ Venetian Resort เป็นโรงแรมและคาสิโนหรู 35 ชั้น ที่มีห้องสวีตให้บริการมากถึง 3,000 ห้อง ทั้งยังมีสัญลักษ์สำคัญอย่าง Palazzo Tower ที่ประกอบด้วยห้องสวีทวีตอีก 12 ชั้น จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก ขณะที่ Sand Expo Center มีพื้นที่จัดประชุมและงานแสดงต่างๆ ที่กว้างขวางมากถึง 1.2 ล้านตารางฟุต

ในที่นี้ ทางบริษัทได้เผยถึงแผนการดำเนินงานในอนาคตว่าอาจขยายสู่การให้บริการเกมออนไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ Adelson ไม่เคยเห็นชอบด้วย

อุตสาหกรรมต่างๆ กำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงต้องทดลองสิ่งใหม่ๆ เสมอ Patrrick Dumont ประธานและกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการกล่าว

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Sands To Leave Las Vegas As It Agrees To Sell Strip Assets For $6.25 Billion เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: Adam Neumann บรรลุข้อตกลงกับ Softbank นำ WeWork ระดมทุนอีกครั้ง