การทำข้อตกลงธุรกิจภายใต้ฝีไม้ลายมือคนรุ่นใหม่อย่าง Kiat Lim ฉายแววจะพลิกโฉมธุรกิจครอบครัวอย่าง Thomson Medical Group ด้วยการขยายกิจการจากฐานเดิมที่สิงคโปร์และมาเลเซียสู่การเป็นบริษัทระดับภูมิภาค
ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทางบริษัทประกาศว่า จะเข้าซื้อ Far East Medical Vietnam ที่บริหารงานโรงพยาบาลในเวียดนามด้วยเงินทุนกว่า 381 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถ้าข้อตกลงนี้บรรลุผลสำเร็จเมื่อไรจะกลายเป็นการเข้าซื้อกิจการด้านการดูแลสุขภาพครั้งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา
บริษัทสัญชาติเวียดนามรายนี้มีสถานพยาบาลในเครือหลายแห่ง ตั้งแต่ FV Hospital ใน Ho Chi Minh City ที่รองรับผู้ป่วยได้ 200 เตียง และให้บริการแพทย์เฉพาะทาง 30 สาขา เช่น มะเร็งวิทยา โรคหัวใจ หรือจักษุวิทยา มีคนไข้ทั้งจากเวียดนามและกัมพูชา โดยปี 2022 มีกำไรสุทธิถึง 16 ล้านเหรียญสิงคโปร์ โตก้าวกระโดดถึง 65% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ทาง Thomson จะซื้อกิจการบริษัทเอกชนแห่งนี้จาก Quadria Capital บริษัทลงทุนในกิจการนอกตลาดหลักทรัพย์จากสิงคโปร์ และคณะแพทย์ชาวฝรั่งเศสที่นำโดย Jean-Marcel Guillon ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ FV Hospital ซึ่งการเจรจาธุรกิจครั้งนี้ไปปิดข้อตกลงธุรกิจ ณ สำนักงานของ RSP Architects Planners and Engineers ในสิงคโปร์ที่ตระกูล Lim เป็นเจ้าของ
“เราจับมือทำสัญญากันระหว่างกินข้าวมันไก่” Lim วัย 30 ปีกล่าว
เขาเล่าว่า แผนเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้ Thomson บรรลุเป้าหมายที่เฝ้าตามหาคือ การพบหนทางแผ่กิ่งก้านสาขาขยายธุรกิจสู่ประเทศที่เศรษฐกิจและตลาดธุรกิจการดูแลสุขภาพเติบโตรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถม Lim ยังสานสัมพันธ์อันดีกับ Guillon ที่ยอมตกลงอยู่บริหารกิจการต่ออีก 2-3 ปีหลัง ข้อตกลงธุรกิจนั้นสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเขามั่นใจว่า FV Hospital จะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Thomson Medical ตั้งแต่ต้นปีนี้
เขาระบุผ่านทางอีเมลในปีที่ผ่านมาว่า “แม้จะมีปัจจัยอื่นๆที่คาดไม่ถึง แต่กระบวนการเข้าซื้อกิจการยังคืบหน้าตามกำหนดและน่าจะเสร็จสิ้นภายในปลายปี 2023”
การประกาศเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เปิดทางให้เขาได้เดินตามรอยเท้าพ่อผู้เป็นเศรษฐีพันล้านอย่าง Peter Lim อดีตโบรกเกอร์ที่จับพลัดจับผลูทำกำไรจากหุ้น Wilmar กิจการน้ำมันปาล์มยักษ์ใหญ่ได้ 1.5 พันล้านเหรียญ และต่อยอดขยายพอร์ตการลงทุนจนมีมูลค่าหลักหลายพันล้านเหรียญ ทั้งจากการเข้าถือหุ้นในกิจการด้านศึกษา การดูแลสุขภาพ อสังหาริมทรัพย์ และกีฬา ซึ่งมีทีมฟุตบอล Valencia CF จากประเทศสเปนรวมอยู่ด้วย
นอกจากนี้ Lim ผู้พ่อยังซื้อกิจการ Thomson Medical Centre โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านแม่และเด็กเป็นเงินประมาณ 396 ล้านเหรียญเมื่อปี 2011 และแผ่กิ่งก้านสาขาต่อไปยังมาเลเซียในปีเดียวกันด้วยการซื้อหุ้น TMC Life Sciences กลุ่มบริษัทด้านการดูแลสุขภาพจาก Kuala Lumpur
จากนั้น Lim คนลูกจึงเข้ารับช่วงในตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารเมื่อเดือนกันยายน ปี 2022 และปัจจุบันบริษัทนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Thomson Medical Group เรียบร้อยแล้ว
คราวนี้มาถึงสารพัดขั้นตอนในการปิดข้อตกลงธุรกิจ หนึ่งในนั้นคือ ต้องผ่านการอนุมัติของบรรดาผู้ถือหุ้น ตระกูล Lim ถือหุ้น Thomson Medical อยู่ 90% และเมื่อเดือนกันยายนผลการลงมติ
ปรากฏว่าได้รับความเห็นชอบ 99.99% ซึ่งงานนี้จะต้องรอให้ทางการเวียดนามอนุญาตให้เดินหน้าการเข้าซื้อกิจการด้วย และขณะนี้เรื่องยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
อีกเรื่องหนึ่งคือ การตระเตรียมเงินทุนให้พร้อม ด้วยสนนราคาประมาณ 517 ล้านเหรียญสิงคโปร์ มูลค่าของการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จึงคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของทางบริษัท หรือ 1.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ อ้างอิงจากราคาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หรือพูดง่ายๆ ก็ถือเป็นงานหินอยู่เหมือนกัน โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทางบริษัทออกข่าวแจกพร้อมระบุว่า การซื้อกิจการครั้งนี้จะใช้เม็ดเงินทั้ง “จากภายในบริษัทและการกู้ยืมเงินจากภายนอก”
Saurabh Gupta กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจและการให้คำปรึกษาของ Maybank Securities จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของ Thomson Medical ในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ให้ข้อมูลผ่านทางอีเมลว่า ทุกอย่างราบรื่นดี และไม่ได้ลงรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม นอกจากระบุว่า “การจัดหาเม็ดเงินเพื่อใช้ในธุรกรรมครั้งนี้ทั้งหมดเข้าที่เข้าทางแล้ว” เช่นเดียวกับ Lim ที่แจ้งผ่านอีเมลว่า
เตรียมเงินทุนไว้ “พร้อมทั้งหมดแล้ว”
ทางบริษัทยังไม่ได้เปิดเผยว่า ธนาคารใด (หรือกี่แห่ง) จะร่วมจัดหาเงินทุนก้อนนี้ รวมทั้งยังไม่ได้เผยเรื่องเงื่อนไขอื่นใด ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์สินเชื่อต่างก็อยากจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วจะจัดการเรื่องเงินทุนออกมาในรูปแบบใด
ในเอกสารเวียนที่ Thomson Medical แจกให้ผู้ถือหุ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้ระบุไว้ว่า จะเข้าซื้อ FV Hospital ด้วยเม็ดเงินจากหลายแหล่ง ทั้งเงินสดที่มีอยู่ในงบดุลประมาณ 287 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน ปี 2023 และเงินที่ได้จากการกู้ยืม
โดยทางบริษัทระดมทุนได้แล้ว 150 ล้านเหรียญสิงคโปร์จากการขายหุ้นกู้ระยะ 5 ปีที่ให้อัตราผลตอบแทน 5.5% เมื่อเดือนพฤษภาคมและกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการออกหุ้นกู้หลายสกุลเงิน รวมมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์
หาก Thomson Medical ใช้เงินสดในมือทั้งหมดกับงบอีก 150 ล้านเหรียญสิงคโปร์จากการออกหุ้นกู้เพื่อเข้าซื้อบริษัทสัญชาติเวียดนามครั้งนี้ ทางบริษัทจะต้องกู้ยืมเงินเพิ่มเพียงประมาณ 80 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยให้รอดพ้นจากการสร้างภาระหนี้มหาศาลในเวลาที่ดอกเบี้ยกำลังสูงลิ่วได้ แต่ก็คงเป็นไปได้ยากที่จะนำเงินสดออกมาใช้ทั้งหมด
อันที่จริง Thomson Medical มีหนี้อยู่พอสมควรแล้ว ถ้าดูข้อมูลรายปีที่นับจนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2023 ยอดการกู้ยืมรวมเพิ่มจาก 629 เป็น 748 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ปัจจัยหนึ่งมาจากการเพิ่มศักยภาพการรองรับผู้ป่วยใน Kuala Lumpur จาก 254 เป็น 554 เตียง
Wong Di Ming นักวิเคราะห์สินเชื่อสังกัด iFAST Financial จากสิงคโปร์มองว่า แผนการเข้าซื้อกิจการที่เวียดนามของ Thomson Medical อาจจะทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทยิ่งตึงตัวมากขึ้นในระยะสั้น
ขณะที่ข้อมูลจาก Bloomberg บริษัทนี้มีอัตราส่วนของมูลค่าหุ้นแม่กับใบสำคัญแสดงสิทธิสูงที่สุดแห่งหนึ่งในหมู่ผู้ประกอบกิจการโรงพยาบาลอันดับต้นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (วัดจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด)
Lim ไม่ค่อยให้ราคากระแสกังวลเกี่ยวกับหนี้สินของบริษัทมากนักพร้อมย้ำว่า การเข้าซื้อกิจการจะยิ่งทำให้มีรายได้มากขึ้น และกระแสเงินสดของกลุ่มบริษัทที่เข้าซื้อจะมาช่วยหนุนโครงการต่างๆ ได้
“เราจะมัวรีรอให้โชคชะตาฟ้าลิขิตไม่ได้ เมื่อมองเห็นโอกาสนี้จึงต้องรีบคว้าไว้” Lim กล่าว
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Canelo Alvarez โอกาสของนักสู้บนเส้นทางธุรกิจ