เมื่อวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัท Daiso Sangyo ประเทศญี่ปุ่นได้เผยแถลงการณ์ถึงการจากไปของ Hirotake Yano ผู้ก่อตั้งร้าน 100 เยนอันโด่งดังด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2024 ในโอกาสนี้ Forbes จึงขอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ “คนธรรมดา” คนนี้ที่ไม่เคยยอมแพ้ จนสามารถสร้างธุรกิจมูลค่ามหาศาลขึ้นมาได้
เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักร้านค้าสีชมพูสดใสจากญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้มากมายหลากหลายชนิด คุณภาพก็ไม่เป็นรองใคร และขายในราคาเริ่มต้นเพียง 100 เยน ซึ่งสำหรับประเทศไทยจะอยู่ที่ 60 บาท ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง Daiso กันนั่นเอง
สินค้าส่วนมากในร้านอาจมีราคาถูกแสนถูกที่ 100 เยน ทว่าบริษัท Daiso Sangyo กลับสร้างรายได้หลักแสนล้านเยน พาให้ผู้ก่อตั้งบริษัท Hirotake Yano ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของญี่ปุ่น
กระนั้น กว่า Hirotake จะประสบความสำเร็จได้นั้นไม่ง่ายเลย เส้นทางชีวิตของเขาเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม ผจญความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเขาเคยคิดล้มเลิก แต่เขายังคงเดินหน้าต่อ โดยให้โชคชะตาช่วยนำทาง
เพียงคนธรรมดา ที่เดินหน้าฝ่ามรสุม
Hirotake Yano เกิดในปี 1943 เป็นลูกชายคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 8 คน เดิมชื่อ Koro Kurihara สมัยมัธยมปลายเขาชื่นชอบการชกมวยมาก อีกทั้งยังมีพรสวรรค์กระทั่งเคยได้รับเลือกไปเข้าร่วมค่ายเตรียมพร้อมนักกีฬาสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกด้วยซ้ำ
ความฝันของเด็กหนุ่มคือการชิงทุนนักกีฬาเข้ามหาวิทยาลัยเคโอ แต่ผู้ที่ได้รับทุนดังกล่าว ณ เวลานั้นจะเลือกเรียนได้แค่คณะวรรณคดี ซึ่งพ่อของ Hirotake ประกาศกร้าวว่า “ฉันจะไม่ส่งแกไปเรียนมหาวิยาลัย เว้นเสียแต่ว่าแกจะเรียนคณะวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ที่มีอาชีพการงานรองรับในอนาคต”
คำพูดของพ่อทำให้เขาต้องล้มเลิกความฝัน และหันมาตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยในสาขาที่พ่อต้องการแทน ซึ่งเขาเผยว่าเขาใช้เวลาถึง 1 ปี ไม่ว่าจะไปสอบที่ไหนก็ตกทั้งหมดรวม 16 ครั้ง จนครั้งที่ 17 เขาจึงสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชูโอได้สำเร็จ และได้เข้าเรียนในสาขาวิศวกรรมโยธาภาคกลางคืน
ระหว่างเรียนอยู่ เขาก็ได้พบรักกับภรรยา Katsuyo Yano และแต่งงานกัน ในโอกาสนี้เขาจึงได้เปลี่ยนชื่อรวมถึงนามสกุลด้วย เขาเลือกใช้นามสกุลของภรรยา โดยให้เหตุผลว่า “Yano ฟังดูดีกว่า Kurihara เวลาที่ทำรายการทางธุรกิจ”
กระนั้นเมื่อเรียบจบ เขากลับไม่สามารถหางานทำได้ แม้จะรับช่วงต่อกิจการเพาะเลี้ยงปลาจากพ่อตา ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ตรงกันข้าม เขาล้มละลายภายใน 3 ปี และยังเป็นหนี้อีก 7 ล้านเยน ซึ่งนับว่าเยอะมากในสมัยนั้น จนเขาต้องพาครอบครัวหนีเจ้าหนี้ด้วยซ้ำ
Hirotake หางานใหม่ทำหลายอย่าง และเปลี่ยนงานไม่ต่ำกว่า 9 ครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นนี้บั่นทอนจิตใจของเขาไม่น้อย เพราะคนญี่ปุ่นในยุคนั้นมักไม่ค่อยเปลี่ยนงาน การย้ายงานบ่อยๆ ทำให้เครดิตไม่ดี
จุดพลิกผันของ Hirotake มาถึงในปี 1972 เมื่อเขานึกอยากกลับมาเป็นเจ้าของกิจการอีกครั้ง และเปิดร้านขายของท้ายรถชื่อ Yano Shoten โดยสินค้าเป็นของใช้ทั่วไปในราคา 100 เยนทุกชิ้นไม่ว่าของชิ้นนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ซึ่งการตั้งราคาทั้งหมด 100 เยนนั่นก็เพื่อประหยัดเวลาในการติดป้ายราคาและจัดการต่างๆ นั่นเอง
ก้าวข้ามความล้มเหลว สร้างสิ่งยิ่งใหญ่
การตั้งราคา 100 เยนไม่ได้เสียงตอบรับที่ดีในทีแรก สินค้าแต่ละอย่างของเขาถูกนำไปเปรียบเทียบราคากับร้านอื่น บางชิ้นก็มีคนบอกว่าแพงเกินไป แต่สำหรับชิ้นที่มีราคาถูก ก็มีลูกค้ากังขาในคุณภาพ
Hirotake มิได้นิ่งดูดาย เขานำข้อมูลคำวิจารณ์ต่างๆ มาพิจารณา ปรับปรุงสินค้าต่างๆ ให้ดีขึ้น แม้ความล้มเหลวในอดีตจะตามมากหลอกหลอนเขาก็ตาม เขาเผยว่า “ช่วงที่เงินเฟ้อ ผมคิดหลายครั้งเลยว่าจะเลิกกิจการ การขายของทุกอย่างราคาเดียวเป็นเรื่องบ้าบอมาก แต่ผมยังทำต่อเพราะผมไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรแล้ว”
เขายังเล่าในการสัมภาษณ์กับทาง The Edge Malaysia ว่า ข้อผิดพลาดร้ายแรงที่สุดในชีวิตคือการล้มละลาย ณ ช่วงเวลานั้น การล้มละลายหมายถึงความตายสำหรับหลายๆ คน เขาเองก็เคยคิดเช่นกัน แต่เขาไม่มีทางเลือก เป้าหมายเดียวของเขาคือการหาเลี้ยงครอบครัว
คราวนี้โชคชะตาเข้าข้างเขา Hirotake เผยความโชคดีว่า “จะมีใครสักคนปรากฏตัวขึ้นช่วยเหลือเขาเสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
ร้านเล็กค่อยๆ เติบโต และเปลี่ยนชื่อเป็น Daiso ซึ่งมีความหมายว่า “สร้างสิ่งยิ่งใหญ่” ในปี 1977 โดย Hirotake ไม่ได้มีแผนธุรกิจหรือกลยุทธ์ใดๆ เลย เพราะแม้จะผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย เขาก็ยังเชื่อว่าตัวเองเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น Hirotake ไม่คิดฝันว่าบริษัทของเขาจะเติบโตจนยิ่งใหญ่ขนาดนี้ด้วยซ้ำ เขาเคยกล่าวว่า “อาจจะมีแผ่นดินไหว เงินเฟ้อพุ่ง คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเรายังแบกรับความเสี่ยงว่าสักวันลูกค้าอาจเบื่อสินค้าของเรา คำพูดที่ว่าชีวิตดีๆ คงอยู่ตลอดไปนั่นไม่จริงหรอกครับ”
หรือตอนที่ถูกถามเกี่ยวกับการขยายสาขา คำตอบของเขา “ผมกลัว เร็วๆ นี้ผมเริ่มคิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะเราก็มาไกลกันเหลือเกิน เอาจริงๆ ท้ายสุดแล้วอาจจะมีบริษัทอื่นมาซื้อกิจการของผมไปก็ได้”
ถือเป็นความกลัวที่แฝงปรัชญาชีวิต เรียกได้ว่าความล้มเหลวได้สอนบทเรียนอันล้ำค่าแก่เขา “ผมคิดว่าทุกอย่างจะแย่ลงเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ล้มเหลว แต่พอมองย้อนกลับไป ทุกอย่างที่ผมเคยมองว่าเป็นความผิดพลาดกลับเป็นการบ่มเพาะผมให้พร้อมสำหรับก้าวต่อไป”
อันที่จริง แม้ Hirotake จะเริ่มต้นแบบไร้กลยุทธ์ และยังคงคิดว่าบริษัทของตนจะล้มเหลวอีกครั้งในสักวัน แต่เขาก็พยายามไม่ถอย ดังเช่นที่บอกไปแล้วว่าเขามีการพัฒนาสินค้าและจัดหาซัพพลายเออร์ที่มีคุณภาพ
“ไม่มีอะไรง่ายเลย ถ้าคุณต้องการสร้างธุรกิจ คุณก็ต้องทำงานทุกวัน ถ้าคุณต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ คุณก็ต้องทำงานทุกวันเหมือนกัน และหากคุณอยากตัวเท่าผม คุณก็ต้องกินทุกวัน” Hirotake พูดติดตลก
โดยสิ่งสำคัญสำหรับ Hirotake และ Daiso คือการสร้างความเชื่อใจแก่ลูกค้า ใส่ใจความสุขของพวกเขา รวมถึงการแบ่งปันสิ่งดีๆ แก่ทุกคน
“เราประสบความสำเร็จจากการสรรหาสินค้าที่ขาดแคลนหรือยากจะเข้าถึง มาจัดจำหน่ายในวงกว้างและมีราคาประหยัด”
ปัจจุบัน Daiso เติบโตจนมีสาขาในประเทศราว 4,360 แห่ง และต่างประเทศอีกกว่า 990 แห่ง รายได้ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2023 อยู่ที่ 5.89 แสนล้านเยนทั้งยังได้รับความนิยมจากผู้คนมากมายทั่วโลก ด้วยสินค้าราคาถูก คุณภาพดี และมีให้เลือกหลากหลาย พาผู้ก่อตั้งอย่าง Hirotake ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีโดยมีมูลค่าทรัพย์สินล่าสุดราว 2.8 แสนล้านเยน หรือ 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
แม้วันนี้ Hirotake Yano จะลาจากโลกใบนี้ไปแล้วในวัย 80 ปี แต่ครั้งหนึ่งคนธรรมดาอย่างเขา ก็เคยสร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่นามว่า Daiso ขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวบนหน้าประวัติศาสตร์ธุรกิจอันน่าจดจำ
แหล่งที่มา:
Billionaire founder of Daiso Industries dies at 80
Daiso – The Story Behind the ¥100 Phenomenon
Everything You Need To Know About Daiso
The Founder of Daiso: Hirotake Yano
100 Yen Shop King: Chuo University's Ashita-no Joe?
Daiso Industries founder Hirotake Yano on the rocky start to his entrepreneurial journey
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 10 อันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2024
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine